อย.มีมติห้ามใช้ “รกเด็ก” ผสมเครื่องสำอาง เตรียมทำประชาพิจารณ์ ฟังความคิดเห็น ก่อนเสนอ รมว.สธ.ลงนามในประกาศต่อไป ขณะที่รกสัตว์ แกะ วัว ไม่ห้ามผสมในเครื่องสำอาง
นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการเครื่องสำอาง กล่าวว่า ในการประชุมของคณะกรรมการเครื่องสำอางครั้งที่ 5/2550 มีมติเห็นชอบตามคณะอนุกรรมการเครื่องสำอางที่เสนอให้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง เพิ่มเป็น 1,243 รายการจากเดิม 41 รายการ ซึ่งวัตถุต้องห้ามนี้ อาทิ สารตะกั่ว แคดเมียม โลหะหนัก ฯลฯ รวมถึงเซลล์ หรือเนื้อเยื่อของคน และรกเด็กที่เป็นเครื่องสำอางที่ประชาชนกำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ด้วย โดยจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และชนิดของสารเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานของสหภาพยุโรปที่ดำเนินการอยู่แล้ว
สำหรับขั้นตอนต่อไปจะต้องนำร่างประกาศไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการเครื่องสำอางก่อนมีผลบังคับใช้ด้วย ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อนำเสนอต่อนพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามและประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ต่อไป
“จริงๆ แล้วที่มาตรฐานของสหภาพยุโรปห้ามการนำรกเด็กมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้น ตัวรกเด็กจริงๆ ไม่อันตราย แต่สิ่งที่เป็นอันตราย คือ เชื้อโรคที่อาจติดมากับรกเด็กที่เกิดจากคุณภาพของรกเด็กที่อาจไม่ได้ผ่านกระบวนการและกรรมวิธีที่ปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่มีกฎหมายควบคุมในเรื่องรกเด็กมาก่อน ในระหว่างที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ จึงไม่สามารถควบคุมใดได้”
นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้เห็นชอบกับการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งจะควบคู่ไปกับประกาศเรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม วัตถุหลายชนิดที่กำลังจัดเป็นสารต้องห้ามในเครื่องสำอางเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้ ก็จัดเป็นวัตถุชนิดอื่นที่ควบคุมเป็นพิเศษอยู่แล้ว
“ในส่วนของรกแกะและรกจากสัตว์ที่นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้น มีการออกประกาศควบคุมผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเพื่อป้องกันการระบาดของโรควัวบ้ามาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งรกแกะที่มีความสะอาด ปลอดภัยจากโรควัวบ้าก็ไม่ได้มีกฎห้ามในการนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางแต่อย่างใด”นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว
นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการเครื่องสำอาง กล่าวว่า ในการประชุมของคณะกรรมการเครื่องสำอางครั้งที่ 5/2550 มีมติเห็นชอบตามคณะอนุกรรมการเครื่องสำอางที่เสนอให้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง เพิ่มเป็น 1,243 รายการจากเดิม 41 รายการ ซึ่งวัตถุต้องห้ามนี้ อาทิ สารตะกั่ว แคดเมียม โลหะหนัก ฯลฯ รวมถึงเซลล์ หรือเนื้อเยื่อของคน และรกเด็กที่เป็นเครื่องสำอางที่ประชาชนกำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ด้วย โดยจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และชนิดของสารเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานของสหภาพยุโรปที่ดำเนินการอยู่แล้ว
สำหรับขั้นตอนต่อไปจะต้องนำร่างประกาศไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการเครื่องสำอางก่อนมีผลบังคับใช้ด้วย ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อนำเสนอต่อนพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามและประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ต่อไป
“จริงๆ แล้วที่มาตรฐานของสหภาพยุโรปห้ามการนำรกเด็กมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้น ตัวรกเด็กจริงๆ ไม่อันตราย แต่สิ่งที่เป็นอันตราย คือ เชื้อโรคที่อาจติดมากับรกเด็กที่เกิดจากคุณภาพของรกเด็กที่อาจไม่ได้ผ่านกระบวนการและกรรมวิธีที่ปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่มีกฎหมายควบคุมในเรื่องรกเด็กมาก่อน ในระหว่างที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ จึงไม่สามารถควบคุมใดได้”
นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้เห็นชอบกับการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งจะควบคู่ไปกับประกาศเรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม วัตถุหลายชนิดที่กำลังจัดเป็นสารต้องห้ามในเครื่องสำอางเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้ ก็จัดเป็นวัตถุชนิดอื่นที่ควบคุมเป็นพิเศษอยู่แล้ว
“ในส่วนของรกแกะและรกจากสัตว์ที่นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้น มีการออกประกาศควบคุมผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเพื่อป้องกันการระบาดของโรควัวบ้ามาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งรกแกะที่มีความสะอาด ปลอดภัยจากโรควัวบ้าก็ไม่ได้มีกฎห้ามในการนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางแต่อย่างใด”นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว