แพทย์ศิริราชอนุญาตรับศพเหยื่อรถทัวร์ไฟไหม้เป็นศพที่ 14 ยังเหลือพิสูจน์ไม่ได้อีก 15 ศพ โดยพ่อแม่เหยื่อมารับศพลูกชายอายุ 16 ปี ขณะที่นำผลตรวจเลือดมาให้แพทย์หาศพลูกชายอายุ 8 ขวบที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ เปิดใจไม่คาดคิดต้องเสียลูกชายทั้งสองคนในคราวเดียว ด้านแพทย์ชี้ศพที่เหลือต้องรอผลทันตกรรม หากยังพิสูจน์ไม่ได้คงต้องตรวจดีเอ็นเอ

บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช พ่อและแม่พร้อมญาติของนายวิทยา บุรีรัมย์ อายุ 16 ปี หนึ่งในผู้ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำเพลิงลุกไหม้ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาติดต่อขอรับศพลูกชายด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยนายวิทยาถือเป็นศพที่ 14 ที่แพทย์อนุญาตให้รับศพกลับไปได้ จากศพที่ถูกส่งมาพิสูจน์ทั้งหมด 29 ศพ ยังคงมีศพที่พิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลไม่ได้อีก 15 ศพ
อย่างไรก็ตาม นางมณี บุรีรัมย์ แม่ของนายวิทยาบอกว่าจะยังไม่นำศพนายวิทยาไป เพราะยังรอผลการพิสูจน์ศพ ด.ช.อาทิตย์ อายุ 8 ขวบ ลูกชายอีกคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปพร้อมกัน แต่ยังพิสูจน์ยืนยันบุคคลไม่ได้ โดยวันนี้ได้นำผลตรวจเลือดของ ด.ช.อาทิตย์มามอบให้กับแพทย์ด้วย ซึ่งแพทย์แจ้งว่าโอกาสที่จะหาพบตัวได้มีสูงมาก
นางมณี ซึ่งเป็นชาวมหาสารคามที่มาทำงานในกรุงเทพฯ หลายปีแล้ว เล่าว่า ลูกชายทั้งสองอาศัยอยู่กับตายาย และจะเดินทางมาหาตนช่วงปิดเทอม ไม่คาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องเสียลูกชายทั้ง 2 คนไปในคราวเดียว และตนก็ไม่สามารถมีลูกได้อีกเพราะทำหมันแล้ว ส่วนสามีซึ่งทำงานอยู่ไต้หวัน พอทราบข่าวก็รีบเดินทางกลับมาทันที ขณะที่ตากับยายยังทำใจไม่ได้ ก่อนเกิดเหตุก็คุยโทรศัพท์กับลูกมาตลอดทาง และตนไปรอรับที่สถานีขนส่งหมอชิต แต่รอนานมาก กระทั่งได้ทราบข่าวร้ายจากญาติ
รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ให้สัมภาษณ์ว่า ผลการชันสูตรศพที่เหลือจะใช้ผลการวิเคราะห์ประวัติทันตกรรมของศพที่ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสถาบันนิติเวช กรมตำรวจ มาเก็บหลักฐานและจะส่งผลตรวจกลับมาในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากญาติมีประวัติการทำฟันมาประกอบจะทำให้การตรวจพิสูจน์เร็วขึ้น หรือหากจดจำสัญลักษณ์อื่นได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก เช่น รอยสัก แผลผ่าตัด แต่หากยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้อีก ก็จะต้องใช้วิธีตรวจรหัสพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ
ด้านนพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถทัวร์สายยโสธร-กรุงเทพฯพลิกคว่ำและเกิดไฟไหม้ ที่ถนนมิตรภาพ ตรงข้าม รพ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อ 20 มีนาคม 2550 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 รายนั้น ล่าสุดวันนี้ (23 มีนาคม) ยังคงมีผู้บาดเจ็บนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด 23 ราย โดยอยู่ที่ รพ.สระบุรี 14 ราย รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 3 ราย และ รพ.มหาราชนครราชสีมา 6 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 8 ราย
นพ.มงคล กล่าวว่า จากการติดตามผลการรักษาของผู้ป่วย พบว่า ในรอบ 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีไข้เกือบทุกรายเนื่องจากแผลไฟไหม้ ซึ่งแพทย์ต้องดูแลเฝ้าระวังเรื่องการสูญเสียน้ำในร่างกาย และการระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ โดยผู้ป่วยทุกรายจะต้องทำแผลในห้องผ่าตัด เพื่อให้ปลอดการติดเชื้อให้มากที่สุด ซึ่งหากติดเชื้อซ้ำซ้อนจะทำให้การรักษายุ่งยากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะให้การดูแลอย่างดีที่สุด ญาติไม่ต้องกังวล การดูแลในระยะนี้จะเน้นการรักษาบาดแผลเพื่อให้แผลหายเองได้เร็วที่สุด แต่ในกรณีที่บาดแผลลึกมาก อาจจะต้องรีบกำจัดเนื้อตาย แล้วทำการปลูกถ่ายผิวหนังให้ใหม่ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายเดือน
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยที่อยู่ รพ.มหาราชนครราชสีมา 6 ราย อาการหนัก 3 ราย คือ น.ส.ศิรินทร รัตนธรรม อายุ 15 ปี วันนี้อาการดีขึ้น ความเข้มข้นเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ การทำงานของไตดีขึ้น ปริมาณปัสสาวะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ในวันนี้แพทย์จะฝึกให้ผู้ป่วยหายใจเอง เพื่อถอดเครื่องช่วยหายใจออก 2.นายประเจน ทรัพย์สีรัตน์ อายุ 54 ปี ใช้เครื่องช่วยหายใจ อาการยังไม่คงที่ มีไข้สูงเนื่องจากบาดแผลไฟไหม้ลึก ญาติติดต่อจะขอย้ายไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 3.นางอุไร ซาสมบัติ อายุ 52 ปี มีไข้สูง อาการยังไม่คงที่ ยังใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนผู้ป่วยที่เหลืออีก 3 ราย อาการดีขึ้นคือ นางละมัย เทือกสีบุญ อายุ 53 ปี บาดแผลหลังผ่าตัดกระดูกเข่าซ้ายแตกดีขึ้น ด.ญ.ทิพย์วรรณ แคนวัง อายุ 14 ปี ใช้ท่อช่วยหายใจ พอรู้สึกตัวบ้าง และนายธีระยุทธ พิมพ์ไธสงค์ อายุ 18 ปี หายใจได้เอง กระดูกขาซ้ายที่หักใส่เฝือกไว้ไม่ต้องผ่าตัด ญาติจะขอย้ายไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่นเช่นกัน
นพ.ปราชญ์กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยที่ รพ.พระพุทธบาทสระบุรี 3 ราย มีอาการหนัก 2 ราย รักษาตัวในหอผู้ป่วยหนัก คือ นายบัณฑิต สีชา อายุ 51 ปี วันนี้รู้สึกตัวดี ยังใส่ท่อช่วยหายใจ การเต้นของหัวใจเร็ว ให้ยาควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจทางหลอดเลือดดำ และเริ่มให้อาหารเหลวทางสายยาง บาดแผลที่ใบหน้า แขนขาทั้ง 2 ข้างและด้านหลังมีน้ำเหลืองซึม 2.ด.ญ.รัตนมล จำปาดี อายุ 11 ปี ใส่เครื่องช่วยหายใจ ความดันโลหิตปกติ รู้สึกตัวดี ทำตามคำสั่งได้ เริ่มให้อาหารเหลวทางสายยาง ส่วนอีก 1 ราย คือ ด.ช.วิทวัฒน์ มูลราช อายุ 14 ปี อาการดีขึ้น แผลที่หน้าเริ่มแห้ง ไม่มีไข้ ถอดออกซิเจนออกแล้ว
สำหรับผู้ป่วยที่ รพ.สระบุรี 14 ราย อาการหนัก 3 ราย คือ 1.นางฤทัย ทองบ่อ อายุ 40 ปี พอรู้สึกตัว แผลบวม ยังใส่เครื่องช่วยหายใจ 2.นายทศพล หอมขจร อายุ 43 ปี มีไข้ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และรายที่ 3 เป็นหญิงไม่ทราบชื่อ อายุ 19 ปี อาการยังทรงตัว ใส่เครื่องช่วยหายใจ มีไข้สูงปานกลาง ส่วนอีก 11 รายอาการดีขึ้น โดยในเที่ยงวันนี้ได้ย้าย ด.ญ.น้ำผึ้ง พันชนะ อายุ 12 ปี ไปรักษาตัวที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ กทม. ตามที่มารดาต้องการ
บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช พ่อและแม่พร้อมญาติของนายวิทยา บุรีรัมย์ อายุ 16 ปี หนึ่งในผู้ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำเพลิงลุกไหม้ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาติดต่อขอรับศพลูกชายด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยนายวิทยาถือเป็นศพที่ 14 ที่แพทย์อนุญาตให้รับศพกลับไปได้ จากศพที่ถูกส่งมาพิสูจน์ทั้งหมด 29 ศพ ยังคงมีศพที่พิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลไม่ได้อีก 15 ศพ
อย่างไรก็ตาม นางมณี บุรีรัมย์ แม่ของนายวิทยาบอกว่าจะยังไม่นำศพนายวิทยาไป เพราะยังรอผลการพิสูจน์ศพ ด.ช.อาทิตย์ อายุ 8 ขวบ ลูกชายอีกคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปพร้อมกัน แต่ยังพิสูจน์ยืนยันบุคคลไม่ได้ โดยวันนี้ได้นำผลตรวจเลือดของ ด.ช.อาทิตย์มามอบให้กับแพทย์ด้วย ซึ่งแพทย์แจ้งว่าโอกาสที่จะหาพบตัวได้มีสูงมาก
นางมณี ซึ่งเป็นชาวมหาสารคามที่มาทำงานในกรุงเทพฯ หลายปีแล้ว เล่าว่า ลูกชายทั้งสองอาศัยอยู่กับตายาย และจะเดินทางมาหาตนช่วงปิดเทอม ไม่คาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องเสียลูกชายทั้ง 2 คนไปในคราวเดียว และตนก็ไม่สามารถมีลูกได้อีกเพราะทำหมันแล้ว ส่วนสามีซึ่งทำงานอยู่ไต้หวัน พอทราบข่าวก็รีบเดินทางกลับมาทันที ขณะที่ตากับยายยังทำใจไม่ได้ ก่อนเกิดเหตุก็คุยโทรศัพท์กับลูกมาตลอดทาง และตนไปรอรับที่สถานีขนส่งหมอชิต แต่รอนานมาก กระทั่งได้ทราบข่าวร้ายจากญาติ
รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ให้สัมภาษณ์ว่า ผลการชันสูตรศพที่เหลือจะใช้ผลการวิเคราะห์ประวัติทันตกรรมของศพที่ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสถาบันนิติเวช กรมตำรวจ มาเก็บหลักฐานและจะส่งผลตรวจกลับมาในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากญาติมีประวัติการทำฟันมาประกอบจะทำให้การตรวจพิสูจน์เร็วขึ้น หรือหากจดจำสัญลักษณ์อื่นได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก เช่น รอยสัก แผลผ่าตัด แต่หากยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้อีก ก็จะต้องใช้วิธีตรวจรหัสพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ
ด้านนพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถทัวร์สายยโสธร-กรุงเทพฯพลิกคว่ำและเกิดไฟไหม้ ที่ถนนมิตรภาพ ตรงข้าม รพ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อ 20 มีนาคม 2550 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 รายนั้น ล่าสุดวันนี้ (23 มีนาคม) ยังคงมีผู้บาดเจ็บนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด 23 ราย โดยอยู่ที่ รพ.สระบุรี 14 ราย รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 3 ราย และ รพ.มหาราชนครราชสีมา 6 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 8 ราย
นพ.มงคล กล่าวว่า จากการติดตามผลการรักษาของผู้ป่วย พบว่า ในรอบ 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีไข้เกือบทุกรายเนื่องจากแผลไฟไหม้ ซึ่งแพทย์ต้องดูแลเฝ้าระวังเรื่องการสูญเสียน้ำในร่างกาย และการระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ โดยผู้ป่วยทุกรายจะต้องทำแผลในห้องผ่าตัด เพื่อให้ปลอดการติดเชื้อให้มากที่สุด ซึ่งหากติดเชื้อซ้ำซ้อนจะทำให้การรักษายุ่งยากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะให้การดูแลอย่างดีที่สุด ญาติไม่ต้องกังวล การดูแลในระยะนี้จะเน้นการรักษาบาดแผลเพื่อให้แผลหายเองได้เร็วที่สุด แต่ในกรณีที่บาดแผลลึกมาก อาจจะต้องรีบกำจัดเนื้อตาย แล้วทำการปลูกถ่ายผิวหนังให้ใหม่ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายเดือน
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยที่อยู่ รพ.มหาราชนครราชสีมา 6 ราย อาการหนัก 3 ราย คือ น.ส.ศิรินทร รัตนธรรม อายุ 15 ปี วันนี้อาการดีขึ้น ความเข้มข้นเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ การทำงานของไตดีขึ้น ปริมาณปัสสาวะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ในวันนี้แพทย์จะฝึกให้ผู้ป่วยหายใจเอง เพื่อถอดเครื่องช่วยหายใจออก 2.นายประเจน ทรัพย์สีรัตน์ อายุ 54 ปี ใช้เครื่องช่วยหายใจ อาการยังไม่คงที่ มีไข้สูงเนื่องจากบาดแผลไฟไหม้ลึก ญาติติดต่อจะขอย้ายไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 3.นางอุไร ซาสมบัติ อายุ 52 ปี มีไข้สูง อาการยังไม่คงที่ ยังใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนผู้ป่วยที่เหลืออีก 3 ราย อาการดีขึ้นคือ นางละมัย เทือกสีบุญ อายุ 53 ปี บาดแผลหลังผ่าตัดกระดูกเข่าซ้ายแตกดีขึ้น ด.ญ.ทิพย์วรรณ แคนวัง อายุ 14 ปี ใช้ท่อช่วยหายใจ พอรู้สึกตัวบ้าง และนายธีระยุทธ พิมพ์ไธสงค์ อายุ 18 ปี หายใจได้เอง กระดูกขาซ้ายที่หักใส่เฝือกไว้ไม่ต้องผ่าตัด ญาติจะขอย้ายไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่นเช่นกัน
นพ.ปราชญ์กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยที่ รพ.พระพุทธบาทสระบุรี 3 ราย มีอาการหนัก 2 ราย รักษาตัวในหอผู้ป่วยหนัก คือ นายบัณฑิต สีชา อายุ 51 ปี วันนี้รู้สึกตัวดี ยังใส่ท่อช่วยหายใจ การเต้นของหัวใจเร็ว ให้ยาควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจทางหลอดเลือดดำ และเริ่มให้อาหารเหลวทางสายยาง บาดแผลที่ใบหน้า แขนขาทั้ง 2 ข้างและด้านหลังมีน้ำเหลืองซึม 2.ด.ญ.รัตนมล จำปาดี อายุ 11 ปี ใส่เครื่องช่วยหายใจ ความดันโลหิตปกติ รู้สึกตัวดี ทำตามคำสั่งได้ เริ่มให้อาหารเหลวทางสายยาง ส่วนอีก 1 ราย คือ ด.ช.วิทวัฒน์ มูลราช อายุ 14 ปี อาการดีขึ้น แผลที่หน้าเริ่มแห้ง ไม่มีไข้ ถอดออกซิเจนออกแล้ว
สำหรับผู้ป่วยที่ รพ.สระบุรี 14 ราย อาการหนัก 3 ราย คือ 1.นางฤทัย ทองบ่อ อายุ 40 ปี พอรู้สึกตัว แผลบวม ยังใส่เครื่องช่วยหายใจ 2.นายทศพล หอมขจร อายุ 43 ปี มีไข้ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และรายที่ 3 เป็นหญิงไม่ทราบชื่อ อายุ 19 ปี อาการยังทรงตัว ใส่เครื่องช่วยหายใจ มีไข้สูงปานกลาง ส่วนอีก 11 รายอาการดีขึ้น โดยในเที่ยงวันนี้ได้ย้าย ด.ญ.น้ำผึ้ง พันชนะ อายุ 12 ปี ไปรักษาตัวที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ กทม. ตามที่มารดาต้องการ