กคช.เตรียมดำเนินการซ่อมแซม “แฟลตดินแดง” ที่อยู่ในโซนสีแดง 20 หลัง ใช้เวลา 6 เดือน เริ่มมิถุนายนนี้ ใช้งบฯ ซ่อมแซม 20 ล้านบาท เน้นเสริมโครงสร้างอาคารให้แข็งแรงรองรับใช้งานต่ออีก 20 ปี พร้อมชี้แจงผู้อยู่อาศัยรับทราบถึงความจำเป็นและเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น เสนอบอร์ด กคช.พิจารณา 17 พ.ค.นี้
นายสุรพล จันทร์น้อย รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวถึงกรณีแฟลตดินแดงว่า กคช.ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) โดยให้นายพิชัย นิมิตยงสกุล ผู้อำนวยการศูนย์สารนิเทศเฟอร์โรซีเมนต์ระหว่างชาติ สถาบันเอไอที ศึกษาสำรวจสภาพโครงสร้างแฟลตดินแดงของ กคช. พบว่าอาคารที่ 1-8 และอาคารที่ 21-32 ซึ่งอยู่ในโซนสีแดงทรุดโทรมมากเพราะใช้งานมานานกว่า 40 ปี และประชาชนใช้งานอาคารค่อนข้างหนัก มีรถหนักวิ่งตลอดเวลา จึงเห็นว่าอยู่ในขั้นวิกฤตจำเป็นต้องซ่อมแซมใหม่เพื่อเสริมโครงสร้างอาคารให้มีความแข็งแรงรองรับการใช้งานไปอีกประมาณ 20 ปี ซึ่ง กคช.จะใช้งบฯ กลางปี 2549 จำนวน 20 ล้านบาท ใช้เวลาซ่อมแซม 6 เดือน เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
นายสุรพล กล่าวว่า การดำเนินการซ่อมแซมดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องโยกย้ายประชาชนในอาคารดังกล่าวประมาณ 1,000-2,000 ครัวเรือน จากทั้งหมด 8,000 ครัวเรือน แต่จะเป็นการทยอยย้ายตามความจำเป็นเฉพาะจุดที่ซ่อมแซม โดยอาจให้ประชาชนอยู่ใต้อาคาร เพราะบางส่วนเป็นร้านค้า หรือให้ไปอยู่โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นการชั่วคราว ส่วนจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนหรือไม่นั้น มั่นใจว่าประชาชนน่าจะให้ความร่วมมือ เพราะว่าอาคารรับไม่ไหวอาจจะเกิดอันตรายต่อสวัสดิภาพและชีวิตได้ โดยเฉพาะกรณีแผ่นดินไหว ไม่แน่ใจว่าสภาพอาคารจะรับได้หรือไม่ และเชื่อว่าทุกคนจะเห็นแก่ลูกหลานที่จะต้องใช้อาคารนี้ต่อไป ทั้งนี้ กคช.จะค่อยๆ ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นด้วย
รองผู้ว่า กคช.กล่าวอีกว่าจะนำข้อเสนอนี้เสนอต่อบอร์ด กคช.ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซึ่งรวมถึงแผนระยะยาวของแฟลตทั้งหมด สำรวจพบว่าอาคารอยู่ในจุดที่ต้องรื้อออกแล้ว ถ้าเป็นในต่างประเทศอาคารทรุดโทรมขนาดนี้รื้อออกแล้ว แต่ของไทยทำให้ใช้งานได้ให้นานที่สุด ซึ่งรวมถึงตัวอาคารโซนสีแดงทั้ง 20 หลังนี้ด้วย เพราะว่าในระหว่างที่รออนุมัติงบฯ ในการทุบและสร้างใหม่ จำเป็นต้องดูแลให้ประชาชนอย่างดีที่สุดไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตสภาพแฟลตดินแดงอาคาร 1-8 พบว่ามีรอยร้าวในหลายส่วน โดยเฉพาะอาคาร 1-4 ซึ่งอยู่ใกล้กับอุโมงค์แยกดินแดง นอกจากนี้ อาคารที่ 2 เกือบทุกห้องมีรอยน้ำรั่วซึมที่ช่องทิ้งขยะ
นางชุติกานต์ แดงสนาน ประชาชนผู้อาศัยแฟลตดินแดง อาคาร 2 ชั้น 1 ซึ่งเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 2528 กล่าวว่า ช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มมีอุโมงค์เกิดขึ้น ก็มีอาการสั่นสะเทือนมากเวลามีรถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งผ่าน ส่วนที่ห้องจะมีรอยรั่ว น้ำซึม เมื่อพบก็จะทำการซ่อมแซมนับ 10 ครั้งแล้ว รวมทั้งท่อน้ำประปาชำรุดก็ซ่อมเอง ยินดีให้มีการทุบซ่อมแซมใหม่ หรือสร้างใหม่ แม้จะต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวก็ยินดี แต่ในที่สุดก็ขอกลับมาอยู่ที่เดิม เพราะลูกเรียนหนังสือใกล้ที่อาศัย หากให้มีการลงเสียงของลูกบ้านจะลงเสียงเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้อยู่อาศัยในแฟลตใกล้เคียงและชั้นอื่น ๆ ซึ่งบางคนอยู่มานานกว่า 20 ปี ระบุว่ามีการสั่นสะเทือนบางคืนเท่านั้น และไม่ต้องการให้ทำอะไร คิดว่าอยู่ได้ ไม่อยากย้าย นอกจากนี้ เมื่อปี 2545 การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้เรียกประชุมประชาชนชาวแฟลตครั้งใหญ่ และให้ลงชื่อว่าต้องการอยู่ต่อหรือย้าย หลังจากนั้นก็ไม่มีคำตอบจาก กคช.มีแต่ข่าวว่าจะถูกทุบไปเป็นทางด่วน
นายสุรพล จันทร์น้อย รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวถึงกรณีแฟลตดินแดงว่า กคช.ได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) โดยให้นายพิชัย นิมิตยงสกุล ผู้อำนวยการศูนย์สารนิเทศเฟอร์โรซีเมนต์ระหว่างชาติ สถาบันเอไอที ศึกษาสำรวจสภาพโครงสร้างแฟลตดินแดงของ กคช. พบว่าอาคารที่ 1-8 และอาคารที่ 21-32 ซึ่งอยู่ในโซนสีแดงทรุดโทรมมากเพราะใช้งานมานานกว่า 40 ปี และประชาชนใช้งานอาคารค่อนข้างหนัก มีรถหนักวิ่งตลอดเวลา จึงเห็นว่าอยู่ในขั้นวิกฤตจำเป็นต้องซ่อมแซมใหม่เพื่อเสริมโครงสร้างอาคารให้มีความแข็งแรงรองรับการใช้งานไปอีกประมาณ 20 ปี ซึ่ง กคช.จะใช้งบฯ กลางปี 2549 จำนวน 20 ล้านบาท ใช้เวลาซ่อมแซม 6 เดือน เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
นายสุรพล กล่าวว่า การดำเนินการซ่อมแซมดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องโยกย้ายประชาชนในอาคารดังกล่าวประมาณ 1,000-2,000 ครัวเรือน จากทั้งหมด 8,000 ครัวเรือน แต่จะเป็นการทยอยย้ายตามความจำเป็นเฉพาะจุดที่ซ่อมแซม โดยอาจให้ประชาชนอยู่ใต้อาคาร เพราะบางส่วนเป็นร้านค้า หรือให้ไปอยู่โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นการชั่วคราว ส่วนจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนหรือไม่นั้น มั่นใจว่าประชาชนน่าจะให้ความร่วมมือ เพราะว่าอาคารรับไม่ไหวอาจจะเกิดอันตรายต่อสวัสดิภาพและชีวิตได้ โดยเฉพาะกรณีแผ่นดินไหว ไม่แน่ใจว่าสภาพอาคารจะรับได้หรือไม่ และเชื่อว่าทุกคนจะเห็นแก่ลูกหลานที่จะต้องใช้อาคารนี้ต่อไป ทั้งนี้ กคช.จะค่อยๆ ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นด้วย
รองผู้ว่า กคช.กล่าวอีกว่าจะนำข้อเสนอนี้เสนอต่อบอร์ด กคช.ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซึ่งรวมถึงแผนระยะยาวของแฟลตทั้งหมด สำรวจพบว่าอาคารอยู่ในจุดที่ต้องรื้อออกแล้ว ถ้าเป็นในต่างประเทศอาคารทรุดโทรมขนาดนี้รื้อออกแล้ว แต่ของไทยทำให้ใช้งานได้ให้นานที่สุด ซึ่งรวมถึงตัวอาคารโซนสีแดงทั้ง 20 หลังนี้ด้วย เพราะว่าในระหว่างที่รออนุมัติงบฯ ในการทุบและสร้างใหม่ จำเป็นต้องดูแลให้ประชาชนอย่างดีที่สุดไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตสภาพแฟลตดินแดงอาคาร 1-8 พบว่ามีรอยร้าวในหลายส่วน โดยเฉพาะอาคาร 1-4 ซึ่งอยู่ใกล้กับอุโมงค์แยกดินแดง นอกจากนี้ อาคารที่ 2 เกือบทุกห้องมีรอยน้ำรั่วซึมที่ช่องทิ้งขยะ
นางชุติกานต์ แดงสนาน ประชาชนผู้อาศัยแฟลตดินแดง อาคาร 2 ชั้น 1 ซึ่งเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 2528 กล่าวว่า ช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มมีอุโมงค์เกิดขึ้น ก็มีอาการสั่นสะเทือนมากเวลามีรถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งผ่าน ส่วนที่ห้องจะมีรอยรั่ว น้ำซึม เมื่อพบก็จะทำการซ่อมแซมนับ 10 ครั้งแล้ว รวมทั้งท่อน้ำประปาชำรุดก็ซ่อมเอง ยินดีให้มีการทุบซ่อมแซมใหม่ หรือสร้างใหม่ แม้จะต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวก็ยินดี แต่ในที่สุดก็ขอกลับมาอยู่ที่เดิม เพราะลูกเรียนหนังสือใกล้ที่อาศัย หากให้มีการลงเสียงของลูกบ้านจะลงเสียงเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้อยู่อาศัยในแฟลตใกล้เคียงและชั้นอื่น ๆ ซึ่งบางคนอยู่มานานกว่า 20 ปี ระบุว่ามีการสั่นสะเทือนบางคืนเท่านั้น และไม่ต้องการให้ทำอะไร คิดว่าอยู่ได้ ไม่อยากย้าย นอกจากนี้ เมื่อปี 2545 การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้เรียกประชุมประชาชนชาวแฟลตครั้งใหญ่ และให้ลงชื่อว่าต้องการอยู่ต่อหรือย้าย หลังจากนั้นก็ไม่มีคำตอบจาก กคช.มีแต่ข่าวว่าจะถูกทุบไปเป็นทางด่วน