xs
xsm
sm
md
lg

12 ปีการศึกษาผ่านดาวเทียม พระราชดำริของพ่อหลวงที่ ร.ร.วังไกลกังวล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ ทุกโรงเรียนในประเทศไทย คือนักเรียนของพระองค์”
จากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อการศึกษาไทย ได้ก่อให้เกิดโรงเรียนวังไกลกังวล ที่ตั้งอยู่ภายในเขตพระราชฐานชั้นนอกของพระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อีกทั้งยังมีวิทยาลัยการอาชีพเพื่อรองรับนักเรียนและประชาชนทั่วไปที่สนใจศึกษาในส่วนของวิชาชีพต่างๆ

สิ่งสำคัญที่โรงเรียนวังไกลกังวลมีไม่เหมือนที่อื่น หรือเรียกได้ว่าเป็นแห่งเดียวในประเทศก็ว่าได้นั่นคือการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยเกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงอยากเห็นการศึกษาไทยมีความทัดเทียมกัน อยากให้มีการเรียน การสอนที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นในเมือง หรือตามชนบทถิ่นทุรกันดาร และได้ดำเนินการออกอากาศเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2538
ณ วันนี้เป็นเวลากว่า 12 ปี ที่แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ปรากฏผลออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ว่าการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมีความสำคัญต่อการศึกษาของไทยเพียงใด

**พัฒนาคุณภาพโดยยึดหลัก ‘ พอเพียง ’
ขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้จัดการโรงเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ตามคำสั่งของสำนักพระราชวัง อธิบายถึงที่มาที่ไปว่า การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้เท่าเทียมกัน ทั้งในเมืองและชนบท ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนครูในสาขาต่างๆ และทำให้ความเชี่ยวชาญในการสอนเป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากหลายโรงเรียนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ครูคนเดียวต้องรับภาระในการสอนหลายวิชา

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ในส่วนของภาครับปลายทางให้แก่โรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ กว่า 2,650 แห่ง โรงเรียนประถมศึกษา กว่า 15,000 แห่ง และโรงเรียนพระปริยัติธรรมอีก 300 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภาคของไทย

ขวัญแก้วอธิบายเพิ่มเติมว่า การจัดการสอนทางไกลนี้จะเปิดทุกรายวิชา ทุกชั้นเรียน ทั้งสิ้น 15 ช่อง หนึ่งช่องต่อหนึ่งชั้น ตั้งแต่ ป.1 – ม.6 รวมแล้วเป็น 12 ช่อง นอกจากนี้ยังมีอีก 3 ช่องคือช่องของวิทยาลัยการอาชีพซึ่งมีการออกอากาศการเรียนในวิชาชีพต่างๆ เช่น การสอนทำผม สอนนวด สอนแต่งหน้า สอนตัดเสื้อ สอนวาดรูป ระบายสี และสอนทำอาหาร เป็นต้น ช่องมหาวิทยาลัยและช่องนานาชาติ ที่สอนหลากหลายภาษาไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน เป็นต้น
ด้านเทคโนโลยี ได้มีการใช้เครื่องส่งที่ทันสมัย เรียกได้ว่าดีที่สุดที่มีในประเทศตอนนี้ ส่วนของเงินทุนและอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความร่วมมือสนับสนุนด้วยดีตลอดมา

ขณะที่ในส่วนการพัฒนาคุณภาพของครูผู้สอน ทางมูลนิธิฯ ได้ร่วมมือกับสถาบันภาษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และม.โอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในการให้การฝึกอบรมครู คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงวิธีการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“ ผลพลอยได้ของการศึกษาทางไกล คือทำให้เด็กนักเรียนที่เจ็บไข้ ไม่สบายอยู่บ้าน สามารถดูการเรียนการสอนได้จากเคเบิ้ล ทำให้ไม่เสียการเรียน และเด็กนักเรียนจากต่างจังหวัดยังมีโอกาสได้ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่จัดขึ้นโดยม.เกษตรศาสตร์ผ่านทางระบบนี้อีกด้วย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า โรงเรียนวังไกลกังวล มีการศึกษาที่ครบวงจร และเอื้อประโยชน์ให้กับการศึกษาเป็นอย่างมาก คือตั้งแต่ชั้นอนุบาล อายุ 3 ขวบ จนถึง ชั้น ม.6 อายุ 18 ปี อีกทั้งการจัดการเรียนการสอนก็เป็นไปตามแนวพอเพียง ราคาถูก เช่น ใช้ห้องเรียนจริง บรรยากาศการเรียนจริงในการออกอากาศ ไม่ต้องจัดสร้างห้องเพิ่ม เรื่องแสงก็ใช้แสงธรรมชาติ แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ธรรมดา แม้แต่ตัวของครูผู้สอนเองก็สวมเครื่องแบบ มียูนิฟอร์มของมูลนิธิฯ ไม่ต้องแต่งหน้าเหมือนการออกรายการทางโทรทัศน์ทั่วไป”

“สิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ในหลวงทรงแนะนำในเรื่องของการถ่ายทอดสด ว่า การทำให้หน้าตาของครูผู้สอนดูสวยอย่างธรรมชาติ ไม่มีตีนกานั้น ควรโฟกัสไปที่ปลายจมูกของผู้สอน เมื่อทำตามที่พระองค์แนะนำภาพที่ออกมาถึงแม้จะเป็นสัญญาณดาวเทียมแต่ให้ภาพที่คมชัดเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณกับพวกเราเป็นอย่างยิ่ง” ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ กล่าวด้วยความปีติ

**จากใจศิษย์เก่าทางไกลผ่านดาวเทียม
นับตั้งแต่เปิดการเรียนการสอนขึ้น ต้องบอกว่ามีผู้ที่จบการศึกษาจากการเรียนผ่านโครงการทางไกลผ่านดาวเทียมจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับออกมารับใช้ประเทศชาติในหลากหลายสาขาอาชีพ

หนึ่งในนั้นก็คือ “ภัทรรินทร์ ศิริรัตน์” ที่ปัจจุบันเป็นเลขานุการรองประธานฝ่ายอบรม มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
ภัทรรินทร์เล่าให้ฟังว่า เข้าเรียนที่โรงเรียนวังไกลกังวลตั้งแต่ปีพ.ศ. 2535 ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และจบการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปี 2540 จากนั้นได้โควตาศึกษาต่อที่ มศว.ประสานมิตร คณะศึกษาศาสตร์ เอกดุริยางค์ จบแล้วจึงเรียนต่อปริญญาโท สาขาวิชาการอุดมศึกษา เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการด้านการศึกษาโดยตรง

ทั้งนี้ เมื่อเรียนจบแล้ว ประธานมูลนิธิฯ คือท่านขวัญแก้วเห็นว่าในมูลนิธิฯ ยังไม่มีผู้ที่จบด้านศึกษาศาสตร์โดยตรง จึงได้มีโอกาสมาทำงานที่นี่

“ มีความยินดีมากที่ได้กลับมารับใช้โรงเรียนอีกครั้ง อีกอย่างก็คือทำงานตรงกับสายงานที่ได้เรียนมา ขอบข่ายงานที่ดูแลจะอยู่ในส่วนของโรงเรียนเป็นหลัก โดยมูลนิธิฯ เป็นฝ่ายสนับสนุน โรงเรียนเป็นผู้บริการเรื่องสถานที่ ห้องเรียน นักเรียน สื่อการสอน มูลนิธิฯ มีหน้าที่ในการสนับสนุนในส่วนของงบประมาณในการจัดทำสื่อต่างๆ การยืมตัวอาจารย์ผู้สอนจากโรงเรียนในส่วนกลางมาสอน อุปกรณ์การเรียนการสอน แต่ส่วนที่ทำจะอยู่ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรครู อบรมครู และดูแลในส่วนของหลักสูตร โดยเชื่อว่าการเรียนในระบบนี้จะช่วยทำให้เรากล้าแสดงออก อย่างเด็กสมัยนี้ออกอากาศตั้งแต่ประถม ก็ทำให้ปลูกฝังมาเรื่อยๆ และเด็กๆ สนุกกับการเรียน ทำให้ซึมซับการกล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทำมาจนโต” ภัทรรินทร์ กล่าวด้วยความภูมิใจ

**การศึกษาเพื่อผู้ด้อยโอกาส
เสรี วะราโภ ครูใหญ่โรงเรียนวังไกลกังวล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า นอกเหนือจากโรงเรียนวังไกลกังวลที่จัดการศึกษาในรูปแบบของการส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กไทยแล้วนั้น ในส่วนของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ตอนนี้ทั่วทั้งประเทศไทยมีอยู่ทั้งสิ้น 44 แห่ง ก็เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้รับเอาเด็กที่ขาดโอกาสเข้ามาเรียน และเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับการถ่ายทอดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมาจากโรงเรียนไกลกังวลด้วย

กล่าวเฉพาะโรงเรียนราชประชานุเคราะห์นั้น ต้องบอกว่า เป็นโรงเรียนที่มีปรัชญาการเรียนการสอนที่ชัดเจนว่า ต้องการทำให้เด็กรู้จักการช่วยเหลือตัวเอง การรู้จักทำมาหากิน และจากการติดตามนักเรียนกลุ่มนี้เองหลังจากจบจากที่นี่แล้วนั้นสามารถมีเงินเก็บ ส่งให้ที่บ้านได้ใช้ ขณะเดียวกันเมื่อเด็กเหล่านี้ เรียนต่อในระดับปริญญาตรี จะจบได้ง่าย เนื่องจากต้องดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอด เมื่อเรียนในระดับอุดมศึกษาเขาก็จะรู้ตัวเองว่าต้องทำอย่างไร จะมีสติ

“ที่นี่พยายามสอนให้นักเรียนรู้จักบุญคุณของแผ่นดิน อบรมบ่มนิสัยให้นักเรียนเป็นคนดี และมีเมตตา ครูต้องดูแล ดังพระราชดำรัสที่ว่า สอนเด็กดี เด็กเก่งให้เก่งได้ นั้นเป็นครูธรรมดาสามัญ แต่สอนเด็กที่เสียโอกาสให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ จะเป็นปูชนียบุคคลอย่างแท้จริง” ครูใหญ่โรงเรียนวังไกลกังวลสรุป




กำลังโหลดความคิดเห็น