อึ้ง! ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “คลอโรฟิลล์” โม้อวดอ้างสรรพคุณสามารถใช้หยอดตารักษาต้อกระจก และโรคอื่นๆ สารพัด อย.หวั่นผู้บริโภคเป็นอันตรายจากการติดเชื้อ ชี้อาจตาบอดได้ ทั้งเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้องและเสียเงินทองจำนวนมาก ย้ำ! ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยา ไม่สามารถรักษาโรคได้ อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด หากมีปัญหาเรื่องสุขภาพควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาดีกว่า

นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า มีผู้บริโภคจากจังหวัดอำนาจเจริญร้องเรียนว่าพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซึ่งเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดน้ำ ขนาดบรรจุ 500 มิลลิกรัม ราคา 980 บาท จัดจำหน่ายในลักษณะขายตรงและอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถรักษาได้สารพัดโรค รวมทั้งยังอ้างว่าใช้หยอดตาเพื่อรักษาต้อกระจกได้อีกด้วย ซึ่งกรณีถือเป็นการอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง อีกทั้งมีราคาค่อนข้างแพง แล้วยังมีการนำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ทำให้ผู้บริโภคเสียโอกาสในการรักษาโรคที่ถูกต้อง เสียเงินโดยไม่จำเป็น และอาจได้รับอันตราย หากผลิตภัณฑ์นั้นมีการผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ มีเชื้อโรคปนเปื้อนอาจทำให้ตาติดเชื้อจนถึงขั้นตาบอดได้
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อว่า คลอโรฟิลล์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผักใบเขียวทุกชนิดการบริโภคผักใบเขียวก็จะได้รับประโยชน์จากสารนี้ด้วย โดยปกติแล้วร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์วันละประมาณ 5 มิลลิกรัมจากการบริโภคผักใบเขียว ปริมาณที่บริโภคนั้นควรยึดจากคำแนะนำที่ควรบริโภคบนฉลากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตแล้ว และผู้บริโภคบางกลุ่ม ได้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รวมถึงผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทั้งนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันถึงคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ตามที่ มีการอวดอ้าง หากผู้บริโภคมีปัญหาในเรื่องสุขภาพ หรือมีการเจ็บป่วยต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้วินิจฉัย หาวิธีการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยที่ถูกต้องตามอาการของโรค ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณา หรือใช้ผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำไปใช้หยอดตาเพื่อรักษาต้อกระจก เพราะการรักษาอาการป่วยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
“ถ้าหากในแต่ละวันเราได้รับสารอาหาร 5 หมู่ ครบถ้วนและหลากหลายเพียงพอก็ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากการบริโภคสารสกัดเข้มข้นอาจทำให้ได้รับอันตรายจากการบริโภคได้ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรต้องพิจารณาความจำเป็นในการบริโภค ความสมประโยชน์ที่ได้รับกับเงินที่จะต้องเสียไปด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หรือสงสัยว่าจะเป็นการหลอกลวง โปรดแจ้งเบาะแสให้ อย.ทราบโดยละเอียด ผ่านทางสายด่วน อย.1556 หรือทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2590-7354 เพื่อ อย.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด
นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า มีผู้บริโภคจากจังหวัดอำนาจเจริญร้องเรียนว่าพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซึ่งเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดน้ำ ขนาดบรรจุ 500 มิลลิกรัม ราคา 980 บาท จัดจำหน่ายในลักษณะขายตรงและอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถรักษาได้สารพัดโรค รวมทั้งยังอ้างว่าใช้หยอดตาเพื่อรักษาต้อกระจกได้อีกด้วย ซึ่งกรณีถือเป็นการอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง อีกทั้งมีราคาค่อนข้างแพง แล้วยังมีการนำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ทำให้ผู้บริโภคเสียโอกาสในการรักษาโรคที่ถูกต้อง เสียเงินโดยไม่จำเป็น และอาจได้รับอันตราย หากผลิตภัณฑ์นั้นมีการผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ มีเชื้อโรคปนเปื้อนอาจทำให้ตาติดเชื้อจนถึงขั้นตาบอดได้
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อว่า คลอโรฟิลล์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผักใบเขียวทุกชนิดการบริโภคผักใบเขียวก็จะได้รับประโยชน์จากสารนี้ด้วย โดยปกติแล้วร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์วันละประมาณ 5 มิลลิกรัมจากการบริโภคผักใบเขียว ปริมาณที่บริโภคนั้นควรยึดจากคำแนะนำที่ควรบริโภคบนฉลากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตแล้ว และผู้บริโภคบางกลุ่ม ได้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รวมถึงผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทั้งนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันถึงคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ตามที่ มีการอวดอ้าง หากผู้บริโภคมีปัญหาในเรื่องสุขภาพ หรือมีการเจ็บป่วยต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้วินิจฉัย หาวิธีการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยที่ถูกต้องตามอาการของโรค ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณา หรือใช้ผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำไปใช้หยอดตาเพื่อรักษาต้อกระจก เพราะการรักษาอาการป่วยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
“ถ้าหากในแต่ละวันเราได้รับสารอาหาร 5 หมู่ ครบถ้วนและหลากหลายเพียงพอก็ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากการบริโภคสารสกัดเข้มข้นอาจทำให้ได้รับอันตรายจากการบริโภคได้ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรต้องพิจารณาความจำเป็นในการบริโภค ความสมประโยชน์ที่ได้รับกับเงินที่จะต้องเสียไปด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง หรือสงสัยว่าจะเป็นการหลอกลวง โปรดแจ้งเบาะแสให้ อย.ทราบโดยละเอียด ผ่านทางสายด่วน อย.1556 หรือทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2590-7354 เพื่อ อย.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด


