ทปอ.ยังไม่ได้ข้อสรุปปีการศึกษา 2552 ใช้แอดมิชชันรับนักศึกษาหรือไม่ ระบุ ต้องรอดูผลปี 2550 ก่อนตัดสินใจ ขณะที่รับเด็กเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ ยังใช้หลักเกณฑ์เดิม ส่วนการผลักดันออกนอกระบบยันเป็นสิทธิของแต่ละแห่งตัดสินใจ ทปอ.ไม่บังคับ
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมทปอ.ที่ ม.เชียงใหม่ ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในรูปแบบระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชัน ประจำปีการศึกษา 2552 แต่ทั้งนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากคัดเลือกในระบบแอดมิชชัน เพิ่งดำเนินการครั้งแรกในปีการศึกษา 2549 ดังนั้นที่ประชุมจึงให้รอดูผลการดำเนินการของปี 2550 ว่า มีปัญหาและอุปสรรคอย่างไรอีกหรือไม่ จากนั้นจะได้นำข้อมูลไปปรับปรุงสัดส่วนและองค์ประกอบในการคัดเลือกนักศึกษาในปีการศึกษา 2552 ต่อไป อย่างไรก็ตาม ทปอ.ได้ตั้งให้ รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เป็นประธานคณะทำงานศึกษาระบบแอดมิชชัน แทน ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ที่ปัจจุบันเป็นผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และได้มอบหมายให้ รศ.ดร.มณฑล ไปตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบการคัดเลือกทั้งหมด พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อจะประกาศเกณฑ์การคัดเลือกของปีการศึกษา 2552 ได้ก่อนเปิดภาคเรียนเดือนพฤษภาคมนี้
รศ.ดร.วันชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับการเพิ่มสัดส่วนผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร ม.ปลาย (จีพีเอเอ็กซ์) ตามมติ ทปอ.ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ว่าหากจะเพิ่มสัดส่วนจริงควรต้องมีหลักฐานจากโรงเรียนที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจของนักเรียน และผู้ปกครอง ทั้งนี้ ข้อมูลจีพีเอเอ็กซ์ ของผู้ผ่านการคัดเลือกในปีการศึกษา 2549 พบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเกือบทุกแห่ง ซึ่งจะต้องไปดูว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับผลการเรียนในมหาวิทยาลัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทปอ.ยืนยันว่า จะไม่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรจนกว่าจะมีการศึกษาข้อมูลอย่างชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจ
“สำหรับสัดส่วนและองค์ประกอบการคัดเลือกในปี 2550-2551 นั้น จะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมคือ จีพีเอเอ็กซ์ 10% ผลการเรียนรายกลุ่มสาระวิชา (จีพีเอ) 20% ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) 35-70% และผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง(เอเน็ต) 0-35% เพราะเป็นสิ่งที่ได้ประกาศไปแล้ว และการคัดเลือกในปี 2550 ทปอ.จะกำชับให้ทุกฝ่ายดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย และรอบคอบมากที่สุด โดยหวังว่าจะไม่เกิดปัญหาเหมือนปีที่ผ่านมา” รศ.ดร.วันชัย กล่าว
ประธาน ทปอ.กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการเปลี่ยนสถานภาพมหาวิทยาลัยรัฐเป็นมหาวิทยาลัยกำกับของรัฐ หรือการออกนอกระบบ โดยมหาวิทยาลัยต่างๆ เห็นควรที่จะต้องเดินหน้าต่อไปตามความเหมาะสมของแต่ละสถาบัน แต่ทั้งนี้ ทปอ.ยืนยันว่า การออกนอกระบบเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยในการดำเนินการ โดยไม่มีการบังคับ ซึ่งขณะนี้หลายมหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากประชาคมมหาวิทยาลัย จากนั้นจะเสนอข้อสรุปมายัง ทปอ.จากนั้น ทปอ.จะเสนอสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อเป็นศูนย์กลางทำความเข้าใจและชี้แจงต่อประชาชนต่อไป
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมทปอ.ที่ ม.เชียงใหม่ ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในรูปแบบระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชัน ประจำปีการศึกษา 2552 แต่ทั้งนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากคัดเลือกในระบบแอดมิชชัน เพิ่งดำเนินการครั้งแรกในปีการศึกษา 2549 ดังนั้นที่ประชุมจึงให้รอดูผลการดำเนินการของปี 2550 ว่า มีปัญหาและอุปสรรคอย่างไรอีกหรือไม่ จากนั้นจะได้นำข้อมูลไปปรับปรุงสัดส่วนและองค์ประกอบในการคัดเลือกนักศึกษาในปีการศึกษา 2552 ต่อไป อย่างไรก็ตาม ทปอ.ได้ตั้งให้ รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เป็นประธานคณะทำงานศึกษาระบบแอดมิชชัน แทน ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ที่ปัจจุบันเป็นผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และได้มอบหมายให้ รศ.ดร.มณฑล ไปตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบการคัดเลือกทั้งหมด พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อจะประกาศเกณฑ์การคัดเลือกของปีการศึกษา 2552 ได้ก่อนเปิดภาคเรียนเดือนพฤษภาคมนี้
รศ.ดร.วันชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับการเพิ่มสัดส่วนผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร ม.ปลาย (จีพีเอเอ็กซ์) ตามมติ ทปอ.ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ว่าหากจะเพิ่มสัดส่วนจริงควรต้องมีหลักฐานจากโรงเรียนที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจของนักเรียน และผู้ปกครอง ทั้งนี้ ข้อมูลจีพีเอเอ็กซ์ ของผู้ผ่านการคัดเลือกในปีการศึกษา 2549 พบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเกือบทุกแห่ง ซึ่งจะต้องไปดูว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับผลการเรียนในมหาวิทยาลัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทปอ.ยืนยันว่า จะไม่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรจนกว่าจะมีการศึกษาข้อมูลอย่างชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจ
“สำหรับสัดส่วนและองค์ประกอบการคัดเลือกในปี 2550-2551 นั้น จะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมคือ จีพีเอเอ็กซ์ 10% ผลการเรียนรายกลุ่มสาระวิชา (จีพีเอ) 20% ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) 35-70% และผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง(เอเน็ต) 0-35% เพราะเป็นสิ่งที่ได้ประกาศไปแล้ว และการคัดเลือกในปี 2550 ทปอ.จะกำชับให้ทุกฝ่ายดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย และรอบคอบมากที่สุด โดยหวังว่าจะไม่เกิดปัญหาเหมือนปีที่ผ่านมา” รศ.ดร.วันชัย กล่าว
ประธาน ทปอ.กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการเปลี่ยนสถานภาพมหาวิทยาลัยรัฐเป็นมหาวิทยาลัยกำกับของรัฐ หรือการออกนอกระบบ โดยมหาวิทยาลัยต่างๆ เห็นควรที่จะต้องเดินหน้าต่อไปตามความเหมาะสมของแต่ละสถาบัน แต่ทั้งนี้ ทปอ.ยืนยันว่า การออกนอกระบบเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยในการดำเนินการ โดยไม่มีการบังคับ ซึ่งขณะนี้หลายมหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากประชาคมมหาวิทยาลัย จากนั้นจะเสนอข้อสรุปมายัง ทปอ.จากนั้น ทปอ.จะเสนอสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อเป็นศูนย์กลางทำความเข้าใจและชี้แจงต่อประชาชนต่อไป