ระยะนี้จะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ร้านรวงที่ประดับร้านเข้าเทศกาลแห่งความรักไปเสียทั้งนั้น สีชมพู สีแดง และสีขาว ดูจะยังเป็นที่นิยมตลอดกาล แถมยิ่งใกล้วันที่ 14 เข้าไปทุกทีๆ ร้านดอกไม้ต่างๆ โดยเฉพาะร้านค้าย่านปากคลองตลาดก็พากันคึกคักมีชีวิตชีวารับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์กันอย่างครึกครื้นรื่นรมย์ แต่พอลองไปเดินดุ่มสำรวจดูจริงๆ แล้วปรากฏว่ากระแสดอกไม้วาเลนไทน์ฟีเวอร์ดูจะลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วทั้งปริมาณผู้ซื้อและราคา
ส่วนสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกหลายอยู่ในวัยรุ่นก็อาจจะมีอาการปวดขมับบ้าง เพราะไหนต้องเวียนหัวกับเรื่องเทรนด์การซื้อของขวัญแพงๆ เพื่อมอบให้คนรักของลูกๆ หลานๆ ยังจะต้องกังวลไปถึงความนิยมในการ “เพิ่มระดับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว” ที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้นิยมทำกันในวันแห่งความรักด้วย และในวันนี้อันเป็นวันที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วันแห่งความรัก เราลองมาดูนานาทัศนะเกี่ยวกับความรักและวันวาเลนไทน์ของผู้คนหลากวัย หลายอาชีพ และต่างมุมมองกันบ้าง ว่าเขาเหล่านี้มีแนวคิดดีๆ อะไรที่จะมาเล่าสู่กันฟัง...
พี่อำพัน มากมา ที่ตามปกติยึดอาชีพร้อยพวงมาลัยดอกไม้สด วันนี้โดดมารับตำแหน่งนักจัดดอกไม้แบบเฉพาะกิจรับวันวาเลนไทน์เปิดเผยว่า นับตั้งแต่คืนวาน (13 ก.พ.) ปรากฏว่ามีประชาชนหลั่งไหลมาซื้อดอกไม้ที่ปากคลองตลาดเป็นจำนวนมาก แต่หากเทียบกับปีที่แล้วดูเหมือนจะซบเซากว่า ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดีก็เป็นได้ สำหรับกำลังซื้อในปีนี้อยู่ที่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน เป็นหลัก
สำหรับสองหนุ่มแห่ง “ร้านละเอียด” อย่าง “ฉัตรณรงค์ เดชประสิทธิ์” และ “ละเอียด จันทร์มิ่งมงคล” ซึ่งทังคู่รับออกแบบเข้าช่อด้วยไอเดียเก๋ๆ เป็นหลัก เปิดเผยว่า แม้ปีนี้กำลังซื้อจะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยังถือว่าพอขายได้เรื่อยๆ เปิดร้านแบบ 24 ชั่วโมงมาสองวันสองคืนก็ยังคงมีลูกค้าทยอยเข้ามารับบริการอย่างไม่ขาดสาย ปีนี้กระแสกุหลาบและลิลลี่ยังคงมาแรงเช่นเคย ต่างกันตรงที่ว่าปีนี้ไม่นิยมไม้นอกหรือไม้แซมแปลกๆ เหมือนเช่นทุกปี เทรนด์ของปีนี้ดูจะเป็นดอกไม้ช่อเรียบๆ มากกว่าที่จะเป็นช่อแฟนซีเช่นพวกดอกไม้ที่มีผลไม้แซมอย่างปีอื่นๆ
ทีนี้ลองมาดูกระแสของกลุ่มคนซื้อกันบ้าง ปีนี้จากการสำรวจที่ตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในกทม.อย่างที่ปากคลองตลาดปรากฏว่า แม้ว่ากระแสการซื้อจะเบาบางลง แต่ก็ยังคงมีนักเรียน-นักศึกษาในเครื่องแบบที่ออกมาเดินดูซื้อหาดอกไม้สวยๆ ไปให้คนพิเศษในวันเทศกาลแห่งความรักนี้ อย่าง “น้องหนึ่ง” จากโรงเรียนตั้งตรงจิตรพาณิชยการ ชั้นปวช.ปี1 กล่าวปนหัวเราะว่า ปีนี้ซื้อกุหลาบไปให้เพื่อนคนพิเศษในราคา 50 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่ถูกและไม่แพงสำหรับตัวเอง อยู่ในระดับที่พอซื้อได้
“ในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่ากุหลาบแค่ห้าสิบบาทนี่มันถูกมาก แต่เชื่อว่าคนรับต้องดีใจแน่ๆ เพราะเราตั้งใจจะให้ ไม่ว่าถูกหรือแพงแต่ถ้าตั้งใจให้คุณค่าทางใจก็เหมือนกัน ยังหาเงินเองไม่ได้ เอาแค่ห้าสิบบาทก็พอ แต่ไม่ใช่ว่าตื่นเช้าแล้วเราตรงดิ่งออกมาซื้อดอกไม้ให้เพื่อนคนพิเศษเลยนะคะ เพราะก่อนจะออกมาโรงเรียนก็แฮปปี้วาเลนไทน์คุณพ่อคุณแม่ไปแล้วเหมือนกัน คิดว่าถ้าเราใช้เทศกาลนี้อย่างสร้างสรรค์มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย บอกรักคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็แสดงความรักให้เพื่อนๆ อยู่ในขอบเขต ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ” น้องหนึ่งกล่าว
เช่นเดียวกับน้องๆ โรงเรียนวิสุทธิ์กษัตริย์ นำทีมโดยน้องสุภาพร ศิริชัย วัย 15 และน้องสุทัศศา สุขสมจิตร ที่นำเพื่อนสาวมาเลือกซื้อดอกไม้เป็นกลุ่มใหญ่กล่าวว่า ปีนี้พวกเธอตั้งใจจะฉลองวาเลนไทน์และมอบดอกไม้ให้เพื่อนคนพิเศษแบบพอเพียง ด้วยการลงขันซื้อดอกไม้เป็นกำใหญ่ๆ จากนั้นซื้ออุปกรณ์การห่อจำพวกกระดาษและโบ ซึ่งราคารวมกันแล้วประมาณหนึ่งร้อยบาทเศษ จากนั้นจะนำกลับไปโรงเรียนและแสดงฝีมือเข้าช่อเองเป็นการลดค่าใช้จ่ายไปได้กว่าครึ่ง แถมคนรับก็ดีใจที่ได้ดอกไม้ฝีมือการเข้าช่อของพวกเธอ ซึ่งแม้ว่าอาจจะเข้าไม่สวยเหมือนอย่างที่ร้านทำให้ แต่ก็มากไปด้วยความตั้งใจ
น้องสุทัศศาระบุว่า ทางโรงเรียนไม่มีการห้ามการมอบของขวัญหรือดอกไม้ และไม่ได้มีมาตรการริบของขวัญแต่อย่างใด เพราะเข้าใจถึงค่านิยมและกระแสในปัจจุบัน เพียงแต่คุณครูได้ให้ข้อคิดก่อนจะถึงเทศกาลว่า ควรให้ของขวัญที่ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน เด็กๆ ที่โรงเรียนส่วนใหญ่จึงใช้วิธี “วาเลนไทน์แบบพอเพียง” เพื่อช่วยคุณพ่อคุณแม่ประหยัดเงินในกระเป๋า ... น่าชื่นใจจริงๆ
ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้อุทิศแรงกายแรงใจและเวลาส่วนตัวอย่างคุณตำรวจทั้งหลายที่ต้องทำงานหนักเป็นพิเศษในช่วงเทศกาล เช่น พี่จ่า-จ่าสิบตำรวจบรรทูร อมรเวช จาก สน.พระราชวัง อันเป็น สน.รับผิดชอบพื้นที่ปากคลองตลาด เปิดเผยว่า เข้าเวรมาตั้งแต่คืนวานนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างสงบเรียบร้อย มีเพียงการจราจรที่ติดขัดเนื่องจากประชาชนหลั่งไหลมาซื้อหาดอกไม้ที่ตลาดปากคลองแห่งนี้ ทำให้ต้องแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดที่การจราจรไม่ติดมากนัก มาให้บริการจัดการจราจรในส่วนของพื้นที่ปากคลองตลาดเป็นการให้บริการประชาชนด้วย ซึ่งเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พี่จ่าก็ได้ออกมาเดินเลือกซื้อดอกไม้เช่นกัน
มองไปมองมา แอบเห็นคุณหนุ่มๆ ผู้โรแมนติกหลายต่อหลายคน ก็แอบหนีแฟนมาซื้อดอกไม้กะจะทำเซอร์ไพร์ส เหมือนน้องยุ่น – ภูริภัทร แก้วบริสุทธิ์สกุล หนุ่มน้อยผู้รักเสียงเพลงจากรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา คณะศิลปกรรมศาสตร์ แผนกดนตรีสากล ที่แวะให้สัมภาษณ์พร้อมด้วยกุหลาบชมพูช่อกะทัดรัดที่ซื้อมาแล้ว ให้สัมภาษณ์แบบเขินๆ ว่า ตามปกติไม่ใช่คนที่จะแสดงความรู้สึกมากนัก แต่วันนี้เป็นเทศกาลแห่งความรักก็อยากจะทำอะไรที่เป็นเซอร์ไพรส์แฟนสาว อายเหมือนกันที่เดินถือดอกไม้ คิดว่าจะต้องเอาไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนก่อน แล้วถึงเวลาให้ค่อยไปเอา ส่วนตัวคิดว่าเทศกาลแห่งความรักนี้เป็นเทศกาลที่ดีหากรู้จักใช้มันให้เป็นกิจกรรมเชิงบวก เป็นช่วงเวลาที่เราอาจจะแสดงความใส่ใจคนที่เรารักได้แบบไม่ต้องมีฟอร์มหรือเขินมากนัก แต่การแสดงความรักก็ควรจะอยู่ในของเขตของความดีงามด้วย
“แหม ตำรวจก็ต้องมีชีวิตส่วนตัวเหมือนคนอื่นๆ ใช่ไหมครับ นี่ก็ออกมาซื้อให้ภรรยาครับ เดี๋ยวออกเวรคืนนี้จะเอาไปให้ครับ เติมสีสันให้ชีวิต”
พี่จ่าได้ฝากถึงน้องๆ นักเรียนที่ปีนี้แวะมาซื้อดอกไม้กันหนาตาเนื่องจากวันวาเลนไทน์ปีนี้เป็นวันธรรมดาว่า การแสดงออกถึงความรักความห่วงใยเช่นการให้ดอกไม้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ว่าการแสดงออกความรักแบบเกินเลย เช่นวัยรุ่นวัยเรียนหลายคนอาจจะกำลังคิดตั้งใจจะมอบเรือนร่างให้กับคนรักสังเวยความสาวในเทศกาลแห่งความรักนี้ว่า ขอให้คิดดีๆ คิดถึงหัวอกคุณพ่อคุณแม่ อยากให้เด็กไทยใจเย็นๆ และรักตัวเอง เรียนรู้และใช้ความรักไปในทางที่สร้างสรรค์ เพราะสังคมไทย ถึงอย่างไรก็ยังชื่นชมกับผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวจนเข้าพิธีวิวาห์
ด้านนักประพันธ์ผู้เป็นเจ้าของเรื่องราวรักๆ หลากหลายรูปแบบ เช่น “พี่หนูนา” - หรือที่รู้จักในหมู่นักอ่านนวนิยายในนามปากกา “อาริตา”,และ“กันยามาส” นักเขียนปากกาทองเจ้าของบทประพันธ์ในรูปแบบนวนิยายกว่าร้อยเรื่องและหลายสิบเรื่องถูกนำไปทำเป็นละครโทรทัศน์เปิดเผยถึงทัศนคติส่วนตัวเกี่ยวกับวันแห่งความรักว่า ไม่ได้มองว่าวันวาเลนไทน์จะเป็นเพียงวันที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาว่าเป็นว่าแห่งความรัก โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นวันที่ดีเหมือนกันที่จะได้มีโอกาสที่เราจะหันมาใส่ใจคนที่เรารักมากกว่าเดิม เพราะในทุกวันนี้ท่ามกลางกระแสสังคมที่เร่งรีบ อาจจะทำให้ในบางครั้งเราอาจหลงลืมคนใกล้ตัวไป
“แต่ความรักในที่นี้ไม่จำเป็นหรือจำกัดว่าต้องเป็นความรักเฉพาะของหนุ่มสาว แต่อยากให้เน้นไปในเรื่องของความรักระหว่างเพื่อน ซึ่งตามปกติแล้วคนบางคนอาจจะเกิดอาการเขินหากบอกรักเพื่อนในวันอื่นๆ แต่ในวันนี้เราก็จะมีโอกาสได้บอกความรู้สึกดีๆ อาจจะด้วยคำพูด การ์ดสักใบ ดอกไม้สักดอก ก็จะทำให้มิตรภาพที่ดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะพี่เชื่อว่าในเรื่องของความรัก เป็นเรื่องที่ดีเสมอ” พี่หนูนากล่าว แต่ก็ได้แสดงความเป็นห่วงในประเด็นของมุมมองความรักในหนุ่มสาวที่มักจะฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีความสัมพันธ์ทางกายว่า ถ้าผู้ที่กระทำยังเป็นเด็กหรือเยาวชน ก็ไม่เห็นด้วยในการที่จะคิดจะทำเช่นนี้ แต่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้ นอกจากจะฝากถึงน้องๆ ที่กำลังคิดจะทอดกายให้คนรักในเทศกาลแห่งความรักว่า อยากเห็นคนรุ่นใหม่ใช้ความรักไปในทางที่สร้างสรรค์ รักให้เป็นและเซฟตัวเองให้เป็น เรียนรู้คุณค่าของตัวเองให้มากพอๆ กับเรียนรู้คุณค่าของความรัก...
ด้านสาวน้อยวัยเรียนอย่าง “นันท์ จิตตะเสนีย์” - วัย 20 ปี นักเรียนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ California Polytechnic University ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้พบเห็นของวัยรุ่นอเมริกันในวันวาเลนไทน์ว่า ถ้าเทียบไปแล้วกระแสความคลั่งวันแห่งความรักของคนไทยและคนอเมริกันก็มีเหมือนกัน คนที่นี่สหรัฐฯเองก็มีการฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ โดยเฉพาะวัยรุ่นดูจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ก็มีการให้หรือแลกเปลี่ยนของขวัญกันระหว่างคู่รัก โดยเฉพาะคู่รักในระดับมัธยมปลายดูจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีการจับจ่ายของขวัญตามเทศกาลมากกว่าวัยอื่นๆ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเด็กๆ อเมริกันส่วนใหญ่ที่ให้ของขวัญกันนั้น ไม่ได้ให้ของราคาแพงมากเหมือนเด็กไทย ที่ในบางคนซึ่งมีฐานะได้มีการซื้อของขวัญแพงๆ เช่น โทรศัพท์มือถือให้กันในวันวาเลนไทน์
“ที่นี่ให้ตุ๊กตาราคาสิบเหรียญนี่ถือว่าแพงมากแล้วค่ะ ส่วนใหญ่ของขวัญเขาไม่หลากหลายเหมือนบ้านเรา เป็นพวกตุ๊กตา ดอกไม้ อะไรประมาณนี้ พวกของแพงๆ นี่วัยรุ่นไทยกินขาด เพราะเห็นมีบางคนซื้อของแพงมากๆ พวกมือถือ ก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมเด็กๆ บ้านเราให้ของแพงๆ กัน สำหรับที่นี่ ถ้าแบบกรี๊ดๆ กันเลยก็อาจจะมีที่แบบ...ผู้ชายถือดอกไม้สวยๆ สักช่อขึ้นไปบนเวทีหน้าห้องเรียนแล้วอาจจะมีพูดอะไรหวานๆ ก่อนส่งดอกไม้ให้แฟนที่เรียนอยู่ด้วยกันเป็นการเซอร์ไพรส์ นี่ก็ถือว่าพิเศษสุดๆ แล้ว”
น้องนันท์ได้กล่าวถึงการแสดงออกในวันแห่งความรักของวัยรุ่นในสหรัฐฯ อีกว่า มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันที่จะมอบกายให้คนรัก ซึ่งทางพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กเหล่านี้ก็มีความเป็นห่วงไม่ต่างจากพ่อแม่ผู้ปกครองคนไทยเช่นกัน และก่อนจะจบการสัมภาษณ์ น้องนันท์ได้ฝากถึงเพื่อนๆ น้องๆ ในเมืองไทยที่กำลังคิดจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับคนรักในวันวาเลนไทน์ว่า เคยกลับไปเมืองไทยช่วงวาเลนไทน์ เคยเห็นเด็กนักเรียนในชุดนักเรียนบนรถเมล์แสดงออกท่าทางเชิงชู้สาวมากเกินไป เช่น การหอมแก้ม กอด กอดเอว ในสถานที่สาธารณะว่า ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลในการแสดงออก แต่ก็ควรอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและศีลธรรมอันดี
“มันเป็นสิทธิส่วนตัวก็จริง แต่โลกเราอยู่ร่วมกับคนอื่น เราก็ต้องให้เกียรติในสิทธิของคนที่เห็นเราเช่นกัน” น้องนันท์กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ในแง่งามของความรักแล้ว ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่า มันเป็นความรู้สึกที่งดงามและมีคุณค่า หากเราจะมีมัน ใช้มัน หรือมอบมันให้แก่คนพิเศษ ขอให้ทุกๆ ท่านมีความสุขในวันแห่งความรัก และขอให้เด็กๆ ทุกคนใช้ความรักอย่างสร้างสรรค์ ก่อนจะคิดมอบกายให้คนรัก ขอให้คิดสักนิดว่ามีคุณพ่อคุณแม่และคนที่รักเราคนอื่นๆที่เราต้องรับผิดชอบความรู้สึกของท่านเหล่านั้น อย่าลืมความรักอันทรงคุณค่าของพ่อแม่ หรือละเลยมองเพียงแต่ความรักหวือหวาประสาวัยรุ่น... เพราะสิ่งที่แน่นอนที่สุดในชีวิต นั้นก็คือรักแท้ของพ่อแม่ ...
วันนี้วันแห่งความรัก ... บอกรักคุณพ่อคุณแม่กันหรือยัง???