“ไพบูลย์” เผยวงจรอุบาทว์ แค่ 25 วิ เด็กไทยท่องเว็บโป๊ ดูคลิปฉาว ซื้อหนังเอ็กซ์ โทร.1900 คุยซื้อบริการทางเพศ เผยอาจสั่งปิดบริการ 1900 หลังทำให้เด็กหายไปแล้วนับ 10 ราย ขณะที่เด็ก 1 ใน 10 คน มีแนวโน้มมีเซ็กซ์กับคนที่รู้จักทางเน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระบุ ม.ค.เดือนเดียว คนไทยเจาะเน็ตค้นคำว่า “เซ็กซ์” 5 แสนกว่าครั้ง “รัฐบาลขิงแก่” ประกาศตั้งคณะกรรมระดับชาติสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ คุมทั้งระบบ ทีวี-วิทยุ-โทรศัพท์-เน็ต-หนัง ล้อมคอก

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ปัจจุบันสื่อสมัยใหม่ อันได้แก่ อินเทอร์เน็ต วีซีดี หรือแม้กระทั่งสื่อดั้งเดิมทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุกลายเป็นที่มาปัญหาสำคัญในสังคมไทยที่จะต้องนำไปสู่การดำเนินมาตรการจัดการสื่อที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะสื่ออินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นช่องทางที่เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ปัจจุบันพบว่าในประเทศไทยมีเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ในเชิงยั่วยุเรื่องเพศราว 5 แสนหน้าเว็บ และสิ่งที่ระบาดเร็วที่สุดขณะนี้ คือ คลิปวิดีโอ แสดงภาพนุ่งน้อยห่มน้อยของเด็กสาว ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวผู้ที่หน้าเหมือนดาราถ่ายคลิปไม่เหมาะสม ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ กลับมีผู้เข้าดูคลิปนี้ผ่านอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 3 แสนครั้ง อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่คลิปลักษณะนี้จะทำกันเป็นขบวนการ การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบเว็บไซต์ที่เผยแพร่คลิปโป๊ เปลือยของเด็กวัยรุ่น แบบโจ่งแจ้งอย่างน้อย 250 เว็บไซต์และมีสปอนเซอร์สนับสนุนมากกว่า 250 ราย
“เด็กและเยาวชนไทยจึงกลายเป็นทั้งผู้แสดง และผู้ดู เมื่อต่ออินเทอร์เน็ตแล้วใช้เวลาเพียง 25 วินาทีเท่านั้น ในการเข้าเว็บไม่เหมาะสมเช่นเว็บโป๊ ต่างจากสมัยก่อนที่กว่าจะเจอหนังสือ หรือวิดีโอโป๊ ต้องใช้เวลานาน งานวิจัยล่าสุดพบว่าเด็กเจอสื่อลามกผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ วีซีดี และหนังสือในอัตราส่วน 4 ต่อ 3 ต่อ 1 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่ปัญหาทางเพศ ความรุนแรง อาชญากรรม ของเยาวชน ที่ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นช่องทางล่อลวงของมิจฉาชีพ เพราะเครือข่ายเว็บคลิปวิดีโอเหล่านี้ จะรวบรวมรายชื่อ ข้อมูลเบื้องต้น อายุ เพศ อีเมลให้ติดต่อถึงตัวเด็กได้ทันที ศูนย์ข้อมูลคนหายของมูลนิธิกระจกเงา ระบุว่า มีเด็กหายเพราะถูกล่อลวงผ่านเว็บแล้ว 19 คน อายุแค่ 13-15 ปีเท่านั้น” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บริการ 1900 ได้กลายเป็นภัยร้ายสำหรับเยาวชนซึ่งส่วนใหญ่จะโฆษณาเชิญชวนยั่วยุเรื่องเพศ ขายบริการ อย่างเปิดเผยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อาทิ “โทร.เบอร์นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเพศ” “นักศึกษาทำงาน side-line ขายตัว ... โทร.1900 xxx xxxx" ที่กระตุ้นให้เด็กอยากลอง อยากรู้ ซึ่งจากกรณีนี้มีเด็กหายแล้ว 10 ราย โดยที่หายไปเพราะการโทร.คุยกับคนแปลกหน้าผ่านทางบริการนี้ แล้วถูกล่อลวง อีกบริการในเว็บ ก็คือ การแลกเปลี่ยน ซื้อขาย วีซีดี ดีวิดี โป๊ ธุรกิจทั้ง 2 ชนิด ทำรายได้มหาศาล ขณะที่เด็กไทยถูกล่อลวง หรือไม่ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตแบบผิดๆ ตามข้อมูลที่ได้รับ เรื่องนี้จึงเป็นเพียงกระบวนการสื่อที่ไม่เหมาะสม ทั้งทางอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์ ที่กำลังทำร้ายเด็กไทย และที่สำคัญเด็ก 1 ใน 10 คน มีแนวโน้มมีเพศสัมพันธ์กับคนที่รู้จักทางเน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เด็ก 1 ใน 3 คน เคยถูกผู้ที่ไม่รู้จักติดต่อมาหาซึ่งตนถือว่าสถานการณ์เข้าขั้นรุนแรงและยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย
“จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ระบุว่า ปี 2549 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศไทย 8.4 ล้านคน ครึ่งหนึ่งคือเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี ซึ่งคาดการณ์ว่า ในปี 2550 ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะเพิ่มเป็น 13 ล้านคน ดังนั้น จะมีเด็กใช้อินเทอร์เน็ตราว 6.5 ล้าน ที่จะกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง ข้อมูลระบุด้วยว่าปี 2549 คนไทย ค้นหาคำว่า “เซ็กซ์” ผ่านอินเทอร์เน็ต 5 ล้าน 8 แสนครั้ง ขณะที่เพียงเดือนเดียวของปีนี้ คือ เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ค้นหาคำว่า “เซ็กซ์” แล้ว 5 แสน 2 หมื่นกว่าครั้ง จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันสร้างสังคมที่ดีสำหรับเด็ก โดยเริ่มจากสื่อรอบตัวเด็กก่อน” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาสื่อมาเหมาะสมอย่างเป็นระบบทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต โดยได้ตั้งคณะกรรมกรรมสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี ประมวลสถานการณ์ กำหนดมาตรการดำเนินการซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็เห็นชอบโดยให้มี รมต.และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการทั้งภาครับและเอกชน อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Search engines ต่างๆ ทั้ง Google MSN เพื่อระดมความร่วมมือทั้งภาครัฐและประชาชน โดยอาศัยพลังทางสังคมเป็นหลัก ที่จะดูแลสื่อทุกชนิด อาทิ ทีวี วิทยุ โทรศัพท์ นิตยสาร ภาพยนตร์ เพราะสื่อไม่เหมาะสมกับเด็ก กว้างขวางเกินที่แต่ละหน่วยงานจะจัดการเอง อีกทั้งหลายกรณีเป็นเรื่องข้ามกระทรวงหรือข้ามไปสู่ผู้ประกอบการในการตรวจสอบ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ระยะแรกจะเริ่มจากเรื่องเร่งด่วน เช่น สื่อในระบบอินเทอร์เน็ตและสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศก่อน โดยจะประชุมครั้งแรก วันที่ 30 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งตนยินดีเปิดรับทุกคำแนะนำผ่าน blog ของตนที่ paiboon.gotoknow.org
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปิดบริการ 1900 หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า คงเป็นประเด็นหนึ่งที่จะต้องพิจารณา
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ปัจจุบันสื่อสมัยใหม่ อันได้แก่ อินเทอร์เน็ต วีซีดี หรือแม้กระทั่งสื่อดั้งเดิมทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุกลายเป็นที่มาปัญหาสำคัญในสังคมไทยที่จะต้องนำไปสู่การดำเนินมาตรการจัดการสื่อที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะสื่ออินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นช่องทางที่เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ปัจจุบันพบว่าในประเทศไทยมีเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ในเชิงยั่วยุเรื่องเพศราว 5 แสนหน้าเว็บ และสิ่งที่ระบาดเร็วที่สุดขณะนี้ คือ คลิปวิดีโอ แสดงภาพนุ่งน้อยห่มน้อยของเด็กสาว ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวผู้ที่หน้าเหมือนดาราถ่ายคลิปไม่เหมาะสม ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ กลับมีผู้เข้าดูคลิปนี้ผ่านอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 3 แสนครั้ง อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่คลิปลักษณะนี้จะทำกันเป็นขบวนการ การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบเว็บไซต์ที่เผยแพร่คลิปโป๊ เปลือยของเด็กวัยรุ่น แบบโจ่งแจ้งอย่างน้อย 250 เว็บไซต์และมีสปอนเซอร์สนับสนุนมากกว่า 250 ราย
“เด็กและเยาวชนไทยจึงกลายเป็นทั้งผู้แสดง และผู้ดู เมื่อต่ออินเทอร์เน็ตแล้วใช้เวลาเพียง 25 วินาทีเท่านั้น ในการเข้าเว็บไม่เหมาะสมเช่นเว็บโป๊ ต่างจากสมัยก่อนที่กว่าจะเจอหนังสือ หรือวิดีโอโป๊ ต้องใช้เวลานาน งานวิจัยล่าสุดพบว่าเด็กเจอสื่อลามกผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ วีซีดี และหนังสือในอัตราส่วน 4 ต่อ 3 ต่อ 1 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่ปัญหาทางเพศ ความรุนแรง อาชญากรรม ของเยาวชน ที่ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นช่องทางล่อลวงของมิจฉาชีพ เพราะเครือข่ายเว็บคลิปวิดีโอเหล่านี้ จะรวบรวมรายชื่อ ข้อมูลเบื้องต้น อายุ เพศ อีเมลให้ติดต่อถึงตัวเด็กได้ทันที ศูนย์ข้อมูลคนหายของมูลนิธิกระจกเงา ระบุว่า มีเด็กหายเพราะถูกล่อลวงผ่านเว็บแล้ว 19 คน อายุแค่ 13-15 ปีเท่านั้น” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บริการ 1900 ได้กลายเป็นภัยร้ายสำหรับเยาวชนซึ่งส่วนใหญ่จะโฆษณาเชิญชวนยั่วยุเรื่องเพศ ขายบริการ อย่างเปิดเผยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อาทิ “โทร.เบอร์นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเพศ” “นักศึกษาทำงาน side-line ขายตัว ... โทร.1900 xxx xxxx" ที่กระตุ้นให้เด็กอยากลอง อยากรู้ ซึ่งจากกรณีนี้มีเด็กหายแล้ว 10 ราย โดยที่หายไปเพราะการโทร.คุยกับคนแปลกหน้าผ่านทางบริการนี้ แล้วถูกล่อลวง อีกบริการในเว็บ ก็คือ การแลกเปลี่ยน ซื้อขาย วีซีดี ดีวิดี โป๊ ธุรกิจทั้ง 2 ชนิด ทำรายได้มหาศาล ขณะที่เด็กไทยถูกล่อลวง หรือไม่ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตแบบผิดๆ ตามข้อมูลที่ได้รับ เรื่องนี้จึงเป็นเพียงกระบวนการสื่อที่ไม่เหมาะสม ทั้งทางอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์ ที่กำลังทำร้ายเด็กไทย และที่สำคัญเด็ก 1 ใน 10 คน มีแนวโน้มมีเพศสัมพันธ์กับคนที่รู้จักทางเน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เด็ก 1 ใน 3 คน เคยถูกผู้ที่ไม่รู้จักติดต่อมาหาซึ่งตนถือว่าสถานการณ์เข้าขั้นรุนแรงและยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย
“จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ระบุว่า ปี 2549 มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศไทย 8.4 ล้านคน ครึ่งหนึ่งคือเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี ซึ่งคาดการณ์ว่า ในปี 2550 ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะเพิ่มเป็น 13 ล้านคน ดังนั้น จะมีเด็กใช้อินเทอร์เน็ตราว 6.5 ล้าน ที่จะกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง ข้อมูลระบุด้วยว่าปี 2549 คนไทย ค้นหาคำว่า “เซ็กซ์” ผ่านอินเทอร์เน็ต 5 ล้าน 8 แสนครั้ง ขณะที่เพียงเดือนเดียวของปีนี้ คือ เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ค้นหาคำว่า “เซ็กซ์” แล้ว 5 แสน 2 หมื่นกว่าครั้ง จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันสร้างสังคมที่ดีสำหรับเด็ก โดยเริ่มจากสื่อรอบตัวเด็กก่อน” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาสื่อมาเหมาะสมอย่างเป็นระบบทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต โดยได้ตั้งคณะกรรมกรรมสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี ประมวลสถานการณ์ กำหนดมาตรการดำเนินการซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็เห็นชอบโดยให้มี รมต.และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการทั้งภาครับและเอกชน อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Search engines ต่างๆ ทั้ง Google MSN เพื่อระดมความร่วมมือทั้งภาครัฐและประชาชน โดยอาศัยพลังทางสังคมเป็นหลัก ที่จะดูแลสื่อทุกชนิด อาทิ ทีวี วิทยุ โทรศัพท์ นิตยสาร ภาพยนตร์ เพราะสื่อไม่เหมาะสมกับเด็ก กว้างขวางเกินที่แต่ละหน่วยงานจะจัดการเอง อีกทั้งหลายกรณีเป็นเรื่องข้ามกระทรวงหรือข้ามไปสู่ผู้ประกอบการในการตรวจสอบ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ระยะแรกจะเริ่มจากเรื่องเร่งด่วน เช่น สื่อในระบบอินเทอร์เน็ตและสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศก่อน โดยจะประชุมครั้งแรก วันที่ 30 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งตนยินดีเปิดรับทุกคำแนะนำผ่าน blog ของตนที่ paiboon.gotoknow.org
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปิดบริการ 1900 หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า คงเป็นประเด็นหนึ่งที่จะต้องพิจารณา