หนุ่มนครฯ ร้องขอความเป็นธรรม เข้าโรงพยาบาลรักษาอาการปวดท้อง แต่แพทย์สั่งฉีดยาทำให้เส้นประสาทเท้าตายเดินได้ไม่ปกติ แถมไม่รับผิดชอบ ปฏิเสธการรักษา วอนสธ.-แพยสภาช่วยดูแลรับผิดชอบให้การรักษาที่ดี ระบุควรได้รับความเป็นธรรมตามกฎหมาย
วันนี้ (11 เม.ย.) นายสมคิด กิ้มเส้ง อายุ 30 ปี ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่48/1 หมู่ 2 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นหนังสือพร้อมเอกสารรายละเอียดการรักษาต่างๆ ร้องขอเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการแพทยสภา เนื่องจากเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสิชลแต่แพทย์รักษาผิดพลาดทำให้ขณะนี้ไม่สามารถเดินได้ตามปกติจะต้องใส่เครื่องช่วยเดิน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
นายสมคิดกล่าวว่า ได้เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลสิชล ด้วยสิทธิระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ด้วยอาการปวดท้อง เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคนิ่ว และได้สั่งให้พยาบาลฉีดยาจำนวน 1 เข็มเพื่อบรรเทาอาการปวดที่บริเวณสะโพกด้านซ้าย หลังจากนั้นเพียง 10 นาที ก็มีอาการผิดปกติที่ช่วงขาด้านล่าง คือ มีอาการชา กระดกข้อเท้าไม่ได้ มีอาการปวด เดินไม่ถนัดเหมือนปกติ
จากนั้นแพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลและทำกายภาพบำบัด ซึ่งภายหลังแพทย์ตรวจอาการโดยระบุว่าอาการดังกล่าวเป็นเพราะฤทธิ์ของยาที่ฉีดกระจายโดนเส้นประสาท และมีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวม 6 ครั้ง ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลสงขลาฯ ระบุว่า ไม่สามารถรักษาเส้นประสาทด้านนอกให้หายได้
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ในครั้งแรกผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ได้ให้ค่าเดินทางในการรักษา 2 ครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท จากการไปรักษาทั้งหมด 6 ครั้ง ซึ่งตกลงว่า ถ้าครบ 6 เดือนอาการยังไม่หายเป็นปกติจะมีการประเมินอีกครั้ง และช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะผลจากการฉีดยาครั้งนี้ แต่เมื่อได้ไปเข้าพบ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2550 เพื่อทวงถามความรับผิดชอบปรากฏว่าถูกปฎิเสธการช่วยเหลือ โดยอ้างว่า โรงพยาบาลไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือได้
เมื่อได้รับความไม่เป็นธรรมจึงไปยื่นหนังสือร้องเรียนยังสาธารณสุขจังหวัด ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ชี้หน้าว่าและพูดมึงกูบอกว่า รู้ว่าไปแจ้งความมาและไปร้องเรียนที่สาธารณสุขจังหวัดมา หากจะเอาเรื่องไม่ต้องมารักษาที่นี่อีก จะเป็นจะตายยังไงไม่ต้องมารักษาที่นี่ จะทำอะไรคิดให้ดี ใครจะรู้ว่าแพ้ยาหรือเปล่าถ้าไปขอความช่วยเหลือจากสาธารณสุขจังหวัด แล้วเงินที่หมอเคยช่วยเหลือค่าเดินทาง 10,000 บาท ให้เอามาคืนด้วย
“หมอไม่น่าพูดแบบนี้ ผมแค่อยากได้รับการรักษาที่ถูกต้องสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ควรจะมีผู้ที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ ”นายสมคิดกล่าวและว่าอย่างไรก็ดี ขณะนี้ได้ขอรับเงินชดเชยจากพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาตรา 41 และได้รับการชดเชยแล้ว
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ส่วนการรักษาต่อจากนั้น แพทย์ได้ทำหนังสือส่งตัวให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชอีก ได้รับการรักษาเหมือนเดิมคือการทำกายภาพบำบัด เท่ากับต้องรักษาอาการที่โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งทำให้เกิดความลำบากในการเดินทางและเสียค่าใช้จ่ายโดยที่ทางโรงพยาบาลไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ
ดังนั้น จึงต้องการขอความเป็นธรรมในการกระทำของผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล และขอความช่วยเหลือให้ได้รับการรักษาที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหากไม่สามารถเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสิชลได้ ก็จะขอรักษาตัวที่โรงพยาบาลท่าศาลาซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความสะดวกในการรักษามากกว่า
วันนี้ (11 เม.ย.) นายสมคิด กิ้มเส้ง อายุ 30 ปี ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่48/1 หมู่ 2 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นหนังสือพร้อมเอกสารรายละเอียดการรักษาต่างๆ ร้องขอเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการแพทยสภา เนื่องจากเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสิชลแต่แพทย์รักษาผิดพลาดทำให้ขณะนี้ไม่สามารถเดินได้ตามปกติจะต้องใส่เครื่องช่วยเดิน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
นายสมคิดกล่าวว่า ได้เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลสิชล ด้วยสิทธิระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ด้วยอาการปวดท้อง เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคนิ่ว และได้สั่งให้พยาบาลฉีดยาจำนวน 1 เข็มเพื่อบรรเทาอาการปวดที่บริเวณสะโพกด้านซ้าย หลังจากนั้นเพียง 10 นาที ก็มีอาการผิดปกติที่ช่วงขาด้านล่าง คือ มีอาการชา กระดกข้อเท้าไม่ได้ มีอาการปวด เดินไม่ถนัดเหมือนปกติ
จากนั้นแพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลและทำกายภาพบำบัด ซึ่งภายหลังแพทย์ตรวจอาการโดยระบุว่าอาการดังกล่าวเป็นเพราะฤทธิ์ของยาที่ฉีดกระจายโดนเส้นประสาท และมีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวม 6 ครั้ง ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลสงขลาฯ ระบุว่า ไม่สามารถรักษาเส้นประสาทด้านนอกให้หายได้
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ในครั้งแรกผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ได้ให้ค่าเดินทางในการรักษา 2 ครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท จากการไปรักษาทั้งหมด 6 ครั้ง ซึ่งตกลงว่า ถ้าครบ 6 เดือนอาการยังไม่หายเป็นปกติจะมีการประเมินอีกครั้ง และช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะผลจากการฉีดยาครั้งนี้ แต่เมื่อได้ไปเข้าพบ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2550 เพื่อทวงถามความรับผิดชอบปรากฏว่าถูกปฎิเสธการช่วยเหลือ โดยอ้างว่า โรงพยาบาลไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือได้
เมื่อได้รับความไม่เป็นธรรมจึงไปยื่นหนังสือร้องเรียนยังสาธารณสุขจังหวัด ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ชี้หน้าว่าและพูดมึงกูบอกว่า รู้ว่าไปแจ้งความมาและไปร้องเรียนที่สาธารณสุขจังหวัดมา หากจะเอาเรื่องไม่ต้องมารักษาที่นี่อีก จะเป็นจะตายยังไงไม่ต้องมารักษาที่นี่ จะทำอะไรคิดให้ดี ใครจะรู้ว่าแพ้ยาหรือเปล่าถ้าไปขอความช่วยเหลือจากสาธารณสุขจังหวัด แล้วเงินที่หมอเคยช่วยเหลือค่าเดินทาง 10,000 บาท ให้เอามาคืนด้วย
“หมอไม่น่าพูดแบบนี้ ผมแค่อยากได้รับการรักษาที่ถูกต้องสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ควรจะมีผู้ที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ ”นายสมคิดกล่าวและว่าอย่างไรก็ดี ขณะนี้ได้ขอรับเงินชดเชยจากพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาตรา 41 และได้รับการชดเชยแล้ว
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ส่วนการรักษาต่อจากนั้น แพทย์ได้ทำหนังสือส่งตัวให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชอีก ได้รับการรักษาเหมือนเดิมคือการทำกายภาพบำบัด เท่ากับต้องรักษาอาการที่โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งทำให้เกิดความลำบากในการเดินทางและเสียค่าใช้จ่ายโดยที่ทางโรงพยาบาลไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ
ดังนั้น จึงต้องการขอความเป็นธรรมในการกระทำของผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล และขอความช่วยเหลือให้ได้รับการรักษาที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหากไม่สามารถเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสิชลได้ ก็จะขอรักษาตัวที่โรงพยาบาลท่าศาลาซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความสะดวกในการรักษามากกว่า