xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์เตือน “มะเร็งจีสต์” ภัยแฝงคร่าชีวิตกว่า 2 หมื่นราย/ปีทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แพทย์เตือน “มะเร็งจีสต์” ภัยแฝงที่ไม่ควรมองข้าม เผยทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 รายทุกปี ส่วนประเทศไทย ประชาชนควรระวัง หากตรวจพบเนื้องอกอยู่บริเวณในช่องท้อง ต้องเร่งให้แพทย์เร่งวินิจฉัยโดยเร่งด่วน
นพ.เทพ เฉลิมชัย หน่วยมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยถึงอันตรายของโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหารหรือ มะเร็งจีสต์ (GIST- Gastrointestinal Stromal Tumor) ว่า โรคมะเร็งจีสต์ ถือเป็นโรคใหม่สำหรับคนไทยโดยเป็นที่รู้จักในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งทุกๆ ปีจะค้นพบผู้ป่วยโรคนี้มากกว่า 20,000 รายทั่วโลก และพบในเพศชายและเพศหญิงใกล้เคียงกัน มะเร็งทางเดินอาหารชนิดนี้ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผนังทางเดินอาหาร โดยมีการแบ่งเซลล์และเพิ่มจำนวนมากและขาดการควบคุม เมื่อมีขนาดโตขึ้น จะโตออกนอกผนังทางเดินอาหารและจะกดทับอวัยวะข้างเคียง มะเร็งจีสต์พบได้บ่อยที่สุดบริเวณกระเพาะอาหาร 55% รองลงมาพบที่ลำไส้เล็ก 30% และหลอดอาหาร 5% อาจจะพบได้ที่อวัยวะอื่น เช่น ตับ รังไข่ และมดลูก

อ.นพ.เทพ เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า อุบัติการณ์ของมะเร็งจีสต์ จะพบ 15 คนต่อประชากร 1,000,000 คนต่อปี โดยพบในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป และพบน้อยในเด็ก นอกจากนี้ยังพบได้ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคพบว่ามีความผิดปกติของเซลล์ ที่เรียกว่า “Interstitial cell of Cajal (ICC)” โดยพบว่ามีการกลายพันธุ์ของยีนพันธุกรรม บริเวณตัวจับบนผิวเซลล์ ที่เรียกว่า C-kit หรือ CD 117 ทำให้เซลล์เหล่านั้นมีการเพิ่มจำนวนมากผิดปกติและขาดการควบคุม ทำให้เกิดเนื้องอกขนาดใหญ่ สาเหตุของการกลายพันธุ์ ซึ่งไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

สำหรับอาการที่มักจะแสดงอาการเตือนจะมีอาการปวดท้อง ปวดจุกแน่น เสียดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ซีดลงผิดปกติ คลำได้ก้อนที่ท้อง หรือก้อนโตขึ้น ซึ่งการวินิจฉัยในอดีตบ่อยครั้งมักจะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งของกล้ามเนื้อเรียบในระบบทางเดินอาหาร แต่ปัจจุบันมีการตรวจวินิจฉัยชนิดพิเศษที่เรียกว่า C-kit (CD117) โดยวิธี Immunohistochemistry ซึ่งถ้าพบว่าผลเป็นบวกร่วมกับปัจจัยอื่น เช่น การตรวจร่างกายสงสัยว่ามีก้อน การตรวจทางรังสีวินิจฉัยบริเวณช่องท้อง เช่น เครื่อง Ultrasound, CT scan หรือ MRI มีลักษณะที่บ่งชี้ว่ามีก้อนเนื้อในช่องท้องก็สามารถวินิจฉัยได้

ในส่วนของการรักษา มีหลายวิธี เช่น 1.การผ่าตัด ถือเป็นวิธีการรักษาวิธีเดียว ที่ทำให้หายขาดได้ในกรณีที่โรคยังอยู่เฉพาะที่หรือระยะแพร่กระจายที่สามารถผ่าตัดได้ 2.การรักษาเฉพาะที่ในกรณีที่มะเร็งกระจายมาที่ตับ เช่น การจี้ด้วยคลื่นความถี่สูง (Radio Frequency Ablation) หรือการฉีดสารเข้าไปทำลายเนื้องอกโดยผ่านเส้นเลือดที่มาเลี้ยง (Hepatic Arterial Embolization) และ 3.การรักษาโดยวิธีรับประทานยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ได้จำเพาะหรือตรงเป้าหมาย ทางชีวโมเลกุลต่อโรคมะเร็งชนิดจีสต์ (Molecular Targeted) โดยไปยับยั้งการทำงานของตัวจับผิวเซลล์ ที่เรียกว่า C-kit receptor หรือ CD 117

นอกจากนี้ ในการปฏิบัติตัว สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจีสต์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เผ็ด มีรสจัด ย่อยยาก พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสุรา บุหรี่ ไม่เครียด สังเกตอาการผิดปกติในร่างกาย ถ้าตรวจพบควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษา และควรตรวจและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
กำลังโหลดความคิดเห็น