อธิบดีกรมการศาสนาชี้พระสงฆ์รับกิจนิมนต์ปลุกเสกจตุคามฯ แปลกแหวกแนว พร้อมแสดงอภินิหารเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ ไม่ถูกต้อง พิธีกรรมเหตุทำให้พุทธศาสนาเสื่อม พร้อมขอร้องประชาชนอย่าเช่าจตุคามรุ่นนี้ เผยตุลานี้โอน 2 มหาวิทยาลัยสงฆ์ กับ งบ 300 ล้านไปสังกัด ศธ.
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงพิธีกรรมการปลุกเสกองค์จตุคามรามเทพ โดยมีพระภิกษุบางรูปเข้าร่วมพิธี อย่างเช่น การขี่หลังช้าง การปลุกเสกบนเครื่องบิน การถืออาวุธ เป็นต้น ซึ่งการปลุกเสกองค์จตุคามด้วยพิธีกรรมแปลกๆ นั้น เป็นเพียงการสร้างจุดขายแก่องค์จตุคามในรุ่นๆ นั้น นอกจากนี้ ยังมีการทดลองความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ว่าบูชารุ่นนี้แล้วหนังเหนียว ฟันไม่เข้า ในทางพุทธศาสนาไม่มีพิธีกรรมเหล่านี้ ตนมองว่า พิธีกรรมดังกล่าวจะส่งผลให้พุทธศาสนาไปสู่จุดเสื่อม ดังนั้น ไม่อยากให้พระสงฆ์ไปแสดงหรือทำพิธีกรรมอะไรที่เกินเลยกว่าที่พระจะทำได้ หรือพิธีกรรมที่เข้าข่ายอุตริธรรม
อย่างไรก็ตาม จะโทษพระสงฆ์ฝ่ายเดียวไม่ได้ พิธีกรรมนี้จะต้องโทษพี่น้องประชาชนที่ผู้นิมนต์ท่านไปประกอบพิธีเพื่อสร้างจุดขายจนโดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม ซึ่งกรมการศาสนาไม่มีหน้าที่ออกกฎเกณฑ์ใดๆ เพื่อกำกับพระสงฆ์ได้ มีเพียงฝ่ายเถรสมาคมที่กำหนดหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการกำกับดูแลพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น แต่กรมการศาสนาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการสร้างความเข้าใจทั้งแก่พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนในเรื่องนี้
นายปรีชา กล่าวต่อว่า พิธีกรรมแปลกเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ พระท่านจะเรียกร้องว่าให้เอาช้างมาร่วมในพิธี หรือให้ทำพิธีปลุกเสกบนเครื่องบิน แต่เป็นผู้สร้างจตุคามรุ่นนั้นๆ ต้องการจะสร้างจุดขาย แล้วเชิญพระไปทำพิธี พระบางรูปไม่รู้หรอกว่ามีเหล่านี้ พอไปถึงสถานที่ที่ปลุกเสกถึงได้รู้จะปฏิเสธก็ไม่ได้เลยต้องตกกระไดพลอยโจน ดังนั้น กรมการศาสนามีหน้าที่ในการให้ความรู้ ความเข้าใจ ว่าการทำพิธีลักษณะนี้มากขึ้น ความเสื่อมศรัทธาในองค์พ่อจตุคามจะเกิดขึ้นและที่ตามมาคือการเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนาด้วย รวมถึงพระคุณเจ้า เราจะไม่ห้ามในการรับนิมนต์ไปประกอบพิธีแต่จะให้ข้อคิดว่า พิธีกรรมแบบใดที่เข้าข่ายอุตริธรรม เป็นการแสดงอภินิหารที่ไม่ใช่แนวทางพุทธ
อธิบดีกรมการศาสนา ฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า อย่าสั่งจององค์จตุคามรุ่นแปลกแหวกแนว เพราะถือเป็นรุ่นพิสดารที่สร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศชาติ ศาสนา และถ้าประเทศชาติ ศาสนาเสื่อมเสียแล้ว เราเอามาคล้องคอก็เสื่อมเสียไปด้วย เพราะการปลุกเสกที่แท้จริงจะต้องทำในอุโบสถ์ ภายในวัด ไม่ใช่ใช่มาทำพิธีเพื่อสร้างจุดขาย ซึ่งถ้าทุกคนมีสติคิดได้ว่าพิธีกรรมเหล่านี้ไม่เหมาะสมต่อไปก็จะไม่มีใครทำแบบนี้อีก และพิธีกรรมที่ถูกต้องก็จะกลับมา
นายปรีชา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ มหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาราชวิทยาลัย พร้อมงบประมาณ 300 ล้านบาท โอนไปสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในเดือนตุลาคมนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะครูพระจะได้เข้าไปมีบทบาทในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในโรงเรียนวิถีพุทธ และโรงเรียนที่อยู่ในชุมชน เนื่องจากวัด กับโรงเรียน และชุมชน มีสายสัมพันธ์กันมายาวนานจนแยกไม่ออก