“จรัญ” เผยสถานที่ตรวจพิสูจน์ผู้ติดยาเสพติดที่คลองเปรมต่ำกว่ามาตรฐาน หากเผยแพร่ต่อชาวโลกภาพลักษณ์ประเทศไทยจะตกต่ำอย่างยิ่ง พร้อมแนะผู้บริหารเรือนจำ คุมประพฤติต่างๆ เข้าหาท้องถิ่นขอความร่วมมือสร้างสถานที่รองรับเหมือน กทม. เผยปีนี้จะมีผู้ติดยาเข้าระบบอีกครึ่งแสน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงนามมอบเงินจำนวน 22.34 ล้านบาท ในการปรับปรุงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เดิมที่ไม่ได้ใช้การแล้วให้เป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการตรวจพิสูจน์ผู้เสพ/ติดยาเสพติดควบคุม เพื่อการตรวจพิสูจน์เรือนจำกลางคลองเปรม ร่วมลงนามกับนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับมอบ และมีนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นพยาน
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า กทม.เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของยาเสพติดมากที่สุดโดยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา กทม.มีผู้เสพมากถึง 30% ของทั่วประเทศ ขณะที่ปัจจุบันมีสถานมีสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการพิสูจน์เพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษมีนบุรี และสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่คลองเปรมจะแออัดมากเพราะมีผู้รอพิสูจน์ถึง 600 คน แต่รับได้เพียง 200 คน กทม.จึงได้ร่วมกับหน่วยงานดังกล่าวปรับปรุงโรงพยาบาลราชทัณฑ์เดิมเป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการพิสูจน์ใหม่ซึ่งจะสามารถรับได้ 800-1,000 คน โดยจะใช้เวลาปรับปรุงประมาณ 10 เดือน
ด้าน นายจรัญ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเรือนจำแต่เป็นประโยชน์ต่อชาว กทม.โดยตรง ทั้งนี้ ผู้ที่เสพถือเป็นคนป่วยเป็นเหยื่อที่ถูกสังคมทำลาย เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เราจึงต้องช่วยกันดึงตัวเขาออกมาซึ่งในปี 2549 มีประชาชนจำนวน 45,000 คนถูกจับด้วยข้อหาเสพยา หรือมียาเสพติดในครอบครอง และ 1 ใน 3 เป็นคน กทม.ถึง 15,000 คน ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้ามาระบบถึง 50,000 คน
นายจรัญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ที่คลองเปรมถือว่าแออัดแม้แต่ที่บังแดดบังฝนยังหาได้ลำบาก ซึ่งชาว กทม.ไม่ควรที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ สถานที่ดังกล่าวมีสภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหากได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะตกต่ำอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม การร่วมมือระหว่าง กทม. กรมราชทัณฑ์ และกรมคุมประพฤติจะเป็นต้นแบบที่จะนำไปขายผลใช้ทั่วประเทศโดยตนจะมอบนโยบายให้ผู้บัญชาการเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศเข้าไปหารือกับผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อให้เขาช่วยเหลือเหมือนที่ กทม.ได้ทำ ทั้งนี้ คาดว่าจะได้รับความมือเป็นอย่างดีจากท้องถิ่นต่างๆ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงนามมอบเงินจำนวน 22.34 ล้านบาท ในการปรับปรุงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เดิมที่ไม่ได้ใช้การแล้วให้เป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการตรวจพิสูจน์ผู้เสพ/ติดยาเสพติดควบคุม เพื่อการตรวจพิสูจน์เรือนจำกลางคลองเปรม ร่วมลงนามกับนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับมอบ และมีนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นพยาน
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า กทม.เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของยาเสพติดมากที่สุดโดยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา กทม.มีผู้เสพมากถึง 30% ของทั่วประเทศ ขณะที่ปัจจุบันมีสถานมีสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการพิสูจน์เพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษมีนบุรี และสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะที่คลองเปรมจะแออัดมากเพราะมีผู้รอพิสูจน์ถึง 600 คน แต่รับได้เพียง 200 คน กทม.จึงได้ร่วมกับหน่วยงานดังกล่าวปรับปรุงโรงพยาบาลราชทัณฑ์เดิมเป็นสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการพิสูจน์ใหม่ซึ่งจะสามารถรับได้ 800-1,000 คน โดยจะใช้เวลาปรับปรุงประมาณ 10 เดือน
ด้าน นายจรัญ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเรือนจำแต่เป็นประโยชน์ต่อชาว กทม.โดยตรง ทั้งนี้ ผู้ที่เสพถือเป็นคนป่วยเป็นเหยื่อที่ถูกสังคมทำลาย เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เราจึงต้องช่วยกันดึงตัวเขาออกมาซึ่งในปี 2549 มีประชาชนจำนวน 45,000 คนถูกจับด้วยข้อหาเสพยา หรือมียาเสพติดในครอบครอง และ 1 ใน 3 เป็นคน กทม.ถึง 15,000 คน ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้ามาระบบถึง 50,000 คน
นายจรัญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ที่คลองเปรมถือว่าแออัดแม้แต่ที่บังแดดบังฝนยังหาได้ลำบาก ซึ่งชาว กทม.ไม่ควรที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ สถานที่ดังกล่าวมีสภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหากได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะตกต่ำอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม การร่วมมือระหว่าง กทม. กรมราชทัณฑ์ และกรมคุมประพฤติจะเป็นต้นแบบที่จะนำไปขายผลใช้ทั่วประเทศโดยตนจะมอบนโยบายให้ผู้บัญชาการเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศเข้าไปหารือกับผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อให้เขาช่วยเหลือเหมือนที่ กทม.ได้ทำ ทั้งนี้ คาดว่าจะได้รับความมือเป็นอย่างดีจากท้องถิ่นต่างๆ