xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ลั่นช่วยแก้ปัญหาสตรี ดันความเท่าเทียมหญิง-ชายร่วมพัฒนาชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ม็อบสตรีร้องรัฐบาลขอเสรีภาพ และความเท่าเทียม เนื่องในวันสตรีสากล ด้านนายกฯ เตรียมแก้ปัญหาเกี่ยวกับสตรีอย่างจริงจัง หวังดันบทบาทสตรีร่วมพัฒนาชาติเท่าเทียมบุรุษ ระบุผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้นในหลายด้าน ทั้งการศึกษา และการงาน ร่วมถึงการบริหารประเทศ จนเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในช่วงที่ผ่านมา


วันนี้ (8 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีม็อบสตรีเดินขบวนจากลานพระรูป ร.5 มายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพของสตรีให้เท่าเทียมกันในทุกด้าน พร้อมปล่อยนกพิราบแสดงความเป็นอิสระในด้านความคิดเนื่องในวันสตรีสากล

ทั้งนี้ ในวันเดียวกันนี้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดงานวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2550 โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานพร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานดีเด่น ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ปฏิบัติงานส่งเสริมสถานภาพสตรีและความเสมอภาคหญิงชายดีเด่น 14 สาขา 23 รางวัล

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวชื่นชมผู้ที่ได้รับรางวัล และว่า วันสตรีสากลเป็นโอกาสสำคัญที่จะกระตุ้นให้สังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของสตรีสังคมไทยถือได้ว่าสตรีเป็นพลังสังคมที่ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่โบราณกาล ทำหน้าที่เคียงคู่กับบุรุษมาโดยตลอด สตรีไทยมีศักยภาพ มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมให้เป็นสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุขมีความสมานฉันท์ มีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งตลอดมา สังคมไทยได้จัดดำเนินการแผนพัฒนาสตรีอย่างจริงจังมาตั้งแต่ พ.ศ.2515 โดยจัดทำมาแล้วรวม 7 ฉบับ ทำให้สตรีได้รับการส่งเสริมทุกๆ ด้านโดยเฉพาะความเสมอภาค เท่าเทียมกันระหว่างหญิงชาย การได้รับโอกาสทางการศึกษาซึ่งปัจจุบันเห็นได้ว่า สตรีไทยมีโอกาสที่จะเรียนในระดับอุดมศึกษามากกว่าผู้ชาย และในการทำงานในหลายหน่วยงานปัจจุบัน สตรีมีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น ยกตัวอย่าง กระทรวงการต่างประเทศจะมีสตรีไทยที่จะทำหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ มากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งถึงขีดความสามารถความมุ่งมั่น เป็นที่ยอมรับของบุคคลโดยทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ สตรียังมีส่วนร่วมทางการเมือง กำลังแรงงานมากขึ้นสามารถขยายขอบข่ายการทำงานของสตรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งในท้องถิ่นที่เห็นได้ว่ามีสตรีเข้าร่วมมากขึ้น

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า สตรีไทยได้ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมทำให้สังคมไทยเป็นสังคมในโลกที่แทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างชายหญิงอีกต่อไป แต่ก็ยังมีปัญหาสตรีในระดับปัจเจกบุคคลที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาให้สตรีและเติมเต็มศักยภาพให้สตรีทำงานอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่บุรุษในการพัฒนาประเทศชาติ

ด้าน นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ พม.ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้จัดทำข้อเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมสตรีและสถาบันครอบครัวเพื่อแก้ไขระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2535 ส่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อแก้ไขระเบียบการลาของข้าราชการ ให้สามีที่มีภรรยากำลังคลอดบุตรสามารถลางานไปดูแลภรรยาและบุตรได้ 15 วัน โดยสามารถเลือกลาหยุดได้ทั้งในช่วงก่อนคลอด 1 เดือน หรือหลังคลอดในช่วง 2 เดือนได้โดยไม่ต้องหยุดต่อเนื่องกันทั้ง 15 วัน ซึ่งการแก้ไขระเบียบนี้จะให้เป็นวันลาได้เพิ่มพิเศษ ไม่เกี่ยวกับจำนวนวันลากิจหรือลาป่วย ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพราะครอบครัวไทยปัจจุบันเป็นครอบครัวเดี่ยว หากการแก้ระเบียบดังกล่าวนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ก็สามารถประกาศใช้ได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ และหากมีผลใช้บังคับแล้ว ราชการจะเป็นแบบอย่าง และประสานไปยังภาคเอกชนเพื่อขอความร่วมมือให้อนุญาตให้ลาหยุดในลักษณะนี้ได้ด้วย

สำหรับผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณเนื่องในวันสตรีสากล 2550 มี 14 สาขา 23 รางวัล ได้แก่ รศ.ภาวดี ทองอุไทย สตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล พ.ต.ท.หญิงศิรประภา สุภารัตนโชติ พนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น นางเพลินใจ ชาญเสนาะ สตรีนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมดีเด่น น.ส.ธัญญธร ไชยโสดา สตรีที่ปกป้องสิทธิของตนเอง เป็นต้น ส่วนรายการโทรทัศน์ที่ได้รับรางวัลคือรายการกบนอกกะลา ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ละครโทรทัศน์ที่ได้รางวัล คือเรื่องเรือนนารีสีชมพู สื่อโฆษณาที่ได้รางวัล คือ โฆษณาชุด “น้องฮ่องเต้” ของธนาคารออมสิน

นางรูฮานี บินร่าหมาน สตรีดีเด่นด้านการส่งเสริมสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า สตรีในพื้นที่ภาคใต้ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐในการสร้างเครือข่าย โอกาสและองค์ความรู้ให้สตรีได้มีบทบาทร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้มากขึ้น

ด้าน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ผู้นำแรงงาน ซึ่งได้รับรางวัลบุคคลภาคเอกชนดีเด่นด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรี กล่าวว่า รางวัลนี้มีคุณค่าต่อจิตใจมาก เพิ่มกำลังใจในการทำงานและทำให้รู้ว่าผลงานที่ผ่านมาเป็นที่ยอมรับ โดยสิ่งที่ตนอยากผลักดันคือสตรีควรมีโอกาสเข้าไปร่วมในองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรไตรภาคีเพื่อเป็นเสียงในการนำเสนอความต้องการของสตรี





กำลังโหลดความคิดเห็น