สภา กทม.ร้อนเหตุ ส.ก.พร้อมใจกันอภิปรายการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กทม.ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากบางตำแหน่งอยู่ได้ไม่ถึงปีก็กระโดดข้ามขั้นเป็นผู้ช่วยปลัด เพื่อนในตำแหน่งเดียวกันได้แต่มองตาปริบๆ ส่วนอีกตำแหน่ง คือ เมียของ “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” อดีต ผบ.ตร เหลืออายุราชการเกือบ 10 ปี แต่ได้ขึ้นแท่นรองผู้อำนวยการสำนักอย่างรวดเร็วเช่นกัน พร้อมเสนอตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายเฉพาะ ด้าน “อภิรักษ์ ” แจงพิจารณาทุกอย่างตามระเบียบ ก.พ.พร้อมใช้หลักธรรมาภิบาล ลดการวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่ง
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2550 นายอภิชาติ หาลำเจียก สมาชิกสภา กทม.เขตดินแดง ได้ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้ กทม.ทบทวนหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดย นายอภิชาติ อภิปรายว่า มีหลายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กทม.ในปีนี้ไม่มีความเหมาะสมเอื้อต่อพวกพ้อง โดยเฉพาะการแต่งตั้งนางวันทนีย์ วัฒนะ ผอ.กองควบคุมโรค ภรรยาพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการสำนักอนามัย ทั้งที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และเหลืออายุราชการมากถึง 8 ปี อีกคนคือนางชนิศฎ์สรฐ์ สืบสังข์ จาก ผอ.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นผู้ช่วยปลัด กทม.ทั้งที่เพิ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตเพียง 11 เดือน
ขณะที่สมาชิกสภา กทม.ต่างลุกขึ้นอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ว่า การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมอาจทำให้ข้าราชการปล่อยเกียร์ว่าง อาทิ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง กล่าวว่า การแต่งตั้งควรมีการพิจารณาองค์ประกอบอื่น โดยเฉพาะการพิจารณาโยกย้ายบุคลากรทางการแพทย์ ตนอยากให้มีการตรวจสอบไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะผู้ที่ได้แต่งตั้งโยกย้ายบางรายที่ได้รับทราบข้อมูล พบว่า เอาผลงานเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ที่ผ่าตัดเจาะกะโหลกกว่า 80 ราย มาเป็นผลงานของตัวเอง แต่จากการตรวจสอบที่โรงพยาบาลกลับพบว่ามีมีการรักษาคนไข้ด้วยวิธีแบบนี้
ส่วนการโยกย้ายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับงานด้านโยธา ก็มีข้อครหากล่าวขวัญมากที่สุดในการแต่งตั้งโยกย้ายแต่ละครั้งผู้ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายต้องใช้เงิน 7 หลัก เพื่อให้ได้ตำแหน่ง หรือจะอยู่ที่กองควบคุมอาคารได้ต้องใช้เงิน 7 หลักขึ้นไปเช่นกัน เหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากปัจจุบันคนกรุงละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างต่อเติมอาคารมากที่สุด เพราะค่าที่ดินแพง เจ้าของอาคารก็คิดแต่ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด ดังนั้น เมื่อตำแหน่งมีน้อย ความต้องการมีมาก ราคาจึงค่อนข้างสูงตามหลักอุปสงค์อุปทาน
ขณะที่ นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก กล่าวว่า ขอให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแต่ละครั้งต้องพิจารณาอย่างมีหลักการ โดยเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ
ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวชี้แจง โดยยืนยันว่า ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวตามระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 ซึ่งตนทราบดีว่าปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นปัญหาที่สะสมมานาน มีการเรียกร้อง การวิ่งเต้นเรียกรับสินบน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ โดยมี ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นประธาน มีผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการจะดูโครงสร้างเชื่อมโยงกับปัญหาข้างต้น ทั้งนี้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโยกย้ายมาโดยตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะมีการนำมาอภิปรายในสภาเหมือนครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจง ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งทุกครั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง กองการเจ้าหน้าที่จะต้องรวบรวมข้อมูลประวัติราชการซึ่งตรงตามระเบียบปฏิบัติของ กทม. พร้อมกับใช้หลักธรรมาภิบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้รอดูการทำงานของผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2550 นายอภิชาติ หาลำเจียก สมาชิกสภา กทม.เขตดินแดง ได้ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้ กทม.ทบทวนหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดย นายอภิชาติ อภิปรายว่า มีหลายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กทม.ในปีนี้ไม่มีความเหมาะสมเอื้อต่อพวกพ้อง โดยเฉพาะการแต่งตั้งนางวันทนีย์ วัฒนะ ผอ.กองควบคุมโรค ภรรยาพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการสำนักอนามัย ทั้งที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และเหลืออายุราชการมากถึง 8 ปี อีกคนคือนางชนิศฎ์สรฐ์ สืบสังข์ จาก ผอ.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นผู้ช่วยปลัด กทม.ทั้งที่เพิ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตเพียง 11 เดือน
ขณะที่สมาชิกสภา กทม.ต่างลุกขึ้นอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ว่า การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมอาจทำให้ข้าราชการปล่อยเกียร์ว่าง อาทิ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง กล่าวว่า การแต่งตั้งควรมีการพิจารณาองค์ประกอบอื่น โดยเฉพาะการพิจารณาโยกย้ายบุคลากรทางการแพทย์ ตนอยากให้มีการตรวจสอบไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะผู้ที่ได้แต่งตั้งโยกย้ายบางรายที่ได้รับทราบข้อมูล พบว่า เอาผลงานเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ที่ผ่าตัดเจาะกะโหลกกว่า 80 ราย มาเป็นผลงานของตัวเอง แต่จากการตรวจสอบที่โรงพยาบาลกลับพบว่ามีมีการรักษาคนไข้ด้วยวิธีแบบนี้
ส่วนการโยกย้ายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับงานด้านโยธา ก็มีข้อครหากล่าวขวัญมากที่สุดในการแต่งตั้งโยกย้ายแต่ละครั้งผู้ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายต้องใช้เงิน 7 หลัก เพื่อให้ได้ตำแหน่ง หรือจะอยู่ที่กองควบคุมอาคารได้ต้องใช้เงิน 7 หลักขึ้นไปเช่นกัน เหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากปัจจุบันคนกรุงละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างต่อเติมอาคารมากที่สุด เพราะค่าที่ดินแพง เจ้าของอาคารก็คิดแต่ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด ดังนั้น เมื่อตำแหน่งมีน้อย ความต้องการมีมาก ราคาจึงค่อนข้างสูงตามหลักอุปสงค์อุปทาน
ขณะที่ นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก กล่าวว่า ขอให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแต่ละครั้งต้องพิจารณาอย่างมีหลักการ โดยเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ
ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวชี้แจง โดยยืนยันว่า ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวตามระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 ซึ่งตนทราบดีว่าปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นปัญหาที่สะสมมานาน มีการเรียกร้อง การวิ่งเต้นเรียกรับสินบน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ โดยมี ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นประธาน มีผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการจะดูโครงสร้างเชื่อมโยงกับปัญหาข้างต้น ทั้งนี้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโยกย้ายมาโดยตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะมีการนำมาอภิปรายในสภาเหมือนครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจง ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งทุกครั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง กองการเจ้าหน้าที่จะต้องรวบรวมข้อมูลประวัติราชการซึ่งตรงตามระเบียบปฏิบัติของ กทม. พร้อมกับใช้หลักธรรมาภิบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้รอดูการทำงานของผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่