xs
xsm
sm
md
lg

หมอเผยหญิงอายุเยอะทำกิฟต์ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด-แท้งสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพทย์รามาฯ ระบุมีเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยากเยอะ แต่อัตราประสบผลสำเร็จขึ้นกับหลายปัจจัย ย้ำสตรีสูงวัยเกิน 35 ปี มีความเสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนดสูง

ศ.นพ.อร่าม โรจนสกุล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ มีหลายวิธีขึ้นกับเทคนิคที่ทำ ซึ่งประชาชนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรียกเหมารวมว่าการทำกิฟต์ (GIFT ย่อมาจาก Gamete intra fallopian transfer) ทั้งนี้ การทำกิฟต์ เป็นการนำเซลล์สืบพันธุ์ คือ เซลล์ไข่และเซลล์อสุจิไปใส่ท่อนำไข่โดยยังไม่การปฏิสนธิ ส่วนการทำซิฟต์ (ZIFT ย่อมาจาก Zygote intra fallopian transfer) คือ การนำเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิที่ปฏิสนธิผสมกันแล้ว แต่ยังไม่แบ่งตัวเป็นตัวอ่อนไปใส่ที่ท่อนำไข่ วิธีทำเท็ต (TET ย่อมาจาก Tubal Embryo Transfer) คือ การนำเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิมาปฏิสนธิกันภายนอกร่างกายจนได้ตัวอ่อน หลังจากนั้น นำตัวอ่อนไปใส่ที่ท่อนำไข่ ส่วนใหญ่จะเป็นตัวอ่อนระยะ 4-8 เซลล์

นอกจากนี้ ยังมีวิธีไอวีเอฟ (IVF ย่อมาจาก In vitro fertilization) หรือ เด็กหลอดแก้ว เป็นการปฏิสนธินอกร่างกาย คือ การนำเซลล์ไข่และอสุจิมาผสมกันในห้องปฏิบัติการ จนเกิดการปฏิสนธิและแบ่งตัวเป็นตัวอ่อนระยะต่าง ๆ เช่น ระยะ 4-8 เซลล์ ถ้าแบ่งเซลล์จำนวนมากเป็นระยะที่เรียกว่า “มอรูลา” และระยะฝัง ตัวเรียกว่า “บลาสโตซิส” จากนั้น นำใส่กลับไปในโพรงมดลูก หรือ ท่อนำไข่แล้วแต่กรณี ปัจจุบันนิยมใส่ที่โพรงมดลูกมากกว่า เพราะง่ายและเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า

ศ.นพ.อร่าม กล่าวด้วยว่า ยังมีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ด้วยวิธีทำอิ๊กซี่ (ICSI ย่อมาจาก Intra cytoplasmic sperm injection) คือ การปฏิสนธินอกร่างกาย แต่แทนที่จะให้ไข่และอสุจิผสมกันเองตามธรรมชาติ จะใช้เข็มเล็ก ๆ ดูดเซลล์อสุจิ 1 เซลล์แล้วฉีด เข้าไปในไข่ วิธีนี้จะทำในกรณีที่อสุจิไม่แข็งแรง มีอสุจิน้อยมาก หรือเปลือกไข่หนา รวมทั้งผู้ที่ไม่มีการปฏิสนธิภายหลังการทำเด็กหลอดแก้วตามปกติ
วิธีพีจีดี (PGD ย่อมาจาก Preimplantation genetic diagno sis) คือ การตรวจวินิจฉัยทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัวอ่อน วิธีการ คือการทำเด็กหลอดแก้วจนได้ตัวอ่อนระยะ 8 เซลล์ จนถึงระยะบลาสโตซิส แล้วใช้เข็มเล็ก ๆ ดูดเซลล์จำนวนหนึ่งจากตัวอ่อนนำไปตรวจทางพันธุกรรม แล้วนำตัวอ่อนที่ปกติใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้ตั้งครรภ์ต่อไป ในการวินิจฉัยนี้จะทราบเพศของตัวอ่อน จึงอาจนำมาใช้ในการคัดเลือกเพศบุตรด้วย วิธีนี้ใช้ในกรณีเพื่อป้องกันการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมผ่านทางโครโมโซมเพศเท่านั้น

“ผลสำเร็จของการช่วยเหลือผู้มีบุตรยากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ถ้าอายุมากกว่า 35 หรือ 40 ปีไป ผลสำเร็จอาจต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพอสุจิ สาเหตุของการมีบุตรยาก ช่วงที่เหมาะสมกับการมีบุตรคือ อายุต่ำกว่า 35 ปี ไม่ควรเกิน 40 ปี ถ้าอายุมากกว่านี้ถือว่า เป็นช่วงปลายอนามัยเจริญพันธุ์ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนง่าย เช่น ครรภ์เป็นพิษ โอกาสแท้งสูง บุตรมีโอกาสพิการสูง”

ศ.นพ.อร่ามกล่าวต่อว่า สตรีตั้งครรภ์ร้อยละ 5 มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด ส่วนจะทำคลอดด้วยการผ่าตัดหรือคลอดทางช่องคลอดนั้น ขึ้นกับท่าเด็กในครรภ์ ปริมาณน้ำคร่ำ ภาวะเครียดในมารดา ถ้าแข็งแรงก็สามารถคลอดเองได้ ดังนั้น แพทย์จึงนัดตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังภาวะครรภ์เป็นพิษ วัดความดันโลหิตว่าสูงหรือไม่ มีภาวะบวมหรือไข่ขาวในปัสสาวะสูงหรือไม่ จึงต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
กำลังโหลดความคิดเห็น