“ป๋าเปรม” เปิดงานประชุม ปอมท. และสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ทิศทางอุดมศึกษาไทย : จุดเปลี่ยนที่ท้าทาย” พร้อมแนะนำให้ทุกฝ่ายที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ทุ่มเทความรู้ ความสามารถ แรงกาย แรงใจ และความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมอุดมศึกษา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสังคมให้มีคุณค่ายิ่งต่อการสร้างความรู้คู่คุณธรรม สร้างความสามานฉันท์ให้เกิดความร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) จัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ทิศทางอุดมศึกษาไทย : จุดเปลี่ยนที่ท้าทาย” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีนักวิชการ ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรรุษ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการสัมมนาว่า
การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ย่อมเป็นสิริมงคลแก่คณะผู้จัด อีกทั้งยังเป็นการร่วมกันคิดและแลกเปลี่ยนความรู้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ รวมทั้งยังมีการเพิ่มจุดมุ่งหมายในการร่วมเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระะเจ้าอยู่หัว การแสดงสื่อให้เห็นถึงความจงรักภักดีของท่านทั้งหลายที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทย และยังเป็นการกระทำที่สมควรแก่การยกย่องอีกด้วย ทั้งนี้สถาบันอุดมศึกษาเป็นแหล่งของขุมทรัพย์ทางปัญญามีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสังคมให้มีคุณค่ายิ่งต่อการสร้างความรู้คู่คุณธรรม สร้างความสามานฉันท์ให้เกิดความร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ปัจจุบัน การอุดมศึกษาของไทยกำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอุดมศึกษาไทยอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราต้องมาร่วมกันปรึกษาหารือและปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุดมศึกษาไปจากเดิมให้เหมาะสมกับภาวการณ์ในปัจจุบันและสังคมไทย ดังนั้น การจัดประชุมสัมมนาวิชาการครั้งนี้ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรในวงการอุดมศึกษาเพื่อให้บุคลากรวงการอุดมศึกษาได้ระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนและวิเคราะห์หาแนวทางที่เหมาะสมในการปรับปรุงและพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาไทย ร่วมสร้างบุคลากรของสังคมให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการที่มีวัฒนธรรมอยู่บนพื้นฐานการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีภูมิคุ้มกันให้แก่สังคมที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“การประชุมในครั้งนี้ผมอยากเห็นผลสัมฤทธิ์ที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกหลานของเรา จึงใคร่ขอวิงวอนผู้มีความรู้สูงที่เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ ขอให้ทุกคนโปรดทุ่มเทความรู้ ความสามารถ แรงกาย แรงใจ และความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมอุดมศึกษาของเรา และเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินของเราโดยพร้อมเพรียงกัน ในขณะเดียวกัน ผมขอแสดงความยินดีต่อผู้ได้รับรางวัลอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติของ ปอมท. โดยหวังว่าการที่อาจารย์ได้รับคัดเลือกให้เป็นอาจารย์ดีเด่นจะเป็นต้นแบบ ไม่ใช่เฉพาะกับอาจารย์ระดับอุดมศึกษาเท่านั้น แต่ผมคิดว่าจะเป็นต้นแบบให้กับคนไทยที่มุ่งประสานความรู้ให้แก่เด็กๆ ที่จะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตที่จะมาดูแลประเทศแทนพวกเราที่จะทยอยเกษียณอายุไป และการมอบรางวัลนั้นไม่ได้สะท้อนถึงคุณสมบัติของผู้รับรางวัลเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของอาจารย์ที่ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมคิดพูดกับอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายๆ ครั้งว่า หากเราไม่เป็นอาจารย์ด้วยจิตวิญญาณแล้วเราคงจะขาดสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นอาจารย์ที่ดี” พล.อ.เปรม กล่าวทิ้งท้าย