เสนอสัญลักษณ์ 4 รูปแบบติดถุงขนม แทนความหมาย หวาน-มัน-เค็ม นักวิชาการชี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คัดทิ้งสิ่งที่จะเป็นภัยต่อลูกหลาน
รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ ผู้จัดการโครงการภาวะโภชนาการเกินในเด็ก เครือข่ายวิจัยสุขภาพ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ขนมกรุบกรอบที่เด็กรับประทานนั้นเป็นตัวชี้วัดสุขภาวะของเด็ก จากการสำรวจขนมที่เด็กรับประทานในแต่ละวันพบว่า สารอาหารที่เป็นส่วนประกอบหลักของขนมมี 4 ชนิด ได้แก่ แป้ง น้ำมัน เกลือ และน้ำตาล ซึ่งหากเด็กเริ่มกินขนมหรืออาหารรสจัด ไม่ว่าเค็มหรือหวานตั้งแต่อายุยังน้อย คือในช่วงสมองกำลังเจริญเติบโตและมีพัฒนาการทางอารมณ์ความรู้สึก ทำให้รสชาติฝังติดในกระแสประสาท เหมือนเสพติดรสอาหารจนติดกินหวานจัด มันจัด ส่งผลให้สถานการณ์โรคอ้วนในเด็กเพิ่มมากขึ้น
รศ.พญ.ลัดดา กล่าวต่อว่า มาตรการหนึ่งที่สำคัญและควรเร่งผลักดัน คือ การติดเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจคุณสมบัติของสินค้าแต่ละตัว แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตต้องตีพิมพ์ส่วนผสมของสินค้าบนหีบห่ออยู่แล้ว แต่กลับพบว่าผู้ผลิตใช้หนังสือตัวเล็กมากจนยากที่จะอ่านด้วยตาเปล่า ขณะเดียวกันควรนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจภาษาทางวิชาการได้เข้าใจได้ง่ายด้วย
“ขณะนี้ได้สนับสนุนให้ รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล และคณะ จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาวิจัยและพัฒนารูปแบบเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ โดยใช้กรอบการบริโภคอาหารว่างของเด็กอายุระหว่าง 2-15 ปี ของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งแนะนำให้กินอาหารว่างไม่เกินวันละ 2 มื้อโดยเกณฑ์ควบคุม ขนมหรืออาหารว่างแต่ละมื้อต้องให้พลังงานไม่เกิน 100-150 กิโลแคลอรีและจำกัดปริมาณสารอาหาร ดังนี้ น้ำมันมื้อละไม่เกิน 2.5 กรัม น้ำตาลมื้อละไม่เกิน 12 กรัม และโซเดียม มื้อละไม่เกิน 100 มิลลิกรัม”
“นอกจากนี้ยังได้แนะว่าควรมีสารอาหารที่จำเป็นหรือเกิดคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างน้อย 2 ใน 8 ชนิด ได้แก่ โปรตีน เหล็ก แคลเซียม วิตามินเอ วิตามันซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และใยอาหาร ซึ่งแต่ละอย่างต้องมีปริมาณไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 10 ของที่ควรได้รับต่อวันจึงจะเกิดประโยชน์”
รศ.พญ.ลัดดา กล่าวว่า จากกรอบดังกล่าวได้แปรมาสู่รูปแบบเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์อย่างง่าย เพื่อสื่อความหมายต่อผู้บริโภคในวงกว้าง 4 รูปแบบ คือ ไฟจราจร ติดดาว ติดสัญลักษณ์และโลโก้ดาวติดสี
“สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายนี้เป็นแบบอย่างง่ายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยขณะนี้หน่วยงานที่ดูแลฉลาก และห่วงใยในสุขภาพเด็กกำลังพิจารณารูปแบบสัญลักษณ์บนถุงขนม คงได้เห็นกันในเร็วๆ นี้ และจะเป็นตัวช่วยให้ผู้ปกครองสามารถใช้วิจารณญาณคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด และคัดทิ้งสิ่งที่จะเป็นภัยต่อลูกหลาน” รศ.พญ.ลัดดา กล่าวทิ้งท้าย
รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ ผู้จัดการโครงการภาวะโภชนาการเกินในเด็ก เครือข่ายวิจัยสุขภาพ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ขนมกรุบกรอบที่เด็กรับประทานนั้นเป็นตัวชี้วัดสุขภาวะของเด็ก จากการสำรวจขนมที่เด็กรับประทานในแต่ละวันพบว่า สารอาหารที่เป็นส่วนประกอบหลักของขนมมี 4 ชนิด ได้แก่ แป้ง น้ำมัน เกลือ และน้ำตาล ซึ่งหากเด็กเริ่มกินขนมหรืออาหารรสจัด ไม่ว่าเค็มหรือหวานตั้งแต่อายุยังน้อย คือในช่วงสมองกำลังเจริญเติบโตและมีพัฒนาการทางอารมณ์ความรู้สึก ทำให้รสชาติฝังติดในกระแสประสาท เหมือนเสพติดรสอาหารจนติดกินหวานจัด มันจัด ส่งผลให้สถานการณ์โรคอ้วนในเด็กเพิ่มมากขึ้น
รศ.พญ.ลัดดา กล่าวต่อว่า มาตรการหนึ่งที่สำคัญและควรเร่งผลักดัน คือ การติดเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจคุณสมบัติของสินค้าแต่ละตัว แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตต้องตีพิมพ์ส่วนผสมของสินค้าบนหีบห่ออยู่แล้ว แต่กลับพบว่าผู้ผลิตใช้หนังสือตัวเล็กมากจนยากที่จะอ่านด้วยตาเปล่า ขณะเดียวกันควรนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจภาษาทางวิชาการได้เข้าใจได้ง่ายด้วย
“ขณะนี้ได้สนับสนุนให้ รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล และคณะ จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาวิจัยและพัฒนารูปแบบเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ โดยใช้กรอบการบริโภคอาหารว่างของเด็กอายุระหว่าง 2-15 ปี ของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งแนะนำให้กินอาหารว่างไม่เกินวันละ 2 มื้อโดยเกณฑ์ควบคุม ขนมหรืออาหารว่างแต่ละมื้อต้องให้พลังงานไม่เกิน 100-150 กิโลแคลอรีและจำกัดปริมาณสารอาหาร ดังนี้ น้ำมันมื้อละไม่เกิน 2.5 กรัม น้ำตาลมื้อละไม่เกิน 12 กรัม และโซเดียม มื้อละไม่เกิน 100 มิลลิกรัม”
“นอกจากนี้ยังได้แนะว่าควรมีสารอาหารที่จำเป็นหรือเกิดคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างน้อย 2 ใน 8 ชนิด ได้แก่ โปรตีน เหล็ก แคลเซียม วิตามินเอ วิตามันซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และใยอาหาร ซึ่งแต่ละอย่างต้องมีปริมาณไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 10 ของที่ควรได้รับต่อวันจึงจะเกิดประโยชน์”
รศ.พญ.ลัดดา กล่าวว่า จากกรอบดังกล่าวได้แปรมาสู่รูปแบบเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์อย่างง่าย เพื่อสื่อความหมายต่อผู้บริโภคในวงกว้าง 4 รูปแบบ คือ ไฟจราจร ติดดาว ติดสัญลักษณ์และโลโก้ดาวติดสี
“สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายนี้เป็นแบบอย่างง่ายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยขณะนี้หน่วยงานที่ดูแลฉลาก และห่วงใยในสุขภาพเด็กกำลังพิจารณารูปแบบสัญลักษณ์บนถุงขนม คงได้เห็นกันในเร็วๆ นี้ และจะเป็นตัวช่วยให้ผู้ปกครองสามารถใช้วิจารณญาณคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด และคัดทิ้งสิ่งที่จะเป็นภัยต่อลูกหลาน” รศ.พญ.ลัดดา กล่าวทิ้งท้าย