เครือข่ายเฝ้าระวังทางศาสนาร้องเรียนกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้จัดการเว็บไซต์สหรัฐฯ ซึ่งนำภาพพระพุทธรูปสกรีนบนชุดชั้นในสตรีแบบจีสติง สายเดี่ยว บ๊อกเซอร์ และเสื้อสุนัขจำหน่าย ด้านกรมการศาสนาเตรียมประสานไอซีที-กระทรวงการต่างประเทศประสานผ่านสถานทูตไทยประจำสหรัฐฯให้เจ้าของเว็บถอดภาพพระพุทธรูปออกจากสินค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเว็บไซต์ www.m-culture.go.th ในส่วนของกระทู้ “มีเครือข่ายเฝ้าระวังทางศาสนา ร้องเรียนว่ามีฝรั่งไอเดียพิเรนทร์ นำเอาภาพพระพุทธรูปไปติดกับสินค้าที่ระลึกขายผ่านอินเทอร์เน็ต” เว็บไซต์ของสหรัฐอเมริกา http://www.cafepress.com/philosophy_shop/887007 เป็นกระทำการลบหลู่พุทธศาสนา ด้วยการนำภาพพระพุทธรูปสกรีนลงบนสินค้าต่างๆ ได้แก่ กางเกงในสตรีแบบจีสตริง เสื้อสายเดี่ยว กางเกงบอกเซอร์ และเสื้อสุนัข เป็นต้น เพื่อนำสินค้าเหล่านี้มาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของร้านค้ากิ๊ฟต์ชอปพุทธศาสนา ให้ชาวต่างชาติซื้อไปใช้ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังเป็นการลบหลู่พระพุทธศาสนา โดยขอให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เร่งจัดการแก้ปัญหาการนำพุทธพาณิชย์ไปประกอบธุรกิจที่ไม่เหมาะสมโดยด่วน และไม่ควรปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก
ด้าน นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จะประสานงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา องค์กรชาวพุทธศาสนาโลก และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชี้แจง และทำความเข้าใจว่าการนำเสนอขายสินค้าและพุทธพาณิชย์ในเว็บไซต์ที่นำภาพพระพุทธรูปมาสกรีนลงบนเสื้อผ้า และของที่ระลึกโดยเฉพาะกางเกงชั้นใน เสื้อสายเดี่ยว บอกเซอร์ และเสื้อสุนัข เป็นกระทำที่ไม่เหมาะสม มีความอนาจารอย่างยิ่ง โดย ศน.ต้องการเรียกร้องให้แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดในทางใดทางหนึ่ง เพราะการกระทำดังกล่าวกระทบต่อความรู้สึกของชาวพุทธทั่วโลก
นายปรีชา กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เพราะเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่มีความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนที่นับถือศาสนาอื่น ซึ่งตนเชื่อว่า หากมีการทำความเข้าใจ และตรวจสอบรายละเอียดของเนื้อหาที่ผ่านการนำเสนอของเว็บไซต์แล้ว จะสามารถระงับเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เนื่องจากเข้าข่ายการนำเสนอที่ขัดต่อศีลธรรม จริยธรรมอันดีของหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งทั่วโลกมีผู้นับถือศาสนาอื่นๆ จำนวนกว่า 1,000 ล้านคน และมีชาวพุทธเพียง 300 ล้านคนเท่านั้น จึงทำให้คนที่ไม่เข้าใจในศาสนาพุทธกระทำการลบหลู่และดูหมิ่นศาสนาได้ ดังนั้น ศน.จะนำเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อจัดทำแผนวิจัยเชิงรุก และเสนอต่อที่ประชุมนานาชาติของพุทธศาสนาโลก เพื่อขับเคลื่อนการออกมาตรการแก้ไขการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเว็บไซต์ www.m-culture.go.th ในส่วนของกระทู้ “มีเครือข่ายเฝ้าระวังทางศาสนา ร้องเรียนว่ามีฝรั่งไอเดียพิเรนทร์ นำเอาภาพพระพุทธรูปไปติดกับสินค้าที่ระลึกขายผ่านอินเทอร์เน็ต” เว็บไซต์ของสหรัฐอเมริกา http://www.cafepress.com/philosophy_shop/887007 เป็นกระทำการลบหลู่พุทธศาสนา ด้วยการนำภาพพระพุทธรูปสกรีนลงบนสินค้าต่างๆ ได้แก่ กางเกงในสตรีแบบจีสตริง เสื้อสายเดี่ยว กางเกงบอกเซอร์ และเสื้อสุนัข เป็นต้น เพื่อนำสินค้าเหล่านี้มาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของร้านค้ากิ๊ฟต์ชอปพุทธศาสนา ให้ชาวต่างชาติซื้อไปใช้ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังเป็นการลบหลู่พระพุทธศาสนา โดยขอให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เร่งจัดการแก้ปัญหาการนำพุทธพาณิชย์ไปประกอบธุรกิจที่ไม่เหมาะสมโดยด่วน และไม่ควรปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก
ด้าน นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จะประสานงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา องค์กรชาวพุทธศาสนาโลก และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชี้แจง และทำความเข้าใจว่าการนำเสนอขายสินค้าและพุทธพาณิชย์ในเว็บไซต์ที่นำภาพพระพุทธรูปมาสกรีนลงบนเสื้อผ้า และของที่ระลึกโดยเฉพาะกางเกงชั้นใน เสื้อสายเดี่ยว บอกเซอร์ และเสื้อสุนัข เป็นกระทำที่ไม่เหมาะสม มีความอนาจารอย่างยิ่ง โดย ศน.ต้องการเรียกร้องให้แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดในทางใดทางหนึ่ง เพราะการกระทำดังกล่าวกระทบต่อความรู้สึกของชาวพุทธทั่วโลก
นายปรีชา กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เพราะเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่มีความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนที่นับถือศาสนาอื่น ซึ่งตนเชื่อว่า หากมีการทำความเข้าใจ และตรวจสอบรายละเอียดของเนื้อหาที่ผ่านการนำเสนอของเว็บไซต์แล้ว จะสามารถระงับเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เนื่องจากเข้าข่ายการนำเสนอที่ขัดต่อศีลธรรม จริยธรรมอันดีของหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งทั่วโลกมีผู้นับถือศาสนาอื่นๆ จำนวนกว่า 1,000 ล้านคน และมีชาวพุทธเพียง 300 ล้านคนเท่านั้น จึงทำให้คนที่ไม่เข้าใจในศาสนาพุทธกระทำการลบหลู่และดูหมิ่นศาสนาได้ ดังนั้น ศน.จะนำเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อจัดทำแผนวิจัยเชิงรุก และเสนอต่อที่ประชุมนานาชาติของพุทธศาสนาโลก เพื่อขับเคลื่อนการออกมาตรการแก้ไขการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อไป