เรือนไทยในปัจจุบันมีเหลือเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ทั้งที่สิ่งเหล่านี้เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของสถาปัตยกรรมยุคเก่า และยังเป็นที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของชุมชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเรือนไทยแห่งหนึ่งย่านสามเสนที่ยังคงบรรเลงเรื่องราวของชุมชนผ่านงานศิลปะทุกแขนง ทั้งดนตรี ละคร ภาพวาด ภาพถ่าย และภาพยนตร์ สถานที่แห่งนั้นคือ “เรือนบรรเลง” ของมูลนิธิหลวงประดิษฐ์-ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
**ลงเสาเอก “เรือนบรรเลง”
อัษฎาวุธ สาคริก ทายาทรุ่นเหลนของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ เล่าว่า “เรือนบรรเลง” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 เป็นเรือนหอของ คุญหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง กับพลตำรวจเอก พระมหาเทพกษัตรสมุห (เนื่อง สาคริก) ออกแบบและก่อสร้างโดยช่างชาวจีนชื่อ นายเกียฮู้ ซึ่งมีนางโชติ ศิลปบรรเลง ภรรยาหลวงประดิษฐ์ไพเราะเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง
ตัวเรือนตั้งอยู่ในที่ดินของพระมหาเทพกษัตรสมุห ณ ตำบลบางซื่อ อำเภอดุสิต พระนคร พื้นที่บริเวณนี้ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังพญาไท พระราชวังจิตรลดา พระที่นั่งอัมพรสถานฯ และสถานที่สำคัญทางราชการ อีกทั้งแวดล้อมไปด้วยบ้านขุนนางข้าราชการต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่7 เช่น บ้านคุณพระวิชัยยุทธ (หนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลวิชัยยุทธ) ด้านซ้ายเป็นบ้านของพระยาทะยานพิฆาต (ทิพย์ เกตุทัต) ด้านขวา ของหลวงศรีวโรสถ หลวงมงคลยุทธนาวี
ส่วนหัวมุมเป็นบ้านของพระยาบริหารราชมานพ ฝั่งตรงข้ามคือ บ้านของพระยารณชัยชาญยุทธ ฯลฯ หรือแม้แต่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลกหลายเรื่อง เช่น Good Morning Vietnam พื้นที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยเรื่องราว และความเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ปัจจุบัน เรือนบรรเลงตั้งอยู่บ้านเลขที่ 47 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ช่วงประมาณ พ.ศ. 2512 เรือนบรรเลงเป็นที่ตั้งของร้านอาหารชื่อ “โชติรส” ซึ่งมาจากชื่อของคุณยายโชติ ศิลปบรรเลง ถือได้ว่าเป็นร้านอาหารร้านแรกในย่านนี้
ต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นที่ทำการของมูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ เพื่อสืบสานดนตรีไทยของหลวงประดิษฐไพเราะ โดยอบรมและถ่ายทอดวิชาความรู้ด้านดนตรี ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับเยาวชน สถานที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนการสืบทอดอุดมการณ์จากอดีตจนถึงปัจจุบันและเชื่อมโยงไปสู่อนาคต
**“เรือนบรรเลง” พื้นที่สืบสานงานศิลป์
อัษฎาวุธ เล่าว่า สาเหตุที่อนุรักษ์เรือนให้คงอยู่ต่อไป เพราะว่าเป็นบ้านของคุณปู่คุณย่า ที่นี่มีทั้งเรื่องราวมีจิตวิญญาณ และหากมองให้ไกลออกไปเป็นช่องทางให้ความรู้แก่ชุมชน ซึ่งสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นดนตรีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ปรัชญาหลักคือ ต้องการให้คนรู้จักตัวเองก่อนว่าเรามีหน้าที่อะไร เราต้องทำหรือดูแลอะไร แล้วค่อยออกไปบอกคนอื่นว่าเราเป็นใคร
ทั้งนี้ กิจกรรมการแสดงดนตรี การพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องศิลปะเริ่มตั้งแต่มีบ้านหลังนี้ ซึ่งในอดีตยังไม่ได้เปิดเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ในปัจจุบันได้เปิดพื้นที่นี้ทำให้เป็นที่ชุมนุมของนักดนตรี นักคิด นักเขียน มาจากหลากหลายสาขาอาชีพที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เรือนบรรเลงเป็นที่จัดกิจกรรมต่างๆ ไม่เฉพาะดนตรีไทยเท่านั้น แต่เป็นทุกสิ่งที่เกี่ยวกับดนตรี และศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ทางศิลปะ เพราะศิลปะต่างๆก็อธิบายดนตรีได้เช่นกัน อาทิ การแสดงดนตรีไทย จัดแสดงภาพวาด ภาพพิมพ์ มีละครนอก ละครเวทีสมัยใหม่ ลิเก และภาพยนตร์ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมหมุนเวียน
ขณะที่ตัวเรือนไทยจะจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ของหลวงประดิษฐ์ไพเราะเก็บตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องดนตรี และมีเรื่องราวของครูดนตรีท่านอื่นด้วย
นอกจากนั้น พิพิธภัณฑ์ยังได้เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับดนตรี ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ บัตรชมการแสดงดนตรี แผ่นป้ายประกาศการแสดงดนตรี เป็นต้น ในขณะนี้ดำเนินการปรับปรุงตัวเรือนอยู่ โดยที่ตัวเรือนคงรูปแบบเดิม แต่ปรับปรุงพื้นที่บางส่วนเพื่อรองรับกิจกรรมเพราะจะทำกิจกรรมทางสาธารณะ คาดว่าเดือนพฤษภาคมจะใช้การได้
“แม้ว่าตัวเรือนจะอยู่ในระหว่างซ่อมแซม แต่จะจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นกิจกรรมหมุนเวียน เรือนบรรเลง มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) จึงเป็นพื้นที่เปิดและพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกองค์กรในการจัดกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรม ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้” อ. อัษฎาวุธ กล่าว
**ก่อร่างสร้างงานศิลป์
สำหรับกิจกรรมที่ทางเรือนบรรเลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกคือ กิจกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาคือ “โหมรัก โหมโรง” ซึ่งเป็นนิทรรศการที่แสดงชีวประวัติของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ และเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องโหมโรง
ส่วนกิจกรรมที่กำลังจะเริ่มบรรเลงในเดือนพฤษภาคมนี้คือ นิทรรศการ “แสงสามเสน...เสียงสามเสน / Samsen Scene … Samsen Sound
อัษฎาวุธเล่าว่า โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะในอดีตพื้นที่บริเวณสามเสนเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้านายเชื้อพระวงศ์และขุนนางข้าราชการ ในสมัยรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่7 ดังนั้น พื้นที่นี้จึงเป็นชุมชนเก่าที่เล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ได้ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ในโอกาสที่ “เรือนบรรเลง” ได้บูรณะปรับปรุงเพื่อเปิดเป็นเวทีทางเลือกสำหรับศิลปวัฒนธรรม มูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) และOn Art Group จึงจับมือกันจัดนิทรรศการ “แสงสามเสน...เสียงสามเสน / Samsen Scene … Samsen Sound ขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับชุมชนสามเสน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนบรรเลง และทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนเกิดความรักความภาคภูมิใจ และความผูกผันต่อชุมชนของตน
การสร้างจิตสำนึกร่วมของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญ การจัดกิจกรรมขึ้นนั้นเพื่อ “การรู้จัก – รักตนเอง” ซึ่งต้องอาศัยเวลาและความต่อเนื่อง ดังนั้นจึงวางแผนจัดเป็นโครงการระยะยาว โดยจะจัดโครงการนี้ขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-31 พฤษภาคมณ มูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ และ On Art Gallery
สำหรับกิจกรรมจะมีส่วนของ “แสงสามเสน/Samsen Scene เป็นนิทรรศการภาพถ่าย แสดงภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนสามเสน รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ จัดแสดงภาพถ่ายกว่า 80 ชิ้น โดยสมัชชัย อภัยสุวรรณ และสุพจน์ อภัยสุวรรณ ตลอดเดือนพฤษภาคม ที่ On Art Gallery เรือนบรรเลง และในส่วนเสียงสามเสน/Samsen Sounds เป็นกิจกรรมเสวนา ดนตรี และการแสดง นำเสนอเรื่องราวของเสียงในพื้นที่สามเสน ซึ่งครอบคลุมทั้งการพูดคุยแสดงความคิดเห็น การบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งเสียงดนตรีและการแสดงต่างๆ กิจกรรม จะมีขึ้นในวันที่ 4, 12 และ 26 พฤษภาคม 2550 ณ เรือนบรรเลง”
“โครงการนี้จะเป็นสื่อให้สังคมได้รู้จักกับพื้นที่สามเสนมากขึ้น ในฐานะที่เป็นชุมชนเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งประชาคมสามเสน ตื่นตัวและเกิดสำนึกร่วมของชุมชนผ่านการทำกิจกรรมร่วมกัน และทำให้ประชาคมสามเสนเกิดความรัก ความภาคภูมิใจ และรู้สึกผูกพันกับชุมชนที่ตนอยู่อาศัยด้วย” อัษฎาวุธ กล่าวถึงกิจกรรมที่จะมีขึ้น ณ เรือนบรรเลง