รองนายกรัฐมนตรีผลักดันยุทธศาสตร์สังคมไทยไม่ทอดทิ้งกัน และการศึกษาที่เน้นความดี ชี้การแก้ปัญหาชุมชนแออัด ต้องมองทุกอย่างแบบบูรณาการ ชุมชนต้องเข้มแข็งก่อนขอความช่วยเหลือจากภายนอก
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานมอบทุนการศึกษาของมูลนิธิดวงประทีป แก่เด็กยากจนและด้อยโอกาสที่อยู่ในชุมชนแออัดคลองเตย และอีก 7 จังหวัด จำนวน 2,500 ทุน รวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีเด็ก 4 คน ได้รับทุนไปศึกษาต่อชั้นมัธยมปลายที่ประเทศญี่ปุ่น และมีการมอบทุนแก่เด็กที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีผลการเรียนดี เกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 3.5 ขึ้นไป มีความกตัญญู ช่วยเหลือสังคมและชุมชนด้วย สำหรับแหล่งเงินทุนที่ให้การสนับสนุน เป็นบุคคลทั่วไป กลุ่มองค์กรทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เป็นแหล่งเงินทุนหลัก มีการบริจาคปีละกว่า 1,000 ทุน
นายไพบูลย์ กล่าวในระหว่างพิธีเปิดงานว่า ปัญหาเด็กด้อยโอกาสในชุมชนแออัด เป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญ เช่นกรณีเด็กวัยเรียนในพื้นที่คลองเตยมีกว่า 35,000 คน เป็นที่น่ายินดีที่มีหลายองค์กรเข้ามาช่วยดูแลร่วมกับภาครัฐ แสดงว่าสังคมไทยหรือแม้แต่สังคมโลก ก็เป็นสังคมแห่งการให้ ไม่ทอดทิ้งกัน โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพื่อที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสได้พัฒนาตนเอง และรู้สึกดีใจที่มีการมอบทุนให้แก่เด็กกตัญญู ช่วยเหลือผู้อื่นและสังคม และอยากให้การศึกษาไทยเน้นความดีเป็นอันดับ 1 ความสามารถเป็นอันดับ 2 ถ้ามีความดีแม้ความสามารถไม่มากนัก แต่ก็จะนำไปสู่ความสามารถที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยเมื่อเด็กดีมีความ รู้จักทำจิตใจให้มีความสุข ก็จะขยันหมั่นเพียร พัฒนาความสามารถให้เพิ่มขึ้นไปอย่างไม่รู้จบ
นายไพบูลย์ ยังกล่าวว่า ปัญหาของชุมชนแออัดมีหลายมิติ หลายด้าน ต้องพัฒนาแบบบูรณาการ การให้ทุน ให้ความช่วยเหลือ ให้เงินกู้ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่จะให้ดีต้องมองทุกอย่างแบบบูรณาการ โดยส่งเสริมให้ชุมชนรวมตัวกัน ร่วมคิดร่วมทำว่าชุมชนควรเป็นอย่างไร แล้วช่วยกันทำให้ชุมชนดีขึ้น มีความเข้มแข็ง ช่วยตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่จะให้ผู้อื่นช่วย จากนั้น เมื่อเข้มแแข็งแล้ว ผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือก็ทำได้ง่ายขึ้น
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานมอบทุนการศึกษาของมูลนิธิดวงประทีป แก่เด็กยากจนและด้อยโอกาสที่อยู่ในชุมชนแออัดคลองเตย และอีก 7 จังหวัด จำนวน 2,500 ทุน รวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีเด็ก 4 คน ได้รับทุนไปศึกษาต่อชั้นมัธยมปลายที่ประเทศญี่ปุ่น และมีการมอบทุนแก่เด็กที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีผลการเรียนดี เกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 3.5 ขึ้นไป มีความกตัญญู ช่วยเหลือสังคมและชุมชนด้วย สำหรับแหล่งเงินทุนที่ให้การสนับสนุน เป็นบุคคลทั่วไป กลุ่มองค์กรทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เป็นแหล่งเงินทุนหลัก มีการบริจาคปีละกว่า 1,000 ทุน
นายไพบูลย์ กล่าวในระหว่างพิธีเปิดงานว่า ปัญหาเด็กด้อยโอกาสในชุมชนแออัด เป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญ เช่นกรณีเด็กวัยเรียนในพื้นที่คลองเตยมีกว่า 35,000 คน เป็นที่น่ายินดีที่มีหลายองค์กรเข้ามาช่วยดูแลร่วมกับภาครัฐ แสดงว่าสังคมไทยหรือแม้แต่สังคมโลก ก็เป็นสังคมแห่งการให้ ไม่ทอดทิ้งกัน โดยเฉพาะด้านการศึกษา เพื่อที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสได้พัฒนาตนเอง และรู้สึกดีใจที่มีการมอบทุนให้แก่เด็กกตัญญู ช่วยเหลือผู้อื่นและสังคม และอยากให้การศึกษาไทยเน้นความดีเป็นอันดับ 1 ความสามารถเป็นอันดับ 2 ถ้ามีความดีแม้ความสามารถไม่มากนัก แต่ก็จะนำไปสู่ความสามารถที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยเมื่อเด็กดีมีความ รู้จักทำจิตใจให้มีความสุข ก็จะขยันหมั่นเพียร พัฒนาความสามารถให้เพิ่มขึ้นไปอย่างไม่รู้จบ
นายไพบูลย์ ยังกล่าวว่า ปัญหาของชุมชนแออัดมีหลายมิติ หลายด้าน ต้องพัฒนาแบบบูรณาการ การให้ทุน ให้ความช่วยเหลือ ให้เงินกู้ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่จะให้ดีต้องมองทุกอย่างแบบบูรณาการ โดยส่งเสริมให้ชุมชนรวมตัวกัน ร่วมคิดร่วมทำว่าชุมชนควรเป็นอย่างไร แล้วช่วยกันทำให้ชุมชนดีขึ้น มีความเข้มแข็ง ช่วยตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่จะให้ผู้อื่นช่วย จากนั้น เมื่อเข้มแแข็งแล้ว ผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือก็ทำได้ง่ายขึ้น