“รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย” แถลงโต้ถูกถอดจากเก้าอี้อธิการบดี มศก.เป็นการกลั่นแกล้งโดยกลุ่มผู้ต้องการดันศิลปากรออกนอกระบบ-ผู้เสียประโยชน์จากนโยบายการบริหาร และต้องการมีอำนาจ ยันบริหารงานโปร่งใสตรวจสอบได้ ระบุการรักษาผลประโยชน์ของรัฐแต่ทำให้บางกลุ่มเสียผลประโยชน์เป็นที่มาถูกถอดถอน เดินหน้าฟ้องร้องทางกฎหมายถึงที่สุด

เมี่อเวลา 14.30 น.วันที่ 27 พ.ค. ที่ห้องประชุม 14 ตุลา มูลนิธิ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร อดีตอธิการมหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมด้วย ผศ.สาทิศ ชูแสง อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและวิจัย ศ.วิโชค มุกดามณี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร และ นายสกุล บุณยทัต รองอธิการฝ่ายกิจการนักศึกษา แถลงข่าว เรื่อง การถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) โดยก่อนการแถลงข่าวได้มีผู้มามอบดอกไม้กำลังใจแก่ รศ.ดร.วิวัฒน์ชัยด้วย
รศ.ดร.วิวัฒชัย กล่าวว่า เหตุที่ต้องแถลงข่าวในวันนี้ เนื่องจากสภา มศก.มีการประชุมลับถอดถอนตนจากการเป็นอธิการบดี โดยนายกสภา มศก.ไม่อนุญาตให้คนอยู่ในที่ประชุมด้วย แต่กลับอนุญาตให้ผู้ร้องเรียนและกล่าวหาอยู่ในห้องประชุม ทั้งๆ ที่มีผู้มักท้วง ทำให้ตนไม่ทราบเรื่องราวการประชุมขณะนั้น แม้ว่าสภา มศก.จะมีอำนาจในการถอดถอน แต่มติที่ถอดถอนตนครั้งนี้ เป็นการกลั่นแกล้ง โดยกระทำเป็นกระบวนการ และมีการให้ข่าวสารที่บิดเบือนต่อสื่อมวลชน ทำให้เกิดผลเสียหายต่อ มศก. และตน ซึ่งการถอดถอนที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากกลุ่มคน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้นิยมนโยบายการนำ มศก.ออกนอกระบบ 2.กลุ่มผู้เสียประโยชน์จากแนวทางนโยบายและการบริหารงานของตน และกลุ่มผู้ต้องการมีอำนาจ และ 3.กลุ่มคนที่เป็นกลางแต่เกรงใจ 2 กลุ่มแรก
อดีตอธิการบดี มศก.กล่าวอีกว่า เหตุผลในการปลดตนออกจากตำแหน่งโดยบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีข้อบกพร่อง ไม่มีเรื่องไม่สุจริต แต่ไม่เหมาะสมกับ มศก.โดยอ้างเรื่องการบริหารงานและการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เหตุผลที่เป็นรูปธรรม ทั้งที่ตนได้เสนอรายงานถึงผลงานรูปธรรมของการบริหารงานที่ผ่านมาต่อประธานคณะกรรมการประมวลผลปฏิบัติงานของอธิการบดีในรอบ 2 ปี ว่าเป็นไปตามกรอบวิสัยทัศน์และนโยบายที่ตนได้แถลงไว้จนประสบความสำเร็จ เช่นการเปิดหลักสูตรใหม่และปรับปรุงหลักสูตร 70 หลักสูตร เป็นต้น
“สาเหตุที่แท้จริงในการถอดถอนผมออกจากตำแหน่งน่าจะเป็นเพราะผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายการนำ มศก.ออกนอกระบบ จึงสร้างความไม่พอใจให้แก่คณบดีและผู้บริหารและกรรมการสภาบางคน และการที่ผมดูแลผลประโยชน์ของรัฐและราชการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงกระทบต่อผู้เสียประโยชน์ การไม่ได้รับอนุมัติในหลายโครงการ หรือเรื่องที่ไม่เหมาะสม หรืออาจขัดต่อระเบียบราชการ หรืออาจเสี่ยงต่อการไม่ชอบด้วยกฎหมาย คนเหล่านี้จึงไม่พอใจ จนเป็นที่มาต่อกระบวนการเอาผมออกจากตำแหน่งอธิการบดีให้ได้”รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย กล่าว
อดีตอธิการบดี มศก.กล่าวอีกว่า ผู้ร้องเรียนบางคนไม่พอใจที่ต้องพ้นจากตำแหน่งคณบดีตามข้อวินิจฉัยของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องการต่ออายุราชการของข้าราชการพลเรือน ความไม่พอใจในการไม่ได้รับอนุมัติให้เอกชนสร้างหอพักเพราะไม่เหมาะสมในแหล่งที่ตั้งและทัศนียภาพ การไม่อนุมัติให้ยืมเงินคงคลัง มศก.จำนวนมากไปซื้อตึก และความไม่พอใจต่อการหักรายได้เข้ามหาวิทยาลัยเพื่อนำงบประมาณพัฒนาสู่วิทยาเขตอย่างเหมาะสม
“การที่ผมยึดแนวทางโปร่งใส ตรวจสอบได้ และรักษาผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยโดยรวม เป็นการขัดขวางการหาประโยชน์จาก มศก.จึงเป็นที่มาของการถอดถอนผมในครั้งนี้ ซึ่งผมจะดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายจนถึงที่สุด ส่วนการฟ้องศาลปกครองนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับฝ่ายกฎหมาย”
ด้าน ศ.วิโชค กล่าวว่า ตนอยู่ มศก.ตั้งแต่เป็นนักศึกษาจนมาเป็นฝ่ายบริหาร ที่ถูกกล่าวหาว่าฝ่ายบริหารใน มศก.เข้ากันไม่ได้ในเรื่องการบริหาร ไม่เป็นความจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความขัดแย้ง การบริหารงานที่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจทุกคน ดังนั้น เมื่อการบริหารถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ จึงเป็นที่มาของความขัดแย้ง แต่ในความจริงเราสามารถทำงานด้วยกันได้ดี แต่อาจจะมีส่วนน้อยที่รู้สึกว่าทำงานด้วยกันไม่ได้ จนนำมาซึ้งการถอดถอน อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าเรายังสามารถทำงานด้วยกันได้ดี
เมี่อเวลา 14.30 น.วันที่ 27 พ.ค. ที่ห้องประชุม 14 ตุลา มูลนิธิ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร อดีตอธิการมหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมด้วย ผศ.สาทิศ ชูแสง อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและวิจัย ศ.วิโชค มุกดามณี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร และ นายสกุล บุณยทัต รองอธิการฝ่ายกิจการนักศึกษา แถลงข่าว เรื่อง การถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) โดยก่อนการแถลงข่าวได้มีผู้มามอบดอกไม้กำลังใจแก่ รศ.ดร.วิวัฒน์ชัยด้วย
รศ.ดร.วิวัฒชัย กล่าวว่า เหตุที่ต้องแถลงข่าวในวันนี้ เนื่องจากสภา มศก.มีการประชุมลับถอดถอนตนจากการเป็นอธิการบดี โดยนายกสภา มศก.ไม่อนุญาตให้คนอยู่ในที่ประชุมด้วย แต่กลับอนุญาตให้ผู้ร้องเรียนและกล่าวหาอยู่ในห้องประชุม ทั้งๆ ที่มีผู้มักท้วง ทำให้ตนไม่ทราบเรื่องราวการประชุมขณะนั้น แม้ว่าสภา มศก.จะมีอำนาจในการถอดถอน แต่มติที่ถอดถอนตนครั้งนี้ เป็นการกลั่นแกล้ง โดยกระทำเป็นกระบวนการ และมีการให้ข่าวสารที่บิดเบือนต่อสื่อมวลชน ทำให้เกิดผลเสียหายต่อ มศก. และตน ซึ่งการถอดถอนที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากกลุ่มคน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้นิยมนโยบายการนำ มศก.ออกนอกระบบ 2.กลุ่มผู้เสียประโยชน์จากแนวทางนโยบายและการบริหารงานของตน และกลุ่มผู้ต้องการมีอำนาจ และ 3.กลุ่มคนที่เป็นกลางแต่เกรงใจ 2 กลุ่มแรก
อดีตอธิการบดี มศก.กล่าวอีกว่า เหตุผลในการปลดตนออกจากตำแหน่งโดยบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีข้อบกพร่อง ไม่มีเรื่องไม่สุจริต แต่ไม่เหมาะสมกับ มศก.โดยอ้างเรื่องการบริหารงานและการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เหตุผลที่เป็นรูปธรรม ทั้งที่ตนได้เสนอรายงานถึงผลงานรูปธรรมของการบริหารงานที่ผ่านมาต่อประธานคณะกรรมการประมวลผลปฏิบัติงานของอธิการบดีในรอบ 2 ปี ว่าเป็นไปตามกรอบวิสัยทัศน์และนโยบายที่ตนได้แถลงไว้จนประสบความสำเร็จ เช่นการเปิดหลักสูตรใหม่และปรับปรุงหลักสูตร 70 หลักสูตร เป็นต้น
“สาเหตุที่แท้จริงในการถอดถอนผมออกจากตำแหน่งน่าจะเป็นเพราะผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายการนำ มศก.ออกนอกระบบ จึงสร้างความไม่พอใจให้แก่คณบดีและผู้บริหารและกรรมการสภาบางคน และการที่ผมดูแลผลประโยชน์ของรัฐและราชการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงกระทบต่อผู้เสียประโยชน์ การไม่ได้รับอนุมัติในหลายโครงการ หรือเรื่องที่ไม่เหมาะสม หรืออาจขัดต่อระเบียบราชการ หรืออาจเสี่ยงต่อการไม่ชอบด้วยกฎหมาย คนเหล่านี้จึงไม่พอใจ จนเป็นที่มาต่อกระบวนการเอาผมออกจากตำแหน่งอธิการบดีให้ได้”รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย กล่าว
อดีตอธิการบดี มศก.กล่าวอีกว่า ผู้ร้องเรียนบางคนไม่พอใจที่ต้องพ้นจากตำแหน่งคณบดีตามข้อวินิจฉัยของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องการต่ออายุราชการของข้าราชการพลเรือน ความไม่พอใจในการไม่ได้รับอนุมัติให้เอกชนสร้างหอพักเพราะไม่เหมาะสมในแหล่งที่ตั้งและทัศนียภาพ การไม่อนุมัติให้ยืมเงินคงคลัง มศก.จำนวนมากไปซื้อตึก และความไม่พอใจต่อการหักรายได้เข้ามหาวิทยาลัยเพื่อนำงบประมาณพัฒนาสู่วิทยาเขตอย่างเหมาะสม
“การที่ผมยึดแนวทางโปร่งใส ตรวจสอบได้ และรักษาผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยโดยรวม เป็นการขัดขวางการหาประโยชน์จาก มศก.จึงเป็นที่มาของการถอดถอนผมในครั้งนี้ ซึ่งผมจะดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายจนถึงที่สุด ส่วนการฟ้องศาลปกครองนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับฝ่ายกฎหมาย”
ด้าน ศ.วิโชค กล่าวว่า ตนอยู่ มศก.ตั้งแต่เป็นนักศึกษาจนมาเป็นฝ่ายบริหาร ที่ถูกกล่าวหาว่าฝ่ายบริหารใน มศก.เข้ากันไม่ได้ในเรื่องการบริหาร ไม่เป็นความจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความขัดแย้ง การบริหารงานที่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจทุกคน ดังนั้น เมื่อการบริหารถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ จึงเป็นที่มาของความขัดแย้ง แต่ในความจริงเราสามารถทำงานด้วยกันได้ดี แต่อาจจะมีส่วนน้อยที่รู้สึกว่าทำงานด้วยกันไม่ได้ จนนำมาซึ้งการถอดถอน อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าเรายังสามารถทำงานด้วยกันได้ดี