xs
xsm
sm
md
lg

“ลมแรง-ฝนตก” ห้ามเล่นน้ำทะเลเด็ดขาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก.สาธารณสุข เตือนประชาชนอย่าลงเล่นน้ำทะเลขณะที่มีลมพัดแรงและฝนตก เผย ในปี 2549 มีผู้ตกน้ำจมน้ำกว่า 8,000 ราย เสียชีวิตถึงร้อยละ 30 และพบนักเรียน/นักศึกษา จมน้ำถึงร้อยละ 32 แนะหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่เสี่ยง ควรทำป้ายเตือน หรือทำเชือกกั้น และจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น เสื้อชูชีพ ห่วงยาง ให้เพียงพอ

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า แนวโน้มปัญหาการตกน้ำ จมน้ำ และเสียชีวิต ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี เหตุการณ์คนจมน้ำเสียชีวิตที่หาดแม่รำพึง จ.ระยอง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ปกครองและครูที่ต้องระมัดระวังป้องกันเด็กอย่างเต็มที่ เพราะเป็นช่วงที่มีฝนตก มีลมมรสุมพัดแรง คลื่นใต้น้ำจะมีพลังมหาศาล มีกระแสน้ำวน แรงดูดของคลื่นใต้น้ำ จะดูดให้หายเข้าไปในร่องน้ำได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เสียชีวิตทุกราย จึงขอเตือนประชาชน หากไปเที่ยวแล้วมีฝนตก หรือมีมรสุม ลมพัดแรง อย่าลงเล่นน้ำเด็ดขาด

ทั้งนี้ จากข้อมูลเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยา พบว่า ในปี 2542 มีผู้เสียชีวิตจากตกน้ำ จมน้ำ 3,057 ราย เพิ่มเป็น 4,220 ราย ในปี 2548 หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 4,000 ราย สำหรับปี 2549 มีผู้บาดเจ็บจากตกน้ำ จมน้ำ 8,118 ราย เสียชีวิต 2,445 ราย หรือร้อยละ 30 ผู้จมน้ำส่วนใหญ่จะมีอายุต่ำกว่า 10 ปี ถึงร้อยละ 48 เป็นเพศชายมากกว่าหญิง 2 เท่า และพบเป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 32.4 รองลงมาเป็นกลุ่มไม่มีอาชีพ จังหวัดที่มีการเสียชีวิตสูงสุด คือ ตราด ระนอง ภูเก็ต อ่างทอง และพิจิตร ส่วนใหญ่จะเกิด 2 ช่วง คือ ช่วงแรกในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอมและสงกรานต์ และเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับเทศกาลลอยกระทง

นพ.ปราชญ์ กล่าวอีกว่า ในการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการตกน้ำ จมน้ำ หากจะไปเที่ยว ผู้ปกครองหรือพี่เลี้ยงเด็ก ควรระมัดระวังดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เล่นน้ำตามลำพัง ควรให้ความรู้และคำแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการป้องกันตนเองอย่างถูกต้อง ผู้ที่ลงเล่นน้ำหรือจะเดินทางทางน้ำ ต้องสวมเสื้อชูชีพตลอดเวลา หรือมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ เพื่อป้องกันการจมน้ำในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ส่วนการช่วยเหลือที่ถูกต้องเมื่อพบคนกำลังจมน้ำ ให้หาอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น ไม้ เชือก หรือสิ่งยึดเหนี่ยว ให้การช่วยเหลืออย่างระมัดระวังและรวดเร็ว

ส่วนหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยทางน้ำ ทั้งส่วนราชการ ชุมชน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีการจัดการดูแลแหล่งน้ำ และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำที่เป็นพื้นที่เสี่ยงให้มีความปลอดภัย เช่น ทำรั้ว ทำป้ายเตือน หรือทำเชือกกั้น และจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือให้เพียงพอ เช่น เสื้อชูชีพ ห่วงยาง เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น