นักปักษีวิทยา พบนกพงปากยาว ที่โครงการแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี หลังเคยมีรายงานค้นพบครั้งแรกที่อินเดีย เมื่อ 139 ปีก่อน และเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว เตรียมศึกษาวงจรชีวิตเพิ่มเติมเริ่มจากอินเดีย พม่า ไทย
ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนก จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงว่า ได้มีการค้นพบนกพงปากยาว (Large-billed Reed Warbler ; Acrocephalus orinus) ในประเทศไทย หลังจากก่อนหน้าเมื่อ 139 ปี ได้ถูกค้นพบนกดังกล่าวครั้งแรกที่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย และยังมีเพียงตัวอย่างเดียวที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่อินเดีย ครั้งนี้ถือเป็นการพบนกโดยบังเอิญ เพียง 1 ตัวจากการติดห่วงใส่ขานกอพยพ และนกประจำถิ่นที่ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี
ผศ.ฟิลลิป กล่าวต่อว่า นกที่พบมีรูปร่างแปลกจากนกทั่วไป เป็นนกตัวเล็ก มีสีน้ำตาล แต่กลับมีปากยาว 20.6 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 9.5 กรัม ปีกยาว 64 มิลลิเมตร และหางยาว 16-18 มิลลิเมตร โดยตั้งสมมติฐานว่า มีลักษณะคล้ายนกพงปากยาวที่เคยมีรายงานเมื่อ 139 ปีที่อินเดีย จึงเก็บขนหางจำนวน 2 เส้น นำไปสกัดดีเอ็นเอ ส่งตรวจเปรียบเทียบกับตัวอย่างนก และได้รับการยืนยันว่า เป็นนกพงปากยาวชนิดเดียวกับที่เคยพบในอินเดีย ถือว่าสร้างความตื่นเต้น และเป็นเรื่องที่แปลกมากในวงการนักปักษี เพราะก่อนหน้านั้น เคยเชื่อว่า สูญพันธุ์ไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านนก กล่าวว่า การประเมินจากดีเอ็นเอ คาดว่า อาจมีนกชนิดนี้อยู่ไม่เกิน 40 ตัว ในเขตพื้นที่อินเดีย พม่า และไทย ดังนั้น ทางทีมวิจัยเตรียมศึกษาเพื่อตามรอยนกตัวนี้ เพื่อให้รู้ถึงพฤติกรรม นิเวศวิทยา ชีววิทยาการสืบพันธุ์ รวมทั้งขอบเขตการกระจายตัวของกลุ่มประชากร เนื่องจากปริศนาเรื่องพื้นที่ทำรังวางไข่และพื้นที่พักพิงในฤดูหนาวยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการมีตีพิมพ์ผลงานวิจัยเผยแพร่ในวารสารนานาชาติ Journal of Avian Biology 2007 โดย Philip D. Round, Bengt Hansson, David J. Pearson, Peter R. Kennerley and Staffan Bensch อีกทั้งยังมีการแถลงข่าวพร้อมกับประเทศไทย ในประเทศอังกฤษ และอินเดียด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของโลก
ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนก จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงว่า ได้มีการค้นพบนกพงปากยาว (Large-billed Reed Warbler ; Acrocephalus orinus) ในประเทศไทย หลังจากก่อนหน้าเมื่อ 139 ปี ได้ถูกค้นพบนกดังกล่าวครั้งแรกที่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย และยังมีเพียงตัวอย่างเดียวที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่อินเดีย ครั้งนี้ถือเป็นการพบนกโดยบังเอิญ เพียง 1 ตัวจากการติดห่วงใส่ขานกอพยพ และนกประจำถิ่นที่ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี
ผศ.ฟิลลิป กล่าวต่อว่า นกที่พบมีรูปร่างแปลกจากนกทั่วไป เป็นนกตัวเล็ก มีสีน้ำตาล แต่กลับมีปากยาว 20.6 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 9.5 กรัม ปีกยาว 64 มิลลิเมตร และหางยาว 16-18 มิลลิเมตร โดยตั้งสมมติฐานว่า มีลักษณะคล้ายนกพงปากยาวที่เคยมีรายงานเมื่อ 139 ปีที่อินเดีย จึงเก็บขนหางจำนวน 2 เส้น นำไปสกัดดีเอ็นเอ ส่งตรวจเปรียบเทียบกับตัวอย่างนก และได้รับการยืนยันว่า เป็นนกพงปากยาวชนิดเดียวกับที่เคยพบในอินเดีย ถือว่าสร้างความตื่นเต้น และเป็นเรื่องที่แปลกมากในวงการนักปักษี เพราะก่อนหน้านั้น เคยเชื่อว่า สูญพันธุ์ไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านนก กล่าวว่า การประเมินจากดีเอ็นเอ คาดว่า อาจมีนกชนิดนี้อยู่ไม่เกิน 40 ตัว ในเขตพื้นที่อินเดีย พม่า และไทย ดังนั้น ทางทีมวิจัยเตรียมศึกษาเพื่อตามรอยนกตัวนี้ เพื่อให้รู้ถึงพฤติกรรม นิเวศวิทยา ชีววิทยาการสืบพันธุ์ รวมทั้งขอบเขตการกระจายตัวของกลุ่มประชากร เนื่องจากปริศนาเรื่องพื้นที่ทำรังวางไข่และพื้นที่พักพิงในฤดูหนาวยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการมีตีพิมพ์ผลงานวิจัยเผยแพร่ในวารสารนานาชาติ Journal of Avian Biology 2007 โดย Philip D. Round, Bengt Hansson, David J. Pearson, Peter R. Kennerley and Staffan Bensch อีกทั้งยังมีการแถลงข่าวพร้อมกับประเทศไทย ในประเทศอังกฤษ และอินเดียด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของโลก