ล้มโครงการ “คุรุธานี” ดับฝันครูมีบ้านเป็นของตนเอง สำนักงานอัยการสูงสุดชี้ การดำเนินโครงการมูลค่าเกินพันล้านต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมค้าและเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี สกสค.ฝันสลายขยายโครงการทั่วประเทศ บริษัททำประชาสัมพันธ์ให้คุรุธานี เตรียมฟ้องผู้รับผิดชอบโครงการไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามสัญญา มูลค่าเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ปลัด ศธ.ยันไม่กระทบครูที่จองบ้านกับโครงการฯ ไปแล้วเพราะยังไม่มีการจ่ายเงิน
จากที่องค์การค้าของคุรุสภาเดิม ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินเพื่อดำเนินโครงการเคหะสงเคราะห์แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ภายใต้ชื่อ โครงการคุรุธานี ซึ่งต่อมาองค์การค้าฯได้โอนย้ายมาอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ทั้งนี้ สกสค. ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 ให้สำนักงาน สกสค.ดำเนินการโครงการคุรุธานี บนที่ดินจำนวน 8 แปลง มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ เพื่อช่วยให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถมีบ้านพร้อมที่ดิน หรือจัดสร้างที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ของตนเอง โดยให้ผ่อนระยะยาวกับธนาคาร 30 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีบ้านและที่ดิน ทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 600,000 บาท พร้อมสาธารณูปโภคครบครัน โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ซึ่งขณะนี้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาได้จองบ้านในโครงการบางส่วนไปแล้ว โดย สกสค.มีโครงการจะขยายโครงการคุรุธานีไปทุกจังหวัดทั่วประเทศด้วยนั้น
ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า สืบเนื่องจาก สกสค.ได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการคุรุธานี ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยกลับมาว่า หากเป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมค้า 2535 คือเมื่อมีการลงทุนหรือใช้ชื่อลงทุนร่วมกันจะต้องเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขออนุมัติก่อน แต่เนื่องจาก สกสค.ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด ทางบริษัท เดวา ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับสกสค.ในการดำเนินการจัดสร้างบ้านโครงการคุรุธานีจึงได้บอกเลิกสัญญา และยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว
“หมายความว่าขณะนี้โครงการคุรุธานีได้ยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว แต่คณะอนุกรรมการที่ สกสค.แต่งตั้งก็กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงการใหม่ว่า จะสามารถทำโครงการได้ในรูปแบบใด เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมค้า ก่อนที่จะเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อปรับรูปแบบให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับครูที่จองบ้านในโครงการไว้แล้วในจังหวัดต่างๆ ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะยังไม่ได้เสียเงินค่าจองแต่อย่างใด”ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการยกเลิกโครงการ บริษัทที่รับทำประชาสัมพันธ์และทำป้ายโฆษณาให้โครงการคุรุธานีหลายแห่ง ได้ยื่นฟ้องผู้รับผิดชอบโครงการคุรุธานี เนื่องจากไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามสัญญา ซึ่งมูลค่าความเสียหายรวมกันคาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ทั้งนี้ นายยศฉัตร มั่นมะโน รองเลขาธิการ สกสค.เป็นผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าว
จากที่องค์การค้าของคุรุสภาเดิม ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินเพื่อดำเนินโครงการเคหะสงเคราะห์แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ภายใต้ชื่อ โครงการคุรุธานี ซึ่งต่อมาองค์การค้าฯได้โอนย้ายมาอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ทั้งนี้ สกสค. ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 ให้สำนักงาน สกสค.ดำเนินการโครงการคุรุธานี บนที่ดินจำนวน 8 แปลง มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ เพื่อช่วยให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถมีบ้านพร้อมที่ดิน หรือจัดสร้างที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ของตนเอง โดยให้ผ่อนระยะยาวกับธนาคาร 30 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีบ้านและที่ดิน ทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 600,000 บาท พร้อมสาธารณูปโภคครบครัน โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ซึ่งขณะนี้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาได้จองบ้านในโครงการบางส่วนไปแล้ว โดย สกสค.มีโครงการจะขยายโครงการคุรุธานีไปทุกจังหวัดทั่วประเทศด้วยนั้น
ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า สืบเนื่องจาก สกสค.ได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการคุรุธานี ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยกลับมาว่า หากเป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมค้า 2535 คือเมื่อมีการลงทุนหรือใช้ชื่อลงทุนร่วมกันจะต้องเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขออนุมัติก่อน แต่เนื่องจาก สกสค.ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด ทางบริษัท เดวา ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับสกสค.ในการดำเนินการจัดสร้างบ้านโครงการคุรุธานีจึงได้บอกเลิกสัญญา และยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว
“หมายความว่าขณะนี้โครงการคุรุธานีได้ยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว แต่คณะอนุกรรมการที่ สกสค.แต่งตั้งก็กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงการใหม่ว่า จะสามารถทำโครงการได้ในรูปแบบใด เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมค้า ก่อนที่จะเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อปรับรูปแบบให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับครูที่จองบ้านในโครงการไว้แล้วในจังหวัดต่างๆ ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะยังไม่ได้เสียเงินค่าจองแต่อย่างใด”ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการยกเลิกโครงการ บริษัทที่รับทำประชาสัมพันธ์และทำป้ายโฆษณาให้โครงการคุรุธานีหลายแห่ง ได้ยื่นฟ้องผู้รับผิดชอบโครงการคุรุธานี เนื่องจากไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามสัญญา ซึ่งมูลค่าความเสียหายรวมกันคาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ทั้งนี้ นายยศฉัตร มั่นมะโน รองเลขาธิการ สกสค.เป็นผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าว