หลังจากรวมตัวอยู่ในสังคมบนหน้ากระดาษนิตยสาร “บ้านและสวน” มานานหลายปี ในที่สุด “กลุ่มคนรักต้นไม้” ก็อดรนทนไม่ไหว พร้อมทั้งประสานใจจัดงาน “พบปะสังสรรค์ประสาคนรักต้นไม้ ครั้งที่ 1” ขึ้น ณ อัมรินทร์คอร์ปเปอร์เรท ปาร์ค ย่านสวนผัก เขตตลิ่งชัน จนลานสวนของอัมรินทร์คอร์ปเปอร์เรทแคบไปถนัดใจ
ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความถึงความสนใจในต้นไม้ใบหญ้าของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าดีใจ
แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ งานนี้มีบรรดา “กูรู” ด้านต้นไม้มาให้คำแนะนำถึงวิถีชีวิต รวมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ที่เกี่ยวกับต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็น “เซียนไม้แปลก” อย่าง อ.สุรัตน์ วัณโณ พิษณุ สว่างเนตร ออแกไนเซอร์ผู้มีงานอดิเรกคือการจัดสวน รวมทั้งยุพดี เลื่อนฉวี นักจัดสวนคนดัง
**กำเนิดชุมชนคนรักต้นไม้
เจ- เจรมัย พิทักษ์วงศ์ บรรณาธิการบริหารนิตยสารบ้านและสวน โต้โผของงานเปิดเผยวัตถุประสงค์และที่มาว่า งานดังกล่าวมีจุดกำเนิดมาจากคอลัมน์ “ลงสวน” ของทางนิตยสารฯ โดยสืบเนื่องจากมีผู้อ่านจำนวนมากที่ส่งคำถามเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นคำถามเรื่องการจัดสวน การดูแลต้นไม้ การเลือกซื้อต้นไม้ให้เหมาะกับสวน รูปแบบของสวน ฯลฯ ซึ่งทางนิตยสารฯ ก็ได้หาคำตอบมาตอบทุกเดือน
เมื่อคำถามได้รับคำตอบ ผู้อ่านก็มีการส่งจดหมายและโปสการ์ดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็เลยกลายเป็นชุมชน เป็นสังคมคนรักต้นไม้บนกระดาษในที่สุด
“ผมคิดว่า การที่มีผู้อ่านสนใจเรื่องสวนและต้นไม้มาก น่าจะเป็นเพราะเรื่องสวนเรื่องต้นไม้มันเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่เหมือนการแต่งบ้านที่จะต้องมีศัพท์เฉพาะ ชื่อสไตล์ ชื่อรูปแบบการจัดมันเป็นภาษาอังกฤษ แต่การจัดสวนนี่ใครๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องมีใบอนุญาตเหมือนงานสถาปัตย์หรืองานด้านวิศวกรรม และจากการรวมตัวเป็นชุมชนคนรักต้นไม้บนหน้านิตยสารเป็นเวลาปีแล้วปีเล่านี่เอง จึงก่อเกิดการตกตะกอนจนมาเป็นการรวมตัวคนรักต้นไม้บนหน้ากระดาษนิตยสารมาพบปะสังสรรค์พูดคุยกันแบบเห็นหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรก”บก.เจแสดงความเห็น
**คุยกับเซียนไม้แปลก-“สุรัตน์ วัณโณ”
ในบรรดาผู้ที่มาร่วมงานดังกล่าว คนแรกที่จำเป็นจะต้องเอ่ยถึงก็คือ อ.สุรัตน์ วัณโณ นักสะสมพันธุ์ไม้หายากที่ได้รับการขนานนามว่า “เซียนไม้แปลก” เจ้าของ “บ้านก้ามปู” อุปนายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย
อดีตอาจารย์ครุศิลป์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขึ้นเวทีแบ่งปันประสบการณ์ด้านสวนและต้นไม้ว่า ความเป็นคนรักต้นไม้ของตนเองนั้นเกิดจากพ่อที่ชอบเลี้ยงกล้วยไม้เป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ได้ใกล้ชิดคลุกคลีอยู่กับต้นไม้ใบไม้ แล้วต่อมาเมื่อมาเป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ ก็เป็นแวดวงคนรักต้นไม้เช่นกัน ก็ได้แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันตลอดมา
“ชอบไปหมด อะไรที่เป็นต้นไม้ไม่ว่าต้นอะไรก็ชอบหมด จนทำที่บ้านให้เป็นสวน เนื้อที่บ้าน 2 ไร่ แต่เนื้อที่ทำสวนเรามี 5 ไร่ ทุกวันนี้ปลูกจนไม่มีที่เดิน เฉพาะหน้าวัวก็มี 100 กว่าชนิดแล้ว แต่ที่รักมากที่สุดคือองุ่นทะเลหรือ Sea Grape เป็นไม้ยืนต้นที่มีผลเป็นพวงคล้ายองุ่น ที่ปลูกไว้ที่บ้านมี 3 – 4 ชนิด แต่ชนิดที่ชอบคือชนิดที่มีใบใหญ่เพราะใบใหญ่มากและพื้นผิวหน้าใบสวย”
เมื่อถามถึงความเป็น “สวน” ในทัศนคติส่วนตัวของอ.สุรัตน์นั้น เจ้าตัวตอบว่าสำหรับตนเองแล้ว สวนคือพื้นที่ที่มีต้นไม้มากๆ แต่จะเป็นสวนชนิดใด รูปแบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของบ้านล้วนๆ เพราะไม่มีสูตรตายตัวว่าสวนแบบไหนสวย หรือสวนแบบไหนดี แต่ทั้งนี้จะดีหรือจะสวย สำหรับอาจารย์สุรัตน์แล้ว คิดว่าเอาตามความพอใจและสุขใจของเจ้าของบ้านเป็นดีที่สุด
**เคล็ดจัดสวนจาก “ยุพดี เลื่อนฉวี”
ถัดจากอาจารย์สุรัตน์ ก็มาถึงผู้เชี่ยวชาญการจัดสวนมืออันดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่างอ.ยุพดี เลื่อนฉวี ซึ่งชีวิตของอาจารย์ที่ผูกพันกับต้นไม้นั้น ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน
อาจารย์ยุพดีได้พาย้อนเวลาไปยังวัยเยาว์ของตัวเองว่า ต้นไม้ต้นแรกที่เลือกเลี้ยงนั้นคือต้นรวงข้าว ซึ่งเป็นไม้อวบน้ำ ลักษณะเป็นสายยาวสวยงาม เป็นพืชเลี้ยงงานและแข็งแรง ไม่มีโรคพืช
“ชอบเลี้ยงต้นไม้มาก สมัยเรียนที่จุฬาฯ ตอนนั้นมีตลาดนัดสนามหลวง ไปเดินทุกวันแถวๆ โซนต้นไม้ ก็ซื้อพวกต้นเล็กๆ มาเลี้ยงในหอ ตอนหลังไปเรียนต่อเมืองนอกก็ติดนิสัยเลี้ยงต้นไม่อยู่ พอเรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทรับเขียนแบบ เค้าก็จะมีโต๊ะทำงานให้ตัวหนึ่งกับหน้าต่างหนึ่งบาน ทุกคนจะได้หน้าต่างคนละบาน เราก็ไปซื้อต้นไม้มาแขวนๆ วางๆ ไว้ที่หน้าต่างของตัวเองจนเต็ม จนไม่มีที่วาง พอกลับมาเมืองไทยพอดีกับที่อาจารย์สอน Landscape ของลาดกระบังฯ ขาดพอดี ก็เลยไปเป็นอาจารย์สอนที่นั่น ระหว่างนั้นก็ทำจัดสวนไปด้วย ต่อมาก็หันมาเพาะต้นไม้เพื่อจัดสวนไปด้วยกันเลย”
เมื่อถามถึงทั้งในเรื่องของการจัดสวนและเลือกต้นไม้มาปลูกในสวน อ.ยุพดีแนะนำว่า ควรเริ่มจากการหาความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ต้นนั้นๆ ที่เราต้องการจะปลูกหรือนำมาจัดสวนเสียก่อน เพื่อศึกษาว่าต้นไม้ชนิดดังกล่าวชอบอากาศแบบไหน เลี้ยงอย่างไร ต้องการน้ำหรือแสงแดดมากน้อยเท่าใด เมื่อมีความรู้ในระดับหนึ่งแล้วจะทราบว่าวิถีชีวิตแบบเราต้องการต้นไม้แบบไหน
เช่น หากคนที่มีเวลามาก สามารถเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดได้ ก็สามารถปลูกหรือจัดสวนไม้ที่เลี้ยงยากๆ หรือไม้ที่ต้องการการดูแลมากๆ ได้ แต่หากมีเวลาน้อย แต่อยากจะมีสวน ก็ควรเลือกต้นที่ทนทานต่อทุกสภาพดินฟ้าอากาศ มีความเสี่ยงต่อโรคพืชน้อย และไม่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลแบบประคบประหงม ก็จะเป็นการลดภาระการดูแลลงไปได้สำหรับผู้ที่มีชีวิตค่อนข้างเร่งรีบแต่อยากมีสวนไว้ผ่อนคลายภายในบ้าน
**พิษณุ สว่างเนตร : ชีวิตนี้มีแต่สวน
ถึงตรงนี้ลองมาฟังประสบการณ์และคำแนะนำจากออแกไนเซอร์หนุ่มผู้จัดสวนเป็นงานอดิเรกจนเก่งพอๆ กับงานประจำอย่าง “พิษณุ สว่างเนตร” กันดูบ้าง
พิษณุบอกว่าผูกพันกับต้นไม้มานานแล้ว ยิ่งประกอบกับช่วงเรียนได้ไปเรียนที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีต้นไม้มาก
“นั่นทำให้ผมผมยิ่งอินกับต้นไม้มากขึ้น พอมาตอนหลังทำงานและมีกำลังทรัพย์เป็นของตัวเองแล้ว ก็เลยเริ่มจัดสวนภายในบ้าน”
บ้านของพิษณุมีเนื้อที่ประมาณ 112 ตารางวา แบ่งที่ครึ่งหนึ่งเป็นตัวบ้าน อีกครึ่งที่เหลือเป็นสวน โดยการเริ่มจัดสวนของเขานั้นมาจากการลองผิดลองถูกและศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองล้วนๆ เปลี่ยนรูปแบบสวนและพันธุ์ไม้ภายในสวนมาหลากหลายรูปแบบและชนิดแล้ว ในความรู้สึกส่วนตัวคือสวนมีชีวิต เปลี่ยนไปทุกวัน และมีปัญหาให้แก้อยู่เสมอๆ
“ผมอาจจะโชคดีที่งานของผมสามารถจะเข้าที่ทำงานได้ตอน 10 โมง ทำให้ผมสามารถใช้เวลาช่วงเช้าแบบเต็มๆ กับสวนของผมได้ ผมตื่นเช้ามาผมจะเดินจากห้องนอนไปสวนก่อน จากนั้นก็เก็บใบไม้ ผมเก็บใบไม้ด้วยมือ เสร็จแล้วก็เข้าไปแปรงฟัน แล้วออกมาเดินดูสวนอีก ถ้าเรามีเวลาใส่ใจมันแบบนี้ เราจะเห็นเลยว่าสวนเรามีความเปลี่ยนแปลงทุกวัน เช่นอันนี้เริ่มเฉา อันนั้นแตกยอด อันโน้นเริ่มออกดอก อันนั้นโรยแล้ว อะไรแบบนี้ ผมคิดว่าการใช้เวลากับสวนกับต้นไม้แบบนี้เป็นสิ่งที่ดีและไม่มีพิษมีภัย”
“ผมว่าอารมณ์ลงสวนของผมมันเหมือนการกินข้าว มันเป็นกิจวัตรที่ผมต้องทำ เวลาผมลงสวนผมจะคิดโน่นคิดนี่ มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดอะไรต่ออะไรได้มากขึ้น ผมลองผิดลองถูกกับสวนของตัวเองมาเยอะมาก เมื่อก่อนก็พยายามสะสมไม้แปลกๆ แล้วก็เคยตั้งเป้าหมายว่าอยากจะมีเฟิร์นทุกชนิดในโลก แต่ตอนนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร ส่วนสไตล์สวนก็มาลงตัวในแบบ Tropical ที่มีกลิ่นอายบาหลีหน่อยๆ ครับ”
และเมื่อถามแทนนักจัดสวนมือสมัครเล่นคนอื่นๆ ที่กำลังสนใจจะเริ่มอยากมีสวนเป็นของตนเองถึงคำแนะนำในการเริ่มต้นแล้ว หนุ่มออแกไนซ์เซอร์อารมณ์ดีคนนี้ก็ได้ให้คำแนะนำแบบสบายๆ ว่า ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินหรือเนื้อที่มากมายอะไรในการจัดสวน หากมีเงินน้อยก็ซื้อต้นไม้ราคาย่อมเยาที่แข็งแรงและทนแดดทนฝน และหากมีพื้นที่น้อย ก็จัดแต่น้อยๆ ก็สวยได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมศิลปะของเจ้าของบ้านนั่นเอง
“สมมติมีเงินน้อยก็ซื้อต้นไม้ถูกหน่อย เอาแบบทนๆ ถ้ามีพื้นที่น้อย...คืออย่างสมัยนี้คนอยู่ในคอนโดฯ ในหอพัก แบบนี้ก็จัดสวนได้นะครับ ที่ระเบียง หรือพวกสวนถาด ของแบบนี้อยู่ที่รสนิยมทางศิลปะของผู้จัด และความพอใจส่วนตัว ถ้าคิดว่าสวย ดูแล้วสบายใจ มีต้นไม้แค่ต้นเดียวก็เป็นสวนได้ หรือถ้ามีที่เล็กๆ ประมาณ 3x3 ตารางเมตร ถ้าเป็นผมผมก็จะซื้อหมากสงแล้วมาจัดลงสักกลุ่มหนึ่ง เอาน้อยๆ ก็พอ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการดูแลเอาใจใส่มัน” พิษณุทิ้งท้าย