อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะ 4 แนวทางเยาวชนไทยห่างไกลเอดส์ ย้ำชุดตรวจเอดส์ทางน้ำลายเป็นการตรวจหาภูมิต้านเชื้อเอดส์ โดยเชื้อเอดส์ไม่มีในน้ำลาย การจูบปากไม่ติดเชื้อเอดส์
นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ที่โรงเรียนเทคโนโลยีช่างกลอุตสาหกรรมกรุงเทพ เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ว่า สถานการณ์โรคเอดส์ เมื่อสิ้นปี 2549 ไทยมีผู้ติดเชื้อเอดส์สะสมกว่า 1 ล้านคน และยังมีชีวิตอยู่เกือบ 600,000 คน ซึ่งผู้ติดเชื้อร้อยละ 84 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ 1 ใน 3 อายุน้อยกว่า 29 ปี ชี้ให้เห็นว่าเยาวชนเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์สูงขึ้น
ดังนั้น ในปี 2550 กรมควบคุมโรคจะเน้นรณรงค์ให้เยาวชนมีพฤติกรรมห่างไกลเอดส์ 4 ประการ คือ 1.ไม่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน 2.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3.ไม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ยั่วยุทางกามารมณ์ 4.ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ในโอกาสวันแห่งความรัก กระทรวงสาธารณสุขได้จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ภายใต้โครงการ “เยาวชนไทย เก่งที่ความคิด ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์” มุ่งเน้นเสริมทักษะการดำเนินชีวิตในเชิงบวก และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องในเรื่องความรักและการเพศสัมพันธ์ โดยจัดกิจกรรมสัญจรตามสถาบันการศึกษาในเขต กทม.
นพ.ธวัช ยืนยันว่า ในน้ำลายไม่มีเชื้อเอดส์ แต่การที่คณะกรรมการเอดส์ชาติได้อนุมัติให้แพทย์นำชุดทดสอบน้ำลาย เพื่อดูว่าผู้นั้นติดเชื้อเอดส์หรือไม่ เป็นการตรวจหาภูมิต้านเชื้อเอดส์ที่ร่างกายสร้างขึ้น ขณะที่การตรวจในเลือดเป็นการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี
“ในน้ำลายไม่มีเชื้อ การจูบปากกัน ไปกินอาหารร่วมกัน ใช้ช้อนส้อม-แก้วน้ำร่วมกัน ไม่ติดเชื้อเอดส์แน่นอน เพราะในน้ำลายไม่มีเชื้อเอดส์ ชุดตรวจเอดส์ทางน้ำลายต้องมีทีมที่ปรึกษา และต้องตรวจโดยแพทย์เท่านั้น” นพ.ธวัช กล่าว และว่ามาตรฐานการตรวจเชื้อเอดส์ของประเทศไทย จะต้องตรวจอย่างน้อย 3 ครั้ง ใช้วิธีเดียวกันหรือทั้ง 2 วิธีร่วมกันก็ได้ ผู้สรุปรายงานผลการตรวจต้องเป็นแพทย์เท่านั้น สำหรับวัคซีนป้องกันเอดส์ ประเทศไทยอยู่ระหว่างทดสอบประสิทธิภาพกับอาสาสมัคร 16,000 คน ที่จังหวัดชลบุรี และระยอง ภายในปี 2551 จะมีอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนครบโดส หลังจากนั้นอีก 2 ปี จะสรุปผลการทดสอบวัคซีนเอดส์ในกลุ่มอาสาสมัคร เพื่อดูประสิทธิภาพการป้องกันโรค ซึ่งตนมีความมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้สูงมากในการนำวัคซีนมาป้องกันโรคเอดส์
นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ที่โรงเรียนเทคโนโลยีช่างกลอุตสาหกรรมกรุงเทพ เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ว่า สถานการณ์โรคเอดส์ เมื่อสิ้นปี 2549 ไทยมีผู้ติดเชื้อเอดส์สะสมกว่า 1 ล้านคน และยังมีชีวิตอยู่เกือบ 600,000 คน ซึ่งผู้ติดเชื้อร้อยละ 84 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ 1 ใน 3 อายุน้อยกว่า 29 ปี ชี้ให้เห็นว่าเยาวชนเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์สูงขึ้น
ดังนั้น ในปี 2550 กรมควบคุมโรคจะเน้นรณรงค์ให้เยาวชนมีพฤติกรรมห่างไกลเอดส์ 4 ประการ คือ 1.ไม่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน 2.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3.ไม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ยั่วยุทางกามารมณ์ 4.ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ในโอกาสวันแห่งความรัก กระทรวงสาธารณสุขได้จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ภายใต้โครงการ “เยาวชนไทย เก่งที่ความคิด ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์” มุ่งเน้นเสริมทักษะการดำเนินชีวิตในเชิงบวก และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องในเรื่องความรักและการเพศสัมพันธ์ โดยจัดกิจกรรมสัญจรตามสถาบันการศึกษาในเขต กทม.
นพ.ธวัช ยืนยันว่า ในน้ำลายไม่มีเชื้อเอดส์ แต่การที่คณะกรรมการเอดส์ชาติได้อนุมัติให้แพทย์นำชุดทดสอบน้ำลาย เพื่อดูว่าผู้นั้นติดเชื้อเอดส์หรือไม่ เป็นการตรวจหาภูมิต้านเชื้อเอดส์ที่ร่างกายสร้างขึ้น ขณะที่การตรวจในเลือดเป็นการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี
“ในน้ำลายไม่มีเชื้อ การจูบปากกัน ไปกินอาหารร่วมกัน ใช้ช้อนส้อม-แก้วน้ำร่วมกัน ไม่ติดเชื้อเอดส์แน่นอน เพราะในน้ำลายไม่มีเชื้อเอดส์ ชุดตรวจเอดส์ทางน้ำลายต้องมีทีมที่ปรึกษา และต้องตรวจโดยแพทย์เท่านั้น” นพ.ธวัช กล่าว และว่ามาตรฐานการตรวจเชื้อเอดส์ของประเทศไทย จะต้องตรวจอย่างน้อย 3 ครั้ง ใช้วิธีเดียวกันหรือทั้ง 2 วิธีร่วมกันก็ได้ ผู้สรุปรายงานผลการตรวจต้องเป็นแพทย์เท่านั้น สำหรับวัคซีนป้องกันเอดส์ ประเทศไทยอยู่ระหว่างทดสอบประสิทธิภาพกับอาสาสมัคร 16,000 คน ที่จังหวัดชลบุรี และระยอง ภายในปี 2551 จะมีอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนครบโดส หลังจากนั้นอีก 2 ปี จะสรุปผลการทดสอบวัคซีนเอดส์ในกลุ่มอาสาสมัคร เพื่อดูประสิทธิภาพการป้องกันโรค ซึ่งตนมีความมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้สูงมากในการนำวัคซีนมาป้องกันโรคเอดส์