นักวิชาการด้านการศึกษาวิพากษ์นโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมืองต่างๆ แค่การประมูลงานการศึกษาโดยการเสนอความช่วยเหลือด้านต่างๆ ในเชิงสวัสดิการ แต่แนวทางการพัฒนาคุณภาพ โอกาส ความเท่าเทียมทางการศึกษากลับไม่มีความชัดเจน ซัด! แค่นโยบายเอาใจผู้ปกครองเพื่อให้ได้รับเลือกมากกว่าจะเป็นนโยบายที่เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว จะทำให้การศึกษาดีขึ้น
รศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ออกมารณรงค์หาเสียงก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ว่า นโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ออกมาในช่วงรณรงค์หาเสียงนั้น โดยภาพรวมเน้นไปในเชิงการให้สวัสดิการ เช่น ให้เรียนฟรี หรือฝากเงินให้ เป็นลักษณะการเสนอว่าพรรคของตนเองจะให้อะไรคล้ายกับการประมูลการศึกษาโดยการเสนอความช่วยเหลือต่างๆ
แต่หัวใจของการศึกษาจริงๆ ที่เด็กไทยจะต้องมีคือ คุณภาพการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาเรามีปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษามาโดยตลอด ก็ยังไม่มีพรรคไหนที่มีแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างชัดเจน ขณะที่โอกาสและความเท่าเทียมกันทางการศึกษาก็ยังไม่มีแนวทางชัดเจนเช่นกัน แม้บางพรรคจะเสนอนโยบายให้เรียนฟรีทุกคน แต่ความพร้อมของโรงเรียนที่ต่างกันก็จะทำให้เด็กไม่ได้รับความเท่าเทียมกัน ส่วนการส่งเสริมศักยภาพของเด็กไทยให้ทัดเทียมและไปแข่งขันกับนานาชาติได้นั้นก็ไม่มีการเสนอแนวทางชัดเจนเช่นกัน
“ปัญหาการศึกษาของไทยที่ต้องเร่งดำเนินการ 3 เรื่องใหญ่ คือ คุณภาพ โอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษา และการแข่งกับนานาชาติ แต่ละพรรคยังไม่เสนอภาพที่ชัดเจน ส่วนเรื่องเรียนฟรีนั้น เป็นเรื่องที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องยากที่จะให้ทุกคนเรียนโดยไม่เสียเงินเลย แม้ทำได้ เด็กก็จะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพไม่เท่ากันเพราะการเรียนฟรีโดยการให้การสนับสนุนกับโรงเรียนอย่างเท่าๆ กัน ดูเหมือนจะเป็นธรรม แต่ความจริงไม่เป็นธรรม เพราะโรงเรียนในต่างจังหวัดมีความพร้อมน้อยกว่า แม้จะได้เงินเท่ากัน ก็ยังไม่สามารถพัฒนาได้เท่าเทียมกับโรงเรียนในเมือง”
“หากจะให้ได้ผลจริงๆ ต้องลงทุนโดยให้งบประมาณกับโรงเรียนที่เสียโอกาส เช่น โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลมากกว่าโรงเรียนในเมือง เพื่อให้โรงเรียนเหล่านี้สามารถพัฒนาทัดเทียมโรงเรียนอื่นๆ และอยู่ด้วยตนเองได้”
รศ.ดร.ไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า การให้ในลักษณะสวัสดิการก่อให้เกิดผลเสียด้วยเช่นกัน เพราะคนที่มีฐานะและสามารถดูแลการศึกษาบุตรหลานตนเองได้ ก็จะได้รับโอกาสในการช่วยเหลือจากรัฐไปด้วย ซึ่งการให้เรียนฟรีเหมือนกันหมดทุกคนนั้น ไม่มีผลในเชิงการพัฒนาการศึกษาเท่าใดนัก ดังนั้น จึงควรให้การสนับสนุนกับโรงเรียนด้อยโอกาส เพื่อให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกับโรงเรียนในเมืองมากกว่า
“นโยบายที่ออกมาของพรรคการเมืองทั้งหมด เป็นการเสนอนโยบายเอาใจผู้ปกครอง และเอาใจเด็กมากกว่าจะเป็นการเสนอนโยบายเพื่อพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจัง และเมื่อวิเคราะห์นโยบายด้านการศึกษาของทุกพรรคแล้ว จะพบว่าไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะปรับปรุงการเรียนการสอนอย่างไรในอนาคต หรือจะนำไปสู่ระบบการบริหารจัดการที่ดีอย่างไร นโยบายที่พรรคการเมืองประกาศออกมายังไม่สามารถทำให้คุณภาพการศึกษาของไทยดีขึ้น เป็นเพียงนโยบายเพื่อทำให้พรรคของตนได้รับเลือก มากกว่าจะเป็นนโยบายที่เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว จะทำให้การศึกษาดีขึ้นได้อย่างไร” รศ.ดร.ไพฑูรย์กล่าว