สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เผยแพร่ผลการศึกษากลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ จังหวัดอุดรธานี พบนักเที่ยวนิยมเปิดบริสุทธิ์หญิงขายบริการจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย หวั่นเป็นต้นเหตุทำให้เอดส์ระบาดเพิ่ม
นางนิรมล ปัญสุวรรณ นักวิชาการสำนักระบาดวิทยา และคณะรายงานผลการศึกษาเรื่องการสอบสวนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นผลการศึกษาของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ว่า มีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 50.6 สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยโรคที่พบสูงที่สุด คือ โรคหนองใน ร้อยละ 73.3 หนองในเทียม ร้อยละ 19.4 และซิฟิลิส ร้อยละ 5.8
รายงานการศึกษาระบุว่า ได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้หญิงที่เข้ามารับบริการในคลินิกกามโรค ทั้งที่มีสัญชาติไทย และสัญชาติลาว จำนวน 25 คน ผู้มารับบริการส่วนใหญ่มีอาชีพขายบริการทางเพศ 22 คน และเป็นนักศึกษา 3 คน กลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ สัญชาติลาว ทั้งหมดพักอาศัยกับเจ้าของสถานบริการ การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก กลุ่มหญิงขายบริการ อายุเฉลี่ย 16.15 ปี การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เนื่องจากการตัดสินใจมาเปิดบริสุทธิ์ 13 คน หรือร้อยละ 52 ได้ค่าตอบแทนสูงประมาณครั้งละ 5,000–20,000 บาท ส่วนอีก 12 ราย มีเพศสัมพันธ์ก่อนจะมาขายบริการ ส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับแฟนหรือคนรัก เหตุจูงใจในการมาประกอบอาชีพ เนื่องจากเห็นว่าเป็นอาชีพที่มีรายได้สูง มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายได้ขั้นต่ำ 300 บาทต่อคืน สูงสุด 1,700 บาทต่อคืน
ส่วนความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น หญิงขายบริการที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค เช่น โรคหนองใน เนื่องจากเคยมีอาการ และได้รับการรักษามาก่อนหน้านี้ แต่มักไม่รู้จักโรคเอดส์ ส่วนการให้ความรู้ของคลินิกกามโรค มักใช้ภาษาและการสื่อสารที่เข้าใจยาก ทำให้ไม่เข้าใจ ส่วนการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มหญิงขายบริการที่มาจาก ส.ป.ป.ลาว พบว่า กรณีเปิดบริสุทธิ์จะไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากผู้มาใช้บริการไม่ต้องการใช้ เข้าใจว่า การเปิดบริสุทธิ์เด็กที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนไม่มีโอกาสติดโรคอยู่แล้ว ส่วนการใช้ถุงยางอนามัยในการให้บริการครั้งอื่นๆ หญิงขายบริการ ยืนยันว่า ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง แต่เคยมีประสบการณ์ถุงยางแตก รั่ว หรือหลุด และแขกไม่ยอมเปลี่ยนถุงยางอนามัย
รายงานระบุว่า การเข้ามาประกอบอาชีพค้าบริการทางเพศในกลุ่มหญิงสาวที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการลักลอบเข้ามาประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย ควรมีการประสานงานกับประเทศที่เป็นถิ่นที่อยู่ของหญิงขายบริการ เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดตามมา ในเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ และหาแนวทางเพื่อความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการเฝ้าระวังโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระดับจังหวัด ตั้งคลินิกกามโรค และให้ความรู้กับเจ้าของสถานบริการเรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย และการแนะนำให้หญิงขายบริการในสถานบริการมารับการตรวจรักษาโรคเป็นประจำทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งจัดทำเอกสารให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการป้องกันโรคที่เป็นภาษาลาว เพื่อนำไปใช้ในการให้สุขศึกษาแก่หญิงขายบริการทางเพศที่มาจาก ส.ป.ป.ลาว
นางนิรมล ปัญสุวรรณ นักวิชาการสำนักระบาดวิทยา และคณะรายงานผลการศึกษาเรื่องการสอบสวนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นผลการศึกษาของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ว่า มีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 50.6 สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยโรคที่พบสูงที่สุด คือ โรคหนองใน ร้อยละ 73.3 หนองในเทียม ร้อยละ 19.4 และซิฟิลิส ร้อยละ 5.8
รายงานการศึกษาระบุว่า ได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้หญิงที่เข้ามารับบริการในคลินิกกามโรค ทั้งที่มีสัญชาติไทย และสัญชาติลาว จำนวน 25 คน ผู้มารับบริการส่วนใหญ่มีอาชีพขายบริการทางเพศ 22 คน และเป็นนักศึกษา 3 คน กลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ สัญชาติลาว ทั้งหมดพักอาศัยกับเจ้าของสถานบริการ การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก กลุ่มหญิงขายบริการ อายุเฉลี่ย 16.15 ปี การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เนื่องจากการตัดสินใจมาเปิดบริสุทธิ์ 13 คน หรือร้อยละ 52 ได้ค่าตอบแทนสูงประมาณครั้งละ 5,000–20,000 บาท ส่วนอีก 12 ราย มีเพศสัมพันธ์ก่อนจะมาขายบริการ ส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับแฟนหรือคนรัก เหตุจูงใจในการมาประกอบอาชีพ เนื่องจากเห็นว่าเป็นอาชีพที่มีรายได้สูง มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายได้ขั้นต่ำ 300 บาทต่อคืน สูงสุด 1,700 บาทต่อคืน
ส่วนความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น หญิงขายบริการที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค เช่น โรคหนองใน เนื่องจากเคยมีอาการ และได้รับการรักษามาก่อนหน้านี้ แต่มักไม่รู้จักโรคเอดส์ ส่วนการให้ความรู้ของคลินิกกามโรค มักใช้ภาษาและการสื่อสารที่เข้าใจยาก ทำให้ไม่เข้าใจ ส่วนการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มหญิงขายบริการที่มาจาก ส.ป.ป.ลาว พบว่า กรณีเปิดบริสุทธิ์จะไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากผู้มาใช้บริการไม่ต้องการใช้ เข้าใจว่า การเปิดบริสุทธิ์เด็กที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนไม่มีโอกาสติดโรคอยู่แล้ว ส่วนการใช้ถุงยางอนามัยในการให้บริการครั้งอื่นๆ หญิงขายบริการ ยืนยันว่า ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง แต่เคยมีประสบการณ์ถุงยางแตก รั่ว หรือหลุด และแขกไม่ยอมเปลี่ยนถุงยางอนามัย
รายงานระบุว่า การเข้ามาประกอบอาชีพค้าบริการทางเพศในกลุ่มหญิงสาวที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการลักลอบเข้ามาประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย ควรมีการประสานงานกับประเทศที่เป็นถิ่นที่อยู่ของหญิงขายบริการ เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดตามมา ในเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ และหาแนวทางเพื่อความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการเฝ้าระวังโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระดับจังหวัด ตั้งคลินิกกามโรค และให้ความรู้กับเจ้าของสถานบริการเรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย และการแนะนำให้หญิงขายบริการในสถานบริการมารับการตรวจรักษาโรคเป็นประจำทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งจัดทำเอกสารให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการป้องกันโรคที่เป็นภาษาลาว เพื่อนำไปใช้ในการให้สุขศึกษาแก่หญิงขายบริการทางเพศที่มาจาก ส.ป.ป.ลาว