“ด.ญ.สาวิตรี คำรักษ์” ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้คืนตลาดโบ๊เบ๊ เพื่อให้แม่ได้ขายของ มีเงินไปโรงเรียน ขณะที่ “ทิโม มูลเลอร์” นักปั่นจักรยานเพื่อสิทธิมนุษยชน นำทีมยื่นหนังสือขอให้ดูแลสิทธิเด็กไร้สัญชาติตามแนวชายแดนไทย
นางวันเพ็ญ คำรักษ์ ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ นำ ด.ญ.สาวิตรี คำรักษ์ อายุ 6 ขวบ บุตรสาว เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผ่านฝ่ายศูนย์ประสานมวลชน ทำเนียบฯ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณี กทม.ประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันการค้าบริเวณตลาดโบ๊เบ๊ โดยจดหมายจาก ด.ญ.สาวิตรี ระบุว่า “ตั้งแต่มีคำสั่งปิดตลาดโบ๊เบ๊ แม่หนูทุกข์ใจมาก และเสียใจมากที่สุด ตอนที่ตลาดโบ๊เบ๊ริมถนนถูกรถแมคโครขุด ปิดกั้นด้วยรั้วสังกะสี แม่หนูไม่ได้ขายของ หนูไม่มีเงินไปโรงเรียนเลย แม่บอกว่าหมดตัวแล้ว หนูไม่เข้าใจ แต่เห็นแม่ร้องไห้ทุกวัน แม่บอกว่าตลาดโบ๊เบ๊ทำให้เรามีกิน มีใช้ มีเงินไปโรงเรียน หนูจึงเข้าใจ ของขวัญวันเด็กปีนี้ หนูอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีจัดตลาดโบ๊เบ๊คืนให้แม่หนู เพราะหนูจะได้มีกิน และมีเงินไปโรงเรียน”
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายทิโม มูลเลอร์ อายุ 21 ปี นักปั่นจักรยานเพื่อสิทธิมนุษยชน ชาวเยอรมัน นายอัคคิม ชคาเด ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองและพิธีการ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำกรุงเทพฯ และนางเนาวรัตน์ เสือสะอาด ผู้ประสานงานองค์กรนิรโทษกรรมสากล นำทีมจักรยานจากกลุ่มแอมนาสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รวม 50 คัน เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้อำนวยการศูนย์ประสานมวลชนและประมวลผล ทำเนียบฯ เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีดูแลเรื่องสิทธิเด็กไร้สัญชาติในประเทศไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ปี 2550
นอกจากนี้ ยังนำจดหมายจากเด็กไร้สัญชาติที่อยู่ตามชายแดนไทย เช่น แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ซึ่งขาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม มามอบให้กับนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาในจดหมายเป็นการเขียนเรียกร้องให้ฝ่ายปกครองเข้าไปสำรวจเด็กไร้สัญชาติตามจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทิโม ออกเดินทางด้วยจักรยาน จากเมืองเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2549 ปั่นจักรยานข้ามทวีป เพื่อรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนตามเมืองต่าง ๆ ที่เดินทางผ่าน โดยรวบรวมเงินบริจาคกิโลเมตรละ 1 ยูโร หรือ 50 บาท ขณะนี้สามารถรวบรวมได้แล้วกว่า 400,000 บาท ซึ่งจะมอบให้กับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน นายทิโม เดินทางผ่านมาแล้ว 14 ประเทศ เช่น โปแลนด์ ฟินแลนด์ มองโกเลีย จีน และกัมพูชา จนกระทั่งถึงประเทศไทย และจะปั่นจักรยานต่อไปมาเลเซีย ผ่านทางภาคใต้ของไทย เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยสึนามิ และจะไปสิ้นสุดการเดินทางที่ออสเตรเลีย
นางวันเพ็ญ คำรักษ์ ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ นำ ด.ญ.สาวิตรี คำรักษ์ อายุ 6 ขวบ บุตรสาว เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผ่านฝ่ายศูนย์ประสานมวลชน ทำเนียบฯ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณี กทม.ประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันการค้าบริเวณตลาดโบ๊เบ๊ โดยจดหมายจาก ด.ญ.สาวิตรี ระบุว่า “ตั้งแต่มีคำสั่งปิดตลาดโบ๊เบ๊ แม่หนูทุกข์ใจมาก และเสียใจมากที่สุด ตอนที่ตลาดโบ๊เบ๊ริมถนนถูกรถแมคโครขุด ปิดกั้นด้วยรั้วสังกะสี แม่หนูไม่ได้ขายของ หนูไม่มีเงินไปโรงเรียนเลย แม่บอกว่าหมดตัวแล้ว หนูไม่เข้าใจ แต่เห็นแม่ร้องไห้ทุกวัน แม่บอกว่าตลาดโบ๊เบ๊ทำให้เรามีกิน มีใช้ มีเงินไปโรงเรียน หนูจึงเข้าใจ ของขวัญวันเด็กปีนี้ หนูอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีจัดตลาดโบ๊เบ๊คืนให้แม่หนู เพราะหนูจะได้มีกิน และมีเงินไปโรงเรียน”
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายทิโม มูลเลอร์ อายุ 21 ปี นักปั่นจักรยานเพื่อสิทธิมนุษยชน ชาวเยอรมัน นายอัคคิม ชคาเด ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองและพิธีการ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำกรุงเทพฯ และนางเนาวรัตน์ เสือสะอาด ผู้ประสานงานองค์กรนิรโทษกรรมสากล นำทีมจักรยานจากกลุ่มแอมนาสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รวม 50 คัน เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้อำนวยการศูนย์ประสานมวลชนและประมวลผล ทำเนียบฯ เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีดูแลเรื่องสิทธิเด็กไร้สัญชาติในประเทศไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ปี 2550
นอกจากนี้ ยังนำจดหมายจากเด็กไร้สัญชาติที่อยู่ตามชายแดนไทย เช่น แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ซึ่งขาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม มามอบให้กับนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาในจดหมายเป็นการเขียนเรียกร้องให้ฝ่ายปกครองเข้าไปสำรวจเด็กไร้สัญชาติตามจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทิโม ออกเดินทางด้วยจักรยาน จากเมืองเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2549 ปั่นจักรยานข้ามทวีป เพื่อรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนตามเมืองต่าง ๆ ที่เดินทางผ่าน โดยรวบรวมเงินบริจาคกิโลเมตรละ 1 ยูโร หรือ 50 บาท ขณะนี้สามารถรวบรวมได้แล้วกว่า 400,000 บาท ซึ่งจะมอบให้กับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน นายทิโม เดินทางผ่านมาแล้ว 14 ประเทศ เช่น โปแลนด์ ฟินแลนด์ มองโกเลีย จีน และกัมพูชา จนกระทั่งถึงประเทศไทย และจะปั่นจักรยานต่อไปมาเลเซีย ผ่านทางภาคใต้ของไทย เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยสึนามิ และจะไปสิ้นสุดการเดินทางที่ออสเตรเลีย