xs
xsm
sm
md
lg

AHA ช่วยดูแลผิวพรรณได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัจจุบัน เครื่องสำอางเข้ามามีบทบาทสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัย แต่จะมีสักกี่คนที่มีความรู้ว่าเครื่องสำอางหลายชนิด มีส่วนผสม AHA และ AHA มีประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างไร และหากใช้ไม่ถูกวิธีจะเกิดโทษอย่างไรบ้าง

ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ผอ.ศูนย์โรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Antiaging Medicine อธิบายถึงสารพิเศษในเครื่องสำอางว่า ในเครื่องสำอางมีส่วนประกอบของส่วนผสมต่างๆ แต่ผู้บริโภคจำนวนมากไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ซื้อมาใช้ และไม่รู้ว่าสารพิเศษแต่ละชนิดมีคุณสมบัติอย่างไร มีส่วนทำให้ผิวพรรณของตัวเองดีขึ้นได้อย่างไร

1. AHA (Alphahydroxy acid) เป็นสารที่พบในผลไม้และพืชผักหลายชนิด เป็นสารสกัดจากธรรมชาติพบได้ในแอปเปิล ลูกพีช อ้อย องุ่น มะขาม สตรอเบอรี แครอท แตงกวา และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

สารตัวนี้รู้จักมานานแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณโดยผู้หญิงตะวันตกได้มีการนำไวน์เก่ามาทาผิวเพื่อรักษาผิวพรรณ บางครั้งก็ใช้องุ่น แตงกวา หรือมะเขือเทศ มาทาบริเวณใบหน้า แต่เดิมการใช้AHA เพื่อรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคผิวแห้ง โรคผิวหนังแข็งนูน เป็นสะเก็ดจากแสงแดด รอยกระสีคล้ำมีลักษณะเป็นปื้นใหญ่ ซึ่งมีสาเหตุจากแสงแดด นอกจากนี้AHA ยังมีประโยชน์กับการลอกผิว รักษาหูด รอยเหี่ยวย่นจากแสงแดด หรือรอยคล้ำ

จากคุณสมบัติของAHA จึงทำให้วงการเครื่องสำอางพัฒนาขึ้น โดยเติมสารตัวนี้ลงไปในเครื่องสำอาง เพื่อสร้างเสริมให้เครื่องสำอางชนิดนั้นๆ ช่วยดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนนุ่ม ลดรอยเหี่ยวย่น กลไกการออกฤทธิ์ของ AHA จะเป็นตัวการสำคัญในการควบคุมสมดุลของความชุ่มชื้นของผิวให้เป็นปกติ ซึ่งโดยปกติผิวหนังของคนเรานั้นจะมีกลไกควบคุมสมดุลของความชุ่มชื้น และถ้าความสมดุลเหล่านี้เสียไปจะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นขึ้นมาได้

นอกจากนี้AHA ยังช่วยกระตุ้นเซลล์ที่ตายแล้ว แต่ยังจับกันแน่นให้หลุดออก ทำให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทน ทำให้ผิวหนังดูสดใส ช่วยรักษาสิวเสี้ยน และทำให้มีการลอกหลุดของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า จึงสามารถรักษาโรคขนคุด โรคหูด และยังสามารถเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน และองค์ประกอบในหนังกำพร้า จึงสามารถนำมารักษาแผลเป็นตื้นๆ ได้ ทุกวันนี้มีการยอมรับว่า AHA เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยชะลอความชราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ข้อเสียคือเวลาใช้อาจเกิดการระคายเคือง รู้สึกตึงหรือคันยิบๆได้

AHA ที่นำมาใช้มีหลายชนิด เช่น กรดไกลโคลิก ซึ่งได้มาจากอ้อย กรดแล็กติกได้จากนมเปรี้ยว กรดมาลิกได้จากแอปเปิล กรดทาร์ทาริ ได้จากมะขามหรือไวน์ที่บ่มนานๆ กรดซิตริกได้จากผลไม้จำพวกส้มชนิดต่างๆ

ปัจจุบันบริษัทที่ผลิตเครื่องสำอางได้ผสม AHA ลงไปในผลิตภัณฑ์เพื่อสนองความต้องการให้คนที่กลัวแก่ โดยใช้ความเข้มข้นของกรดต่ำ ประมาณร้อยละ 4 – 6 ส่วน AHA ที่ทำขึ้นในโรงพยาบาลหรือคลินิกแพทย์ผิวหนังนั้น AHA ซึ่งมีความเข้มข้นสูง ประมาณร้อยละ 40-70 เพื่อปรับสภาพผิวลบริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นๆ รอยดำคล้ำ รอยแผลเป็นจากสิว โดยใช้ระยะเวลาต่างๆกันตามดุลยพินิจของแพทย์ หลังทาน้ำยาแล้วให้ล้างออก และประคบเย็น แนะนำให้ทำทุก 2- 4 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน และทำซ้ำทุก 1 – 2 เดือน หลังจากนั้นอาจใช้ AHA ความเข้มข้นต่ำมาใช้เองที่บ้าน เพื่อคงสภาพผิวให้สดใสและนุ่มเนียนตลอดเวลา

ต้องจำไว้เสมอว่าหลังทำ AHA treatment ถ้าเป็นไปได้ควรทายากันแดด หลีกเลี่ยงแสงแดด หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีต่างๆ หรือสบู่ชนิดแรงบริเวณผิวหน้า 4-5 วัน เพราะอาจทำให้ผิวลอกมากและไหม้ได้ และหลังจากนั้นก็สามารถใช้เครื่องสำอางและยาอื่นได้ตามปกติ

ในบางประเทศถือว่า AHA เป็นยาเหมือนกรดวิตามิน เอ ซึ่งต้องให้แพทย์เท่านั้นเป็นผู้ตรวจและสั่งยา เพื่อเชื่อว่า AHA เป็นสารซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการและหน้าที่ของผิวหนัง สำหรับการทำเบบี้เฟสนั้นเป็นการใช้กรดซึ่งรุนแรงกว่า

AHA ในร้านเสริมสวยหลายแห่งในประเทศไทยได้มีการทำเบบี้เฟสอย่างแพร่หลาย โดยผู้ทำส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอและถ้าทำด้วยขั้นตอนที่ไม่ถูกหลัก จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงและเกิดอันตรายต่อใบหน้าได้

กำลังโหลดความคิดเห็น