หลังจากได้ปูพื้นฐานเกี่ยวกับที่มาและที่ไปของ “โรคจมูกอักเสบ” กันไปจนเป็นเข้าใจ รวมทั้งอธิบายต้นสายปลายเหตุและอาการของโรคชนิดเฉียบพลันไปเรียบร้อยแล้ว มาในครั้งก็จะได้เติมเต็มถึงรายละเอียดของ “โรคจมูกอักเสบชนิดเรื้อรัง” กันบ้างว่า เป็นเช่นไร มีความแตกต่างและน่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน
สำหรับสาเหตุของโรคจมูกอักเสบชนิดเรื้อรัง ถ้าจะว่าไปแล้วก็ต้องบอกว่า เป็นผลต่อเนื่องมาจากการเป็นโรคจมูกอักเสบชนิดเฉียบพลันมาก่อน ซึ่งเมื่อปล่อยให้เนิ่นนาน ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและถูกวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบำรุงรักษา “ปอด” ให้เข้มแข็ง ก็ส่งผลทำให้พัฒนาไปในทางที่เลวร้ายกลายเป็นชนิดเรื้อรังในที่สุด
ถึงตรงนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ จุดที่ทำให้โรคนี้เลวร้ายขึ้นและคนส่วนใหญ่มักมี “พฤติกรรม” เช่นนี้ก็คือ เมื่อเป็นโรคจมูกอักเสบชนิดฉับพลันต้องรักษาให้หายเด็ดขาด ไม่ใช่อาการดีขึ้นนิดหนึ่งก็เลิกรักษาเพราะคิดว่าเป็นโรคธรรมดาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เมื่อประจวบเหมาะกับต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมที่เลยร้ายและเต็มไปด้วยมลพิษซ้ำเข้าไป อาการจมูกอักเสบก็จะกำเริบขึ้นมาอีก ซึ่งเมื่อกำเริบขึ้นมาเป็นระยะๆ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย นานเข้าก็จะกลายเป็นชนิดเรื้อรัง
สำหรับผลกระทบทางกายภาพที่เห็นได้ชัดกับการเป็นชนิดเรื้อรังอยู่ตรงที่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจมูกของคุณเองมากมายสารพัด เช่น รูปทรงของจมูกจะเปลี่ยนไป เกิดน้ำมูกเหนียวๆ ขึ้นภายในจมูกและติดแน่นกับโพรงจมูกมาก จมูกจะอุดตันตลอดเวลา หายใจยาก หายใจลำบาก รู้สึกคัดจมูกตลอด เป็นต้น
สุดท้ายจมูกจะกลายเป็นฐานแห่งโรคที่ถาวรและรักษาให้หายขาดได้ยาก
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคจมูกอักเสบชนิดเรื้อรังยังต้องประสบกับปัญหาในการนอนด้วย กล่าวคือ ถ้านอนตะแคงขวา ก็จะมีการอุดตันที่รูจมูกด้านขวา ถ้านอนตะแคงซ้าย ก็จะมีการอุดตันที่รูจมูกด้านซ้าย ซึ่งภาวะเช่นนี้จะทำให้รู้สึกไม่สบายอย่างมาก
แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้และจำให้มั่นก็คือ การที่เราใช้ยารักษานานๆ ไม่ว่าจะเป็นยาพ่นหรือยาอะไรก็ตาม โดยที่โรคไม่ได้รับการขจัดให้หายขาดไป ยาเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนจากเครื่องมือในการรักษากลายเป็นสาเหตุแห่งโรคจมูกอักเสบเรื้อรังได้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน นอกจากผลกระทบที่เกิดกับจมูกแล้ว อาการเจ็บป่วยจากโรคนี้ยังจะลุกลามไปที่ “ลำคอ” และ “ช่องปาก” ด้วย เพราะเป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อกัน อาการอุดตันในจมูกถ้าเป็นมากจะกระทบต่อประสาทสัมผัสในการรับรู้เรื่องกลิ่น ทำให้ขีดความสามารถในการรับรู้เรื่องกลิ่นลดน้อยลง
และเมื่อเป็นไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ระบบ “จิงลั่ว” หรือ “พลังปราณ” ในร่างกายเกิดการติดขัด จะนำไปสู่ความรู้สึกปวดมึนที่ศีรษะและระหว่างคิ้ว
ฟังๆ อาการแล้ว หลายคนอาจเกิดคำถามในใจว่า แล้วโรคจมูกอักเสบมีความเกี่ยวข้องกับโรคไซนัสหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ที่สำคัญคือโรคไซนัสจะมีความรุนแรงกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ยังมีต้นเหตุของการเกิดโรคจมูกอักเสบอีกชนิดหนึ่งที่ไม่อาจละเลยได้ นั่นก็คือ โรคจมูกอักเสบที่มีผลมาจาก “ภาวะภูมิแพ้” เนื่องจากมีสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคจมูกอักเสบแบบเฉียบพลันและชนิดเรื้อรังแต่อย่างใด
กล่าวคือ จมูกอักเสบจากภูมิแพ้จะเกิดกับผู้ที่มีป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ต่างๆ ก็จะทำให้จมูกอักเสบได้ แต่อาการที่แสดงออกของโรคก็จะต่างกับ 2 ชนิดข้างต้นคือ ปกติคนที่เป็นแบบเฉียบพลันจะมีอาการมึนศีรษะบ้าง ปวดศีรษะบ้าง แต่คนที่เกิดเพราะภูมิแพ้จะไม่เป็น จะมีอาการเพียงแค่น้ำมูกไหล จาม คันจมูก กลัวหนาว กลัวเย็นและกลัวลม เป็นต้น
ในทางการแพทย์แผนจีนสรุปว่า โรคชนิดนี้เกิดจากความพร่องของอวัยวะสำคัญคือ ม้าม ไตและปอด ที่หย่อนยาน ซึ่งอาการที่แสดงออกของโรคที่เป็นผลมาจากอวัยวะทั้ง 3 จะแตกต่างกัน
ถ้าเกิดเพราะความพร่องที่ปอดจะทำให้อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หายใจสั้น ไอ มีเสมหะบางๆ และมีอาการหอบ
ถ้าเกิดเพราะความพร่องของม้าม ผู้ป่วยจะมีใบหน้าซีดเซียว รับประทานอาหารได้น้อย ถ่ายออกมาเหลวๆ ถ้าตรวจที่ลิ้นจะพบว่า ลิ้นมีอาการบวม และมีฝ้าขาวปรากฏ ซึ่งถ้าแมะตรวจก็จะพบว่า ชีพจรเต้นอ่อนแรงลงกว่าปกติ
ถ้าเกิดเพราะความพร่องของไต ผู้ป่วยจะปวดเมื่อยที่บริเวณเอว ขา และเข่า ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ลิ้นจะบวม มีฝ้าบางๆ ปรากฏ ชีพจรเต้นเบากว่าปกติ
ส่วนทั้ง 3 ประเภทจะนวดรักษากันอย่างไร คงต้องติดตามในสัปดาห์หน้า...