xs
xsm
sm
md
lg

“วิชาเทพประสิทธิ์” นวดปรับสมดุลร่างกาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โรคกระดูกยอดฮิตอย่างนิ้วล็อค นิ้วติด ไหล่ติด หมอนรองกระดูกสันหลังมีปัญหา ผ่าตัดหมอนรองแล้วมีอาการปวดมาก เหล่านี้เชื่อว่าเป็นอาการที่สร้างความทุกข์ทรมานให้เจ้าของร่างกายไม่น้อย และหากไปพบหมอแผนปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็จะรักษาด้วยการให้กินยาหรือให้เข้ารับการผ่าตัด แต่ในวันนี้ มีผู้ชายคนหนึ่งได้ออกมาประกาศปวารณาตัวรักษาโรคเหล่านี้ให้ โดยวิธีการเก่าแก่ที่ได้วิชามาโดยบังเอิญและตั้งใจจะทำประโยชน์สูงสุดให้แก่คนป่วยเจ็บ และที่สำคัญ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องกินยา!!! เชื่อหรือไม่ เขาคนนี้ ขอท้าพิสูจน์


  • รู้จักผู้สืบทอดวิชา “เทพประสิทธิ์”

    “พ.อ.ณรงค์ชัย กิ่งเกตุ” นายทหารหนุ่มใหญ่แห่งสำนักเลขาธิการทหารบก ยิ้มร่าต้อนรับด้วยความเป็นกันเอง ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าเคยประสบอุบัติเหตุชนที่ขับมาชนกับรถหกล้ออย่างจัง แต่ตัวเขาเองรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ มีเฉพาะอาการเส้นคอยึดเอียง หันกลับไม่ได้

    “มีภรรยานายทหารท่านหนึ่งแนะนำหมอนวดจับเส้นที่มีชื่อที่สุดใน จ.ปราจีนบุรี ใครๆ ก็เรียกแกว่า “แม่ชุม” หรือ “ครูชุม” ผมก็ไปรักษากับครูชุม ซึ่งแกจับกดๆ นวดๆ ให้ 2 หนเท่านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง ครูชุมปรับทุกข์ให้ฟัง ว่า ”วิชาเทพประสิทธิ์” ที่แกใช้รักษาคนที่ได้สืบต่อจากแม่มานั้นจะขาดช่วงแล้ว และไม่มีใครรับต่อ ลูกหลานก็รับไม่ได้”

    พ.อ.ณรงค์ชัยเล่าต่ออีกว่า ในครั้งนั้นก็ปลอบแล้วก็ชวนคุยไปตามเรื่องเพราะหวังแค่อยากให้คนแก่สบายใจ แต่จู่ๆ ครูชุมก็กล่าวกับพ.อ.ณรงค์ชัยว่า พ.อ.ณรงค์ชัยนี่แหละจะเป็นคนที่สืบต่อวิชาโบร่ำโบราณนี้

    “ผมอยากให้แกสบายใจ แล้วผมมันก็ชอบลองของ ก็เลยรับปากของลองรับวิชา แกก็จับผมกดด้านหลัง กดแป๊บเดียว ประมาณนับ 1 – 10 แต่แล้วแกก็บอกว่า เอ้า เสร็จแล้ว ฝากวิชาไว้ในตัวเอง ตอนนั้นอย่าว่าแต่คุณจะคิดว่ามันเหลือเชื่อเลย ผมเองยังคิดว่า โห! นี่มันหนังกำลังภายในหรือเปล่านี่ แปะๆ หลังแล้วส่งต่อวิชาได้”

  • เหตุประหลาดเตือนความจำ

    นายทหารประจำสลก.ทบ.รายนี้เล่าต่ออีกว่า ภายหลังที่ครูชุมกล่าวว่าได้ฝากวิชาเอาไว้ ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานจนแทบจะลืมไปแล้ว แต่ระหว่างนั้นเมื่อความทรงจำใกล้จะเลือนก็มักจะมีเหตุการณ์แปลกๆ เหมือนจะเกิดขึ้นเพื่อย้ำความทรงจำในการรับวิชาในครั้งนั้น เช่นจู่ๆ ก็พบหนุ่มวัยรุ่นจอดรถจักรยานยนต์อยู่ใต้ต้นไม้ มีสีหน้าเจ็บปวด เมื่อเข้าไปถามเพื่อจะให้ความช่วยเหลือก็ได้ความว่า วัยรุ่นรายนั้นรถล้มและปวดกระดูกหลังมาก ขี่รถต่อไปไม่ไหว ด้วยใจที่อยากจะช่วยของพ.อ.ณรงค์ชัยจึงอาสานวดให้โดยรำลึกถึงตอนที่ครูชุมช่วยรักษาว่าครูกดตรงไหนบ้าง และภายหลังการนวดอยู่หลายสิบนาที ปรากฏว่าอาการปวดของวัยรุ่นคนนั้นหลายเป็นปลิดทิ้ง และสามารถจะขี่รถต่อไปได้อย่างที่แม้ตัวคนรักษาเองยังแปลกใจ

    อีกเหตุสำคัญก็คือตอนลูกสาวคนเล็กอายุ 5 ขวบเกิดลงไปนอนหลับในเปลญวน เมื่อตื่นมาเกิดอาการโยเยเหมือนเจ็บปวด จึงลองใช้วิชาที่ได้มารักษาลูกตัวเอง และปรากฎว่าหาย จึงตั้งใจใช้วิชาที่ได้มาช่วยเหลือผู้อื่น โดยในระยะแรกล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มบุคคลในแวดวงชั้นสูง เช่น “คุณหญิงสงวนศรี จันทรางศุ” อาการของคุณหญิงก็คือปวดเข่า ปวดขา ต้องมีทหารประคองเวลาจะเดินไปไหน พ.อ.ณรงค์ชัยจึงอาสารักษาให้ รักษาไปได้ไม่นานก็ถึงวันสงกรานต์ คุณหญิงสงวนศรีอาการดีขึ้นถึงขนาดออกไปรำวงได้ในงานที่จัดที่บ้านจอมพลถนอม กิตติขจร ก็มีหลายคนสงสัยว่าทำไมอาการคุณหญิงดีขึ้นขนาดนั้น และหนึ่งในนั้นก็คือท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร ภริยาจอมพลถนอมนั่นเอง

  • รักษาโรค “ครอบครัวกิตติขจร”

    “ผมได้รับโทรศัพท์จากท่านผู้หญิงจงกลตอนประมาณ 5 ทุ่ม บอกให้ช่วยไปดูอาการคุณหญิงจิ๋วที่นอนไมได้ ยืนไม่ได้ มีอาการเกร็ง เจ้าตัวไม่ยอมไปโรงพยาบาล ผมก็เลยไปดูอาการ พอไปถึงบ้าน ผมลองให้คุณหญิงเอนหลังนอนก็เอนไม่ได้ คือหลังแข็งไปหมด และเจ็บมากจนร้องลั่นบ้านชนิดท่านจอมพลเดินออกมาจากห้องนอนถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมก็นวดแบบที่ครูชุมเคยกดเคยนวดให้ผมอยู่ประมาณ 40 นาที ปรากฏว่าคุณหญิงลุกจากเตียง ลงมากระโดดๆๆๆ แล้วบอกว่า “เออ หายแล้ว” จากนั้นปากต่อปาก ก็มีการบอกต่อๆ กันไป ผมก็มีโอกาสได้รักษาบุคคลสำคัญอยู่หลายท่าน อย่างจอมพลถนอม ที่ช่วงปลายๆ ชีวิตท่าน ท่านป่วยด้วยโรคสำลัก คือกินอะไรแล้วสำลัก อาเจียนออกมาหมด”

    นายทหารผู้ผันตัวเองมาช่วยรักษาคนป่วยเล่าถึงตอนที่รักษาจอมพลคนดังของประเทศไทยต่อไปอีกว่า จอมพลถนอมมีอาการสะอึก สำลัก และอาเจียนอาหารหลายเดือน ครอบครัวพาไปหาหมอก็ไม่หาย จนท่านผู้หญิงจงกลมาตามให้ไปรักษาอีก การนวดรักษาในครั้งนี้ใช้เวลานวดรักษาอยู่ 2 ชั่วโมง

    “เชื่อไหมว่าทุกจุดที่ผมวางมือลงไปกดให้ท่านจอมพล จะมีลมกระแทกกลับมา บึ่บๆ ทุกครั้ง ผมก็นวดให้จนวางมือลงไปไม่มีลมต้าน แล้วท่านก็กินข้าวได้ หายสำลัก”

  • รูปแบบการรักษาวิชาเทพประสิทธิ์

    ทีนี้ก็มาถึงเรื่องรูปแบบการรักษาแบบเทพประสิทธิ์ นายทหารสังกัดสลก.ทบ.อธิบายพร้อมทั้งสาธิตให้ดูว่า ต้องเริ่มจากการที่ทั้งผู้รักษาและผู้รับการรักษาทำจิตให้ว่าง อาราธนาศีลเพื่อทำใจให้เป็นสมาธิ การรักษาจะได้ผลสูงสุด จากนั้นผู้รักษาก็จะเริ่มจากการจับเท้าทั้งสองข้างของผู้รับการรักษา เพื่อตรวจสอบความสมดุลของร่างกายทั้งสองด้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก่อนจะรับการปรับสมดุล ฝ่าเท้ามักจะไม่เท่ากัน

    หลังจากนั้นก็เริ่มต้นการนวดปรับสมดุล โดยนวดทุกๆ ส่วนของร่างกาย ใช้หลักของเส้นต่างๆ ภายในร่างกายเป็นหลัก เช่นหากคนไข้มีอาการเป็นตะคริว ผู้รักษาก็จะไล่เส้นหัวไหล่ลงมา เพราะในความเป็นจริงแล้วอาการตะคริวที่หลายคนเข้าใจว่าเกิดจากกล้ามเนื้อหรือเส้นที่ขานั้นไม่ใช่ แต่เส้นหลักที่เกี่ยวจริงๆ คือเส้นจากหัวไหล่ เป็นต้น

    อ่านถึงตรงนี้ ผู้สนใจหลายคนอาจจะสนใจจะไปรับการรักษาแบบเทพประสิทธิ์ พ.อ.ณรงค์ชัยบอกว่าตามปกติแล้วจะเปิดคลินิกทางเลือกที่โดยการสนับสนุนจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า คือมีการเปิดรับรักษาในวันพุธ ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ห้องชมรมพุทธศาสน์ ส่วนวันอังคารและพฤหัสจะเปิดรับรักษาที่บ้านย่านราชวัตร บนถนนพิชัย โดยการรักษาทั้งหมดนี้ไม่มีค่าใช่จ่าย เว้นแต่ค่ายกครูตามแต่จิตศรัทธา

    แต่ที่พิเศษสำหรับนายทหารหนุ่มใหญ่ที่มักจะตระเวนไปทำกิจกรรมเพื่อการกุศลเป็นประจำรายนี้ ก็คือตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม ในทุกๆ เช้าวันเสาร์ไปจนกระทั่งบ่าย ที่สวนลุมไนท์บาร์ซาร์ พ.อ.ณรงค์ชัยจะนำน้องๆ หมออาสาที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วอย่างดี ที่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 33 มานวดรักษาให้ประชาชนทั่วไป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา ส่วนค่าบูชาครูที่ผู้มีจิตศรัทธามอบให้นั้น ทุกบาททุกสตางค์จะนำไปสมทบทุนสร้างศูนย์วิปัสสนา ปรับสมดุลร่างกาย ที่ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก

    แต่จะจริงหรือไม่จริงอย่างไร ท่านผู้อ่านที่สนใจ สามารถทดสอบพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง




    หลวงพ่ออลงกต หนึ่งในผู้รับการรักษา

    สำหรับความเห็นของผู้ที่รับการรักษามานานปีอย่างพระอาจารย์อลงกตแห่งวัดพระบาทน้ำพุ พระภิกษุนักพัฒนาผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อสร้างความหวังให้แก่ผู้ป่วยเอดส์ จนเป็นที่ศรัทธาของประชาชนมากมายรวมถึงพ.อ.ณรงค์ชัยจนฝากตัวเป็นลูกศิษย์ปรนนิบัติวัฏฐากช่วยรักษาปรับสมดุลให้แก่หลวงพ่อมานานปีนั้น เปิดเผยว่า

    “หลวงพ่อต้องนั่งรถทุกวัน เรื่องเดินนี่ไม่ต้องพูดถึง เดินจนหมอเค้าว่าฝ่าเท้าแข็งยิ่งกว่าตะปูเรียกพี่ ก็ต้องทำงาน ขนาดหลวงพ่อพยายามจะปล่อยวางไม่ว่าจะเป็นอะไร แต่การนั่งรถนี่ทำให้ร่างกายแย่มาก ปวดหลัง ปวดเนื้อปวดตัว ปวดหัว ปวดขา จากเมื่อก่อนเป็นพระเดินเร็ว ทำอะไรเร็ว แต่พอเดี๋ยวนี้รู้สึกจะเดินสุภาพขึ้น เพราะปวดตัว เดินเร็ว ขยับเร็วนักไม่ได้ แต่พอหมอตุ้มเขามารักษาให้ ก็ดีขึ้น อาการปวดหัวนี่หายไปเลย ปวดขาปวดแขนก็ไม่มี แต่ถ้านั่งรถก็มีปวดหลัง แต่โดยรวมแล้วถือว่าดีขึ้น95% แล้ว”

    “สำหรับที่จะมาใช้พื้นที่ของสวนลุมฯ รักษานั้นถือเป็นเฟสแรกที่เราจะทำกันทุกเสาร์ไปจนถึง 1 ธันวาคม แต่แน่นอนว่าจะมีเฟสที่สองแน่นอน เดี๋ยวจะบอกอีกที ฝากไปถึงญาติที่ที่กำลังทุกข์ป่วยเจ็บ ถ้าไม่รู้จะไปรักษาที่ไหนก็มาที่นี่ มาลองรักษาแบบนี้ดู เผื่อจะพ้นทุกข์พ้นทรมาน” พระอาจารย์อลงกตกล่าว


  • กำลังโหลดความคิดเห็น