จิตแพทย์ ชี้ คนใช้-ให้บริการ “เซ็กซ์โฟน” ไม่ได้ป่วยโรคจิต ส่วนใหญ่อยากถูกกระตุ้นอารมณ์เพศ ไม่ต่างจากดูหนังโป๊ ขณะที่ต่างประเทศใช้เป็นทางออกให้ผู้ที่มีปัญหาทางเพศได้ แต่ประเทศไทยไม่พร้อม เพราะขาดวุฒิภาวะ ห่วงกลุ่มเยาวชนติดเซ็กซ์โฟนจากความอยากรู้ ส่วนพวกนิยมเซ็กซ์โฟนแบบกวนชาวบ้านเข้าข่ายจิตป่วย กลุ่มเดียวกับพวกชอบถูไถ ชอบโชว์ ซาดิสต์ แนะยึดหลักนิ่งสงบ สยบเคลื่อนไหวดัดหลังพวกแอบจิต
วันนี้ (27 มิ.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีตำรวจบุกจับบริษัทที่เปิดให้บริการเซ็กซ์โฟน โดยเปิดให้บริการโทรศัพท์ออนไลน์ แชตไลน์สายด่วน หมายเลข 1900 555 556 บังหน้า โดยให้หญิงสาวเป็นพนักงานรับโทรศัพท์โต้ตอบเพื่อสำเร็จความใคร่ให้ลูกค้า ว่า การใช้บริการเซ็กซ์โฟนในเชิงจิตวิทยาจำแนกกลุ่มผู้ใช้บริการออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่โทร.ไปรับบริการจากหน่วยที่ให้บริการ โดยไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต ซึ่งจัดเป็นกลุ่มคนที่ต้องการได้รับสิ่งเร้าให้เกิดความต้องการทางเพศทางเสียง เหมือนกับสิ่งเร้ารูปแบบอื่นๆ ทั้งภาพอย่างรูปโป๊ ภาพเคลื่อนไหววีโอคลิป การสัมผัส และกลิ่น ที่ช่วยให้เกิดการเร้าอารมณ์จนถึงจุดสุดยอด โดยเพศชายจะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ง่ายจากสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 ที่โทรศัพท์ไปเซ็กซ์โฟนกับบุคคลที่ไม่รู้จัก หรือโทร.สุ่มมั่ว จะเข้าข่ายมีปัญหาทางสุขภาพจิต เป็นกลุ่มมีความผิดปกติทางเพศ เรียกว่า กลุ่มโรคพาลาฟิลเลีย (Paraphilias) หรือ กามวิปริต เช่นเดียวกับบุคคลที่ชอบถ้ำมอง ถูไถ ขโมยกางเกงใน และพวกชอบความรุนแรงทางเพศ หรือซาดิสต์ คนกลุ่มนี้ใช้กิจกรรมอื่นทดแทนการมีเพศสัมพันธ์ในช่องทางปกติ เช่น การมีเซ็กซ์กับภรรยา ซึ่งกลุ่มนี้อาจเป็นส่วนน้อยที่โทรศัพท์ใช้บริการแต่กลับชอบเซ็กซ์โฟนแบบสุ่มมั่ว เพราะได้รับความตื่นเต้น เร้าใจ และลุ้นปฏิกิริยาของผู้ที่รับโทรศัพท์ เพราะไม่สามารถคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นของฝ่ายตรงข้าม สำหรับผู้ให้บริการ หากทำเป็นอาชีพ ตามบทบาทหน้าที่ เป็นเพียงการแสดงอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้รับค่าตอบแทน ไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่จัดว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต
“ที่น่ากลัว คือ เยาวชน ที่เริ่มมีความสนใจเรื่องเพศ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จะสนุกสนาน กับการพูดคุยเรื่องเพศผ่านทางโทรศัพท์ อาจทำให้เยาวชนติดการพูดคุยในเรื่องนี้ผ่านโทรศัพท์ จนต้องการรู้ในเพศตรงข้ามที่ตนไม่เคยรู้ จนเกิดอารมณ์ร่วมหลังและติดในเรื่องเพศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุของปัญหาสุขภาพจิตในลักษณะนี้ ไม่รู้แน่ชัด แต่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สารเคมีในสมอง รวมถึง การเรียนรู้หรือรับรู้เรื่องราวมาอย่างผิดๆ เช่น การนิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก อาจเป็นเพราะในวัยเด็กเคยถูกกระทำมาก่อน เป็นต้น รวมทั้งในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม สื่อ ที่เห็นเรื่องเหล่านี้เป็นประจำจนถือเป็นเรื่องปกติและกระทำได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกด้วยว่า จากการศึกษาพบว่ากลุ่มที่เข้าข่ายผ่ายทางจิต มีโอกาสที่จะรักษาหายได้ หากผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีการจิตบำบัด การฉีดฮอร์โมน การฉีดยาคุมกำเนิดในเพศชาย เพื่อทำให้ความต้องการทางเพศลดลง และการขู่หากทำต่ออีกจะได้รับโทษ เพราะเข้าข่ายคุกคามความสงบสุขของเพศตรงข้าม แต่เนื่องจากผู้ป่วยไม่กล้าเข้ารับการรักษา เกรงการถูกบันทึกประวัติ สร้างความอับอาย และบางรายพึงพอใจในพฤติกรรมทางเพศของตนเอง จึงไม่รับการรักษา หรือ บางรายใช้วิธีการขอคำแนะนำและปรึกษาผ่านทางโทรศัพท์และเว็บไซต์มากกว่า ซึ่งจิตแพทย์ไม่เจอตัวผู้ป่วยโดยตรง จึงทำได้เพียงให้คำแนะนำ ไม่สามารถให้การรักษาได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ทางออกในการแก้ปัญหาเซ็กซ์โฟน คือ 1.ต้องขู่ว่าทำแล้วมีโทษ ติดคุก เกิดปัญหากับตัวเองตามมาแน่นอน และ 2.พยายามเบี่ยงเบนความต้องการทางเพศสู่ทางที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ผู้ป่วยทางจิตกลุ่มนี้มีโอกาสน้อยที่จะกระทำสิ่งผิดกฎหมายถึงขั้นข่มขืน ส่วนวิธีปฎิบัติสำหรับผู้ที่ถูกโทรศัพท์รบกวน หรือคุกคามให้รับโทรศัพท์แล้วไม่พูดอะไรแล้ววางหู หากยังโทร.ซ้ำเข้ามาอีก ก็ยกหูโทรศัพท์ออก อย่าตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น แล้วอีกฝ่ายจะรู้เองว่าการกระทำของเขาไม่ได้ผลแล้วจะเลิกไปเอง แต่ถ้ายิ่งกรีดร้องแสดงความหวาดกลัวตกใจจะเข้าทางฝ่ายตรงข้าม ช่วยให้เขาก็จะถึงจุดสุดยอดได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการให้บริการเซ็กซ์โฟนในต่างประเทศมีการเปิดให้บริการอย่างโจ่งแจ้ง เป็นอาชีพที่สร้างกำไรอย่างมาก เพื่อใช้เป็นทางออกให้กับคนที่มีปัญหาทางเพศ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าคนในประเทศมีวุฒิภาวะมากพอในการที่จะแยกแยะ สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่เหมาะสมที่จะเปิดเสรีเช่นนั้น ด้วยเพราะเยาวชนไทยมีวุฒิภาวะด้านอารมณ์เพศไม่ดี รวมทั้งในการใช้โทรศัพท์ยังไม่สามารถจำแนกแยกแยะผู้ใช้โทรศัพท์ได้