“อย.” ชี้น้ำสำรองที่มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องมีความปลอดภัยเพราะภาครัฐได้กำกับดูแลเรื่องขั้นตอนการผลิต ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตามความชอบ ไม่มีอันตราย แต่ไม่ควรบริโภคมากเกินไปแทนที่อาหารหลัก เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ส่วนกรณีมีการโฆษณาอวดอ้างรักษาโรคหรือลดอ้วน ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนทั่วไปว่าน้ำสำรองเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ปลอดภัยกับสุขภาพ ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ผลิตน้ำสำรองในชุมชนต่างๆ ที่ไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ ทั้งที่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบแล้วนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า น้ำสำรองจัดเป็นเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิทชนิดหนึ่ง ซึ่งในส่วนของคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคสามารถพิจารณาได้จากเครื่องหมายรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานภาครัฐ คือ เครื่องหมาย อย.ที่มีเลขสารบบในกรอบ ซึ่งถือว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความปลอดภัย ทั้งนี้ ภาครัฐ คือ อย. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดได้มีการกำกับดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต คือ สถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม อาคารผลิต
เลขาฯ อย.กล่าวต่อว่า เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต กระบวนการผลิต การบรรจุ ความสะอาด และสุขลักษณะของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งยังมีการเฝ้าระวังคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดด้วย ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของตัวผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกบริโภคได้ตามความชอบของตนอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม น้ำสำรองเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้น จึงควรระวังในเรื่องปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายได้รับ ไม่ควรดื่มแทนน้ำ เพราะจากคำแนะนำทางโภชนาการ วันหนึ่งควรได้รับปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 50 กรัม ซึ่งโดยปกติผู้บริโภคจะได้รับน้ำตาลจากอาหารที่บริโภคเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ควรบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมากเพิ่มเข้าไปอีก โดยผู้บริโภคสามารถพิจารณาความเหมาะสมของปริมาณน้ำตาลจากสูตรส่วนประกอบที่ระบุบนฉลาก นอกจากนี้ยังไม่ควรบริโภคแทนอาหารหลักเพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน และใยอาหารที่พบมากในลูกสำรองจะไม่ถูกย่อย ไม่ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ทำให้ผู้รับประทานรู้สึกอิ่มกินอาหารได้น้อยลง อาจมีผลทำให้ร่างกายขาดสารอาหารอื่นที่จำเป็น ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่ผู้ประกอบการผลิตน้ำสำรองบางรายมีการกล่าวอ้างและโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณทางสุขภาพ เช่น การรักษาโรค การลดความอ้วน ซึ่งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่มีการวิจัย หรือทดลองว่าน้ำสำรองสามารถลดความอ้วนได้ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างเกินจริง นอกจากนี้ การซื้อน้ำสำรองมาบริโภคควรเลือกซื้อเฉพาะที่มีการขออนุญาตถูกต้อง โดยสังเกตจากเครื่องหมาย อย.บนฉลาก และสังเกตภาชนะบรรจุต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีฉลากแสดงรายละเอียดชัดเจน
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนทั่วไปว่าน้ำสำรองเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ปลอดภัยกับสุขภาพ ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ผลิตน้ำสำรองในชุมชนต่างๆ ที่ไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ ทั้งที่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบแล้วนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า น้ำสำรองจัดเป็นเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิทชนิดหนึ่ง ซึ่งในส่วนของคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคสามารถพิจารณาได้จากเครื่องหมายรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานภาครัฐ คือ เครื่องหมาย อย.ที่มีเลขสารบบในกรอบ ซึ่งถือว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความปลอดภัย ทั้งนี้ ภาครัฐ คือ อย. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดได้มีการกำกับดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต คือ สถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อม อาคารผลิต
เลขาฯ อย.กล่าวต่อว่า เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต กระบวนการผลิต การบรรจุ ความสะอาด และสุขลักษณะของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งยังมีการเฝ้าระวังคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดด้วย ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของตัวผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกบริโภคได้ตามความชอบของตนอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม น้ำสำรองเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้น จึงควรระวังในเรื่องปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายได้รับ ไม่ควรดื่มแทนน้ำ เพราะจากคำแนะนำทางโภชนาการ วันหนึ่งควรได้รับปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 50 กรัม ซึ่งโดยปกติผู้บริโภคจะได้รับน้ำตาลจากอาหารที่บริโภคเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ควรบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมากเพิ่มเข้าไปอีก โดยผู้บริโภคสามารถพิจารณาความเหมาะสมของปริมาณน้ำตาลจากสูตรส่วนประกอบที่ระบุบนฉลาก นอกจากนี้ยังไม่ควรบริโภคแทนอาหารหลักเพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน และใยอาหารที่พบมากในลูกสำรองจะไม่ถูกย่อย ไม่ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ทำให้ผู้รับประทานรู้สึกอิ่มกินอาหารได้น้อยลง อาจมีผลทำให้ร่างกายขาดสารอาหารอื่นที่จำเป็น ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่ผู้ประกอบการผลิตน้ำสำรองบางรายมีการกล่าวอ้างและโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณทางสุขภาพ เช่น การรักษาโรค การลดความอ้วน ซึ่งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่มีการวิจัย หรือทดลองว่าน้ำสำรองสามารถลดความอ้วนได้ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างเกินจริง นอกจากนี้ การซื้อน้ำสำรองมาบริโภคควรเลือกซื้อเฉพาะที่มีการขออนุญาตถูกต้อง โดยสังเกตจากเครื่องหมาย อย.บนฉลาก และสังเกตภาชนะบรรจุต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีฉลากแสดงรายละเอียดชัดเจน