xs
xsm
sm
md
lg

เรียนรู้วิถีแห่ง “นก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชี้ก-ชี้ก-ชี้ก”

“แต-แต้-แว้ด”

เสียงร้องอันแหลมดังของนกแซงแซวหางปลาและนกกระแตแต้แว้ดที่ขับขานส่งเสียงร้องแข่งกัน ยังไม่ทันเลือนหายไปจากโสตประสาททั้งคู่ เสียงร้อง ชิ้ว-ชิ้ว-ชิ้ว-ชิ้ว ที่ดังติดต่อกันของนกติ๊ดสุลตาน ก็แล่นเข้ามาแทนที่

เรียกได้ว่า บนท้องฟ้าเวลานี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยนกหลายชนิดที่บินโฉบไปโฉบมาให้ท้องฟ้ายามเช้ามีสีสันงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

ขณะที่แสงสีเหลืองนวลจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าในยามเช้าตรู่ สาดส่องเป็นประกายลงมาสู่พื้นดินให้ได้รับความอบอุ่น เสมือนเป็นการเตือนว่าได้เวลาแห่งการเริ่มต้นของทุกสรรพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมวลหมู่นกที่บินร่อนอวดเสียงร้องอันไพเราะอยู่บนฟ้ากว้าง บางตัวก็ยืนโชว์เกาะเกี่ยวอยู่บนกิ่งไม้ตามแหล่งน้ำหรือตามต้นไม้ใหญ่ เพื่อโชว์สีขนอันสวยงามให้แก่ผู้ที่พบเห็นได้ยลให้ชุ่มหัวใจ

ด้วยความหลากหลายทางด้านกายภาพและชีวภาพ ทำให้ประเทศไทยพบนกที่ทำรังตั้งถิ่นฐานอาศัยมากถึง 980 ชนิด ซึ่งนกที่พบนั้นจะมีทั้งนกประจำถิ่นและอพยพมาจากทางภูมิภาคเอเชียด้วยกันรวมไปถึงนกในทวีปยุโรปที่จะสลับผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างสีสันบนท้องนภา พื้นดิน และพื้นน้ำให้ได้รับความรื่นรมย์
นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงใหลกับการดูนกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

รุ่งโรจน์ จุกมงคล อดีตนายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย เจ้าของผลงานเขียนThailand Bird Guide (คู่มือการดูนก)โดยสำนักพิมพ์สารคดี ที่ได้รวบรวมนกที่พบในเมืองไทยไว้ถึง 824 ชนิดด้วยประสบการณ์การลาดตระเวนดูนกทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศมาถึง 30 ปี เล่าถึงพฤติกรรมของนกในรอบปีว่า การดูนกนั้นสามารถดูได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากนกทุกชนิดล้วนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของปี

ยกตัวอย่างเช่น บางช่วงจะพบนกส่งเสียงร้องดังตลอดเวลา ขณะที่บางฤดูกลับเงียบสงัด หรือเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ นกบางชนิดจะมีการสลัดผลัดขนสีสันสดใสที่ต่างไปจากเดิม เพื่อสร้างความดึงดูดความสนใจให้แก่นกตัวอื่น และนกทุกตัวจะพากันส่งเสียงร้องค่อนข้างถี่กว่าช่วงอื่น ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการเกี้ยวพาราสี และนกบางชนิดจะมีการสร้างสถานที่พิเศษสำหรับการมัดใจแม่นกสาวให้ตกหลุมรัก

“ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ นกตัวผู้มักเป็นฝ่ายสร้างความสนใจเพื่อดึงดูดให้ตัวเมียมาผสมพันธุ์จะมีการผลัดสีขนให้สวยงาม เช่น นกชายเลนบางชนิดมีการเปลี่ยนแปลงอวัยวะส่วนอื่น เช่นนกโจรสลัดจะขยายถุงลมใต้คอให้โป่งเป็นสีแดง สำหรับนกยูงตัวผู้จะดึงดูดตัวเมียด้วยการรำแพนหางสีสันสวยงาม ส่วนนกกระเรียนใช้วิธีเต้นรำเกี้ยวพาราสีนกตัวเมีย และนกหว้าจะใช้วิธีการปัดกวาดพื้นเป็นลานสะอาดเพื่อเป็นการเกี้ยวตัวเมีย

จากนั้นเมื่อนกได้คู่ผสมพันธุ์แล้ว นักดูนกก็จะสามารถติดตามพฤติกรรมของนกต่อเนื่องได้อีก เพราะภารกิจต่อไปที่ต้องทำคือการก่อร่างสร้างตัว เพื่อทำรังน้อยอันอบอุ่นไว้รองรับทายาทน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลก โดยนกจะเลือกสร้างรังในจุดที่ศัตรูเข้าถึงได้อยากที่สุด เช่น ปลายกิ่งไม้ ตามโพรงไม้ บางชนิดจะทำรังอยู่บนเกาะกลางทะเลห่างไกลผู้คน เช่น นกบู๊บบี้ แต่มีบางชนิดสามารถปรับตัวเข้ามาทำรังตามบ้านเรือนในเมือง เช่น นกกระจอกบ้าน นกกางเขน

ส่วนวัสดุที่นกใช้สร้างรังมักขึ้นอยู่กับลักษณะของรัง ซึ่งต่างกันไปตามชนิดของนก โดยนกจะคำนึงถึงความมั่นคงแข็งแรง ไม่เป็นจุดเด่นให้สังเกตได้ง่าย และมักใช้ส่วนต่างๆ ของต้นไม้ เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ เยื่อไม้ เป็นที่อำพรางตัว ซึ่งนักดูนกก็จะต้องเรียนรู้วิถีแห่งนกเหล่านี้เพื่อประกอบการดูนกด้วย

“ลูกนกแรกเกิดแต่ละชนิดมีการเจริญเติบโตแตกต่างกัน พ่อแม่นกต้องใช้เวลาในการเลี้ยงดูลูกนกอยู่นานหลายสัปดาห์ สอนให้อาหาร รู้จักเลือกกินอาหาร หัดบิน ส่งเสียงร้อง และพฤติกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต เพื่อฝึกหัดให้ลูกนกสามารถใช้ชีวิตอยู่รอดด้วยตนเองในธรรมชาติได้” รุ่งโรจน์แจกแจง

รุ่งโรจน์บอกด้วยว่า นอกจากนกในประเทศไทยหรือนกประจำถิ่นแล้ว แต่ละปียังมีนก อพยพที่เดินทางมาจากพื้นที่ทางเหนือของโลกที่ประสบกับปัญหาอากาศหนาวเย็น เช่น เขตซุนดราไซบีเรีย มองโกเลีย และตอนเหนือสุดของจีน บินอพยพเข้ามาในประเทศไทยด้วยโดยเริ่มต้นขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม

นอกจากนกที่ย้ายถิ่นหนีความหนาวเย็นของอากาศทางตอนเหนือแล้ว นกบางชนิดในเขตร้อนก็จะมีการอพยพเหมือนกัน เช่น นกยางดำ นกแต้วแร้วธรรมดา บินหนีลมมรสุมจากประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรเข้ามาวางไข่ในประเทศไทยในช่วงฤดูฝน และจะบินกลับไปเมื่อถึงฤดูหนาว ส่วนนกปากห่างอพยพเข้ามาวางไข่ในประเทศไทยช่วงหน้าแล้ง และบินกลับไปอินเดียเมื่อถึงฤดูฝน เป็นต้น

ทั้งนี้ ช่วงที่นกมีการย้ายถิ่นนั้นโอกาสที่นักดูนกสามารถพบนกหลากชนิดที่ต่างไปจากนกประจำถิ่นที่เคยพบอยู่ตลอดค่อนข้างมาก และการที่ได้พบนกย้ายถิ่นชนิดต่างๆ รวมไปถึงการสังเกตเส้นทางการบินและแหล่งที่อยู่อาศัยที่พบ ยังทำให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การร่วมมือกันในการอนุรักษ์พื้นที่เหล่านั้นให้คงความอุดมสมบูรณ์เพียงพอที่นกย้ายถิ่นจะได้กลับมาอาศัยอยู่ตลอดช่วงฤดูหนาว และยังเป็นการช่วยรักษาความสมดุลให้กับธรรมชาติตลอดไป

หลังจากที่ได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรมของนกแล้วขั้นตอนที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญก็คือการตั้งกล้องเพื่อดู นก ซึ่งการดูนกนั้น รุ่งโรจน์บอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น นักดูนกทุกคนต้องเห็นความสุขของนกมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ ไม่ควรไปรบกวนนกมากจนเกินไป และการดูนกนั้นความยากง่ายจะมีไม่เหมือนกัน นกชายเลน นกทุ่ง หรือนกที่อยู่ในพื้นที่โล่งจะสามารถส่องกล้องมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด แต่ถ้าเป็นนกที่อยู่ในป่ารกทึบนั้นโอกาสที่จะพบเจอนั้นมีค่อนข้างน้อย แต่ถ้าใครได้ยลนกป่าแล้วจะติดใจมิรู้ลืม

“การตั้งกล้องดูนกนั้นสำคัญจะต้องดูถึงความเหมาะสมของสถานที่ ถ้าเราจะดูนกที่อยู่ตามหาดเลน ตามท้องทุ่งนา หรือตามพื้นที่โล่งที่นกสามารถปรากฏกายให้เราเห็นได้ชัดเจน เราสามารถใช้กล้องดูนกตั้งและปรับสภาพสโคปให้ตรงกับนกและดูได้อย่างสบายซึ่งก็ไม่อยาก แต่ถ้าเป็นนกป่านั้นความยากก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เราควรจะใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปบริเวณรอบๆป่า ถ้าบางคนที่เพิ่งหัดดูนกครั้งแรกไม่ควรเลือกที่จะไปดูนกป่าเพราะจะทำให้หมดกำลังใจ เนื่องจากนกป่าเป็นนกที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้สูงใหญ่และมีความหนาทึบถ้าผู้ที่เพิ่งเป็นมือใหม่อาจจะพลาดหวังจากการรอชมนกป่าได้ แต่นกในป่าเป็นนกที่มีความสวยงามมากถ้าใครมีโอกาสได้พบเจอก็จะติดใจและทำให้อยากกลับเข้าไปดูอีกอย่างแน่นอน” รุ่งโรจน์ให้คำแนะนำทิ้งท้าย








ข้อปฏิบัติในการดูนก

1.ควรออกไปดูนกเป็นกลุ่มเล็กๆ จะทำให้มีโอกาสพบเห็นนกได้ง่ายกว่าออกไปเป็นกลุ่มใหญ่ ควรชวนผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเรื่องนกไปด้วย เพราะจะได้ช่วยเราจำแนกชนิดของนก

2.เมื่อไปถึงที่ดูนกแล้ว ต้องทำตัวให้เงียบที่สุด อย่าพูดคุยโดยไม่จำเป็น เพราะนกจะตกใจง่าย ดังนั้นต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่เป็นจุดเด่น จนทำให้นกมองเห็นได้ง่ายและไม่ยอมปรากฏตัวให้ดู

3.พยายามสำรวจดูและฟังเสียงนกรอบๆ ตัว ใช้กล้องส่องทางไกลหานกตั้งแต่บนพื้นดิน ในกอหญ้า ตามพุ่มไม้ และบนต้นไม้ใหญ่ ตั้งแต่ระดับโคนต้นจนถึงเรือนยอด รวมทั้งบนท้องฟ้า เพราะนกแต่ละชนิดอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน

4.หากออกไปดูเป็นกลุ่มไม่ควรแย่งกันดู แต่ควรส่องกล้องจากตำแหน่งที่แต่ละคนยืนถ้าไม่เห็นจริงๆ จึงค่อยเปลี่ยนตำแหน่งอย่างช้าๆ และควรบอกตำแหน่งที่นกเกาะอยู่ให้ผู้ที่ยังไม่เห็นต่อกันไปแต่ต้องทำอย่างเงียบที่สุด ไม่ควรแสดงความตื่นเต้นหรือเสียงดังจนเกินไป เพราะอาจทำให้นกบินหนีไป

5.หลังจากเห็นนกแล้ว ควรส่องกล้องดูนิ่งๆ พยายามสังเกตจดจำรายละเอียดต่างๆ ของนกให้มากที่สุด เช่นสีสัน ลักษณะหัว ปาก หลัง ท้อง ฯลฯ รวมทั้งพฤติกรรมที่นกแสดงออก เมื่อนกไปแล้วจึงค่อยเปิดดูคู่มือว่านกที่พบเป็นชนิดใด

6.ข้อควรปฎิบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับนักดูนกทุกคนคือ ต้องมีความรับผิดชอบต่อนก ไม่รบกวนนกจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสร้างรังวางไข่ เพราะนกอาจตื่นกลัวจนทิ้งลูกและรังไปได้ นักดูนกต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า “ความสุขของนกต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด”

กำลังโหลดความคิดเห็น