องค์กรสตรีเรียกร้องปลัด พม.ซึ่งถูกสอบสวนกรณีทุจริตและชู้สาวแสดงสปิริตลาออกจากคณะกรรมการ ก.พ.ชุดใหม่ ด้านเลขา ก.พ.เผยปลัด พม.ได้รับเลือกเดือนสิงหาคมก่อนถูกร้องเรียน มีอำนาจพิจาณาการลงโทษทางวินัยข้าราชการ ระบุเป็นต่อได้จนกว่าจะสรุปชี้ชัดว่ามีความผิดทางวินัย หรือพ้นจากตำแหน่งปลัด
นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวถึงรายชื่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ชุดใหม่ โดยมี นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมอยู่ด้วย ว่า แม้ช่วงที่ได้รับเลือกจะยังไม่ถูกร้องเรียนพฤติกรรมอื้อฉาว แต่เมื่อขณะนี้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และสังคมยังมีข้อสงสัยอยู่ จึงต้องการเรียกร้องให้นายวัลลภแสดงสปิริตลาออกจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว หรือให้คณะกรรมการ ก.พ.แขวนชื่อนายวัลลภไว้ก่อน เพื่อให้คณะกรรมการคนอื่น ๆ ทำงานด้วยความสบายใจ
“ไม่ถูกต้องและไม่เป็นความชอบธรรม แม้ตอนเลือกไม่ทราบข่าว แต่เมื่อตอนนี้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนและมีมูลผิดทั้งทุจริตและชู้สาว สังคมก็จับจ้องสงสัย คุณวัลลภเองควรแสดงสปิริตแบบคนที่เจริญทำกัน คือ ลาออกไป คณะกรรมการที่เหลือจะได้ไม่ต้องอึดอัด อิหลักอิเหลื่อใจ หรือไม่คณะกรรมการน่าขะแขวนชื่อเอาไว้ก่อน เพื่อความโปร่งใสและสง่างาม” นางทิชา กล่าว
ด้านนายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า นายวัลลภได้รับเลือกตั้งจากข้าราชการระดับอธิบดีทั่วประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 โดยการคัดเลือก คือ จะให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เสนอชื่อข้าราชการระดับอธิบดีขึ้นไป 3 คน จากนั้นจะโหวตเลือกว่าใครได้คะแนนสูงสุด 12 คน ซึ่งนายวัลลภได้รับคะแนนเข้ามา และได้เสนอชื่อทูลเกล้าฯ ถวายต้นเดือนกันยายน ดังนั้น จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะมาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งได้รับโปรดเกล้าฯ แล้วเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนกรณีถูกร้องเรียนพฤติกรรมทุจริตและชู้สาวนั้น เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงต้องถือว่าขณะนี้ยังไม่มีความผิด ต้องรอจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยชี้ชัดว่ามีความผิดทางวินัย หรือออกจากตำแหน่งปลัด พม.แล้ว
“เปลี่ยนไม่ได้ เพราะมาจากการเลือกตั้ง และได้โปรดเกล้าฯ แล้ว ตอนนี้ต้องถือว่าท่านวัลลภยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะยังไม่มีการสรุปผลว่าผิดจริง จนกว่าจะถูกสั่งลงโทษว่าผิดทางวินัย ท่านถึงจะพ้นจากคณะกรรมการ ก.พ. หรืออีกกรณีคือพ้นเมื่อออกจากตำแหน่งปลัด พม.” นายปรีชา กล่าว
นายปรีชา กล่าวอีกว่า หน้าที่หลักของคณะกรรมการ ก.พ. คือ ดูแลทรัพยากรบุคคลตามกฎหมาย และพิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการที่ถูกร้องเรียน โดยจะต้องตรวจสอบว่าการลงโทษทางวินัยข้าราชการแต่ละคนที่คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอนั้น ได้ลงโทษตามมาตรฐานหรือไม่ โดยสามารถเสนอความเห็นแย้งได้หากเห็นว่าไม่เหมาะสมหรือรุนแรงไป ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกรณีมากที่คณะกรรมการ ก.พ.เห็นต่างและทำรายงานแย้งไปถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้แก้ไขบทลงโทษใหม่ตามที่เสนอ และถ้ามีกรณีของนายวัลลภพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการ ก.พ. ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีหลัก มีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้วว่าไม่ให้เข้าร่วมพิจารณากรณีของตัวเองหรือต้องงดลงคะแนน
“แนวปฏิบัติหลัก คือ ไม่ให้พิจารณาเรื่องของตัวเอง หรือไม่ก็งดลงคะแนน การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยข้าราชการไม่ว่าใครจะเป็นผู้ตั้งก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อถูกลงโทษทางวินัยอย่างไร ต้องส่งรายงานมาที่ ก.พ. และคณะกรรมการ ก.พ.จะตรวจดูว่าได้ลงโทษตามมาตรฐานการลงโทษหรือไม่ มีหลายกรณีมากที่แย้งว่าลงโทษแรงไป เขาก็ต้องฟังเรา และนายกรัฐมนตรีก็จะเสนอให้แก้คำสั่งใหม่” เลขาธิการ ก.พ. กล่าว
ขณะที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ก.พ.ชุดใหม่ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่ทราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากมีข่าวว่าปลัด พม.ถูกร้องเรียนพฤติกรรมทุจริตและชู้สาวในกระทรวง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา มีคณะกรรมการ ก.พ.บางคนแสดงความไม่สบายใจกับ สนช.อาวุโสหลายคนว่าเกรงจะมัวหมองไปด้วย และวิตกถึงการพิจารณากรณีข้าราชการที่ถูกร้องเรียนพฤติกรรมเดียวกัน ว่านายวัลลภอาจไม่เป็นกลาง รวมทั้งเป็นห่วงว่านายวัลลภจะเข้าประชุมพิจารณากรณีของตัวเองด้วย เช่นเดียวกับข้าราชการระดับอธิบดีหลายกระทรวงที่เป็นผู้โหวตเลือกนายวัลลภเป็นคณะกรรมการ ก.พ. ต่างรู้สึกเสียใจที่ขณะคัดเลือกไม่ทราบมาก่อนว่านายวัลลภจะถูกร้องเรียนพฤติกรรมกรรมอื้อฉาว
นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวถึงรายชื่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ชุดใหม่ โดยมี นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมอยู่ด้วย ว่า แม้ช่วงที่ได้รับเลือกจะยังไม่ถูกร้องเรียนพฤติกรรมอื้อฉาว แต่เมื่อขณะนี้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และสังคมยังมีข้อสงสัยอยู่ จึงต้องการเรียกร้องให้นายวัลลภแสดงสปิริตลาออกจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว หรือให้คณะกรรมการ ก.พ.แขวนชื่อนายวัลลภไว้ก่อน เพื่อให้คณะกรรมการคนอื่น ๆ ทำงานด้วยความสบายใจ
“ไม่ถูกต้องและไม่เป็นความชอบธรรม แม้ตอนเลือกไม่ทราบข่าว แต่เมื่อตอนนี้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนและมีมูลผิดทั้งทุจริตและชู้สาว สังคมก็จับจ้องสงสัย คุณวัลลภเองควรแสดงสปิริตแบบคนที่เจริญทำกัน คือ ลาออกไป คณะกรรมการที่เหลือจะได้ไม่ต้องอึดอัด อิหลักอิเหลื่อใจ หรือไม่คณะกรรมการน่าขะแขวนชื่อเอาไว้ก่อน เพื่อความโปร่งใสและสง่างาม” นางทิชา กล่าว
ด้านนายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า นายวัลลภได้รับเลือกตั้งจากข้าราชการระดับอธิบดีทั่วประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 โดยการคัดเลือก คือ จะให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เสนอชื่อข้าราชการระดับอธิบดีขึ้นไป 3 คน จากนั้นจะโหวตเลือกว่าใครได้คะแนนสูงสุด 12 คน ซึ่งนายวัลลภได้รับคะแนนเข้ามา และได้เสนอชื่อทูลเกล้าฯ ถวายต้นเดือนกันยายน ดังนั้น จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะมาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งได้รับโปรดเกล้าฯ แล้วเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนกรณีถูกร้องเรียนพฤติกรรมทุจริตและชู้สาวนั้น เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงต้องถือว่าขณะนี้ยังไม่มีความผิด ต้องรอจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยชี้ชัดว่ามีความผิดทางวินัย หรือออกจากตำแหน่งปลัด พม.แล้ว
“เปลี่ยนไม่ได้ เพราะมาจากการเลือกตั้ง และได้โปรดเกล้าฯ แล้ว ตอนนี้ต้องถือว่าท่านวัลลภยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะยังไม่มีการสรุปผลว่าผิดจริง จนกว่าจะถูกสั่งลงโทษว่าผิดทางวินัย ท่านถึงจะพ้นจากคณะกรรมการ ก.พ. หรืออีกกรณีคือพ้นเมื่อออกจากตำแหน่งปลัด พม.” นายปรีชา กล่าว
นายปรีชา กล่าวอีกว่า หน้าที่หลักของคณะกรรมการ ก.พ. คือ ดูแลทรัพยากรบุคคลตามกฎหมาย และพิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการที่ถูกร้องเรียน โดยจะต้องตรวจสอบว่าการลงโทษทางวินัยข้าราชการแต่ละคนที่คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเสนอนั้น ได้ลงโทษตามมาตรฐานหรือไม่ โดยสามารถเสนอความเห็นแย้งได้หากเห็นว่าไม่เหมาะสมหรือรุนแรงไป ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกรณีมากที่คณะกรรมการ ก.พ.เห็นต่างและทำรายงานแย้งไปถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้แก้ไขบทลงโทษใหม่ตามที่เสนอ และถ้ามีกรณีของนายวัลลภพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการ ก.พ. ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีหลัก มีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้วว่าไม่ให้เข้าร่วมพิจารณากรณีของตัวเองหรือต้องงดลงคะแนน
“แนวปฏิบัติหลัก คือ ไม่ให้พิจารณาเรื่องของตัวเอง หรือไม่ก็งดลงคะแนน การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยข้าราชการไม่ว่าใครจะเป็นผู้ตั้งก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อถูกลงโทษทางวินัยอย่างไร ต้องส่งรายงานมาที่ ก.พ. และคณะกรรมการ ก.พ.จะตรวจดูว่าได้ลงโทษตามมาตรฐานการลงโทษหรือไม่ มีหลายกรณีมากที่แย้งว่าลงโทษแรงไป เขาก็ต้องฟังเรา และนายกรัฐมนตรีก็จะเสนอให้แก้คำสั่งใหม่” เลขาธิการ ก.พ. กล่าว
ขณะที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ก.พ.ชุดใหม่ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่ทราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากมีข่าวว่าปลัด พม.ถูกร้องเรียนพฤติกรรมทุจริตและชู้สาวในกระทรวง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา มีคณะกรรมการ ก.พ.บางคนแสดงความไม่สบายใจกับ สนช.อาวุโสหลายคนว่าเกรงจะมัวหมองไปด้วย และวิตกถึงการพิจารณากรณีข้าราชการที่ถูกร้องเรียนพฤติกรรมเดียวกัน ว่านายวัลลภอาจไม่เป็นกลาง รวมทั้งเป็นห่วงว่านายวัลลภจะเข้าประชุมพิจารณากรณีของตัวเองด้วย เช่นเดียวกับข้าราชการระดับอธิบดีหลายกระทรวงที่เป็นผู้โหวตเลือกนายวัลลภเป็นคณะกรรมการ ก.พ. ต่างรู้สึกเสียใจที่ขณะคัดเลือกไม่ทราบมาก่อนว่านายวัลลภจะถูกร้องเรียนพฤติกรรมกรรมอื้อฉาว


