xs
xsm
sm
md
lg

เปิดที่มาเสื้อพระราชทานต้นแบบ สวช.เผยมาจากฉลองพระองค์ในหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เผยที่มาของเสื้อพระราชทานต้นแบบ ระบุ มาจากแบบฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานให้ “พล.อ.เปรม” เป็นตัวอย่าง

นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คุณหญิง ไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เชิญชวนให้ชายไทยแต่งกายชุดเสื้อพระราชทานตามคำแนะนำของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ว่า เสื้อชุดพระราชทานดังกล่าว เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๒๒ ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ โดยได้ใส่ครั้งแรกในโอกาสที่ท่านเป็นประธานเปิดงานฉลองครบ ๖๐ ปี ของวงเวียน ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๒ และยังได้สวมชุดดังกล่าวเข้าไปในสภาเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ปีเดียวกันอีกด้วย ทำให้บรรดา ส.ส.ตื่นเต้นประหลาดใจไปตามๆ กัน จากนั้นมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ลงข่าวเรื่องเสื้อแบบใหม่กันเกรียวกราว และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไปในที่สุด

ทั้งนี้ จาก “หนังสือการแต่งกายสมัยรัตนโกสินทร์” ที่มี นายเอนก นาวิกมูล เป็นบรรณาธิการ ได้เขียนว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้เปิดเผยถึงที่มาของเสื้อพระราชทาน ว่า เกิดจากการไปเยือนประเทศอาเซียน และเห็นว่า ชาติอื่นๆ ต่างมีชุดประจำชาติของตนเอง เช่น อินโดนีเซีย มีเสื้อบาติก ฟิลิปปินส์ มีเสื้อบาลอง แต่ประเทศไทยเป็นประเทศเก่าแก่ กลับไม่มีเสื้อประจำชาติ ทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ เมื่อท่านกลับมาเมืองไทยแล้ว จึงได้นำความเข้ากราบบังคมทูลปรึกษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่สุด สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ก็ทรงพระราชทานเสื้อให้ตัวหนึ่ง เป็นฉลองพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใช้เป็นประจำ พร้อมทั้งพระราชทานแบบเสื้อให้ด้วย จากจุดนี้เอง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จึงได้นำมาเผยแพร่ จนกลายเป็นเสื้อที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายนับแต่นั้นมา เนื่องจากเป็นแบบเสื้อพระราชทาน และเหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศของบ้านเรา

สำหรับแบบเสื้อพระราชทานจะมีลักษณะเด่น คือ เป็นเสื้อคอตั้ง มีสาบผ่าอก กระดุม ๕ เม็ด ส่วนใหญ่ใช้ผ้าไทยตัดเย็บ มีด้วยกัน ๓ แบบ คือ แบบแขนสั้น ใช้ในโอกาสธรรมดาทั่วไป หรือในการปฏิบัติงาน หรือในโอกาสพิธีการกลางวัน (มักใช้ผ้าสีอ่อน) และในโอกาสพิธีการกลางคืน (อาจใช้ผ้าสีเข้มได้) แบบแขนยาว (ไม่คาดผ้า) มักใช้สีเรียบจาง หรือมีลวดลายสุภาพ ใช้ในพิธีการกลางวัน หรืออาจใช้สีเข้มในโอกาสพิธีการกลางคืน แบบแขนยาวคาดเอว (คาดผ้า) มักใช้ในโอกาสพิธีการสำคัญ ถือเป็นแบบเต็มยศ

การรื้อฟื้นให้แต่งกายด้วยเสื้อพระราชทานดังกล่าว นอกจากจะเหมาะกับภูมิอากาศในประเทศไทยแล้ว ลักษณะของแบบเสื้อยังมีความร่วมสมัย ใช้ได้ในทุกโอกาส ทำให้ผู้สวมใส่มีบุคลิกภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดพลังงาน และถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน “ผ้าไทย” โดยเฉพาะ “ผ้าท้องถิ่น” เช่น ผ้าขิด ผ้ากาบบัว ผ้าหางกระรอก เป็นต้น ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย เพราะแต่ละท้องถิ่นสามารถนำผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตนมาตัดเป็นชุดพระราชทานให้สวยงาม น่าใช้ได้ ข้อสำคัญ ยังเป็นเสื้อที่นำต้นแบบมาจากฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงน่าที่เราจะได้ร่วมใจกันใส่เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษานี้ด้วย

อนึ่ง ชุดไทยที่เป็นชุดประจำชาติสำหรับผู้หญิงนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินินาถ ก็ได้ทรงพระราชทานไว้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๐๓ ที่เรียกกันว่า “ชุดไทยพระราชนิยม” มีด้วยกัน ๘ แบบ คือ ชุดไทยเรือนต้น ไทยจิตรลดา ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน ไทยจักรี ไทยดุสิต ไทยจักรพรรดิ และไทยศิวาลัย ส่วนชุดลำลองของสตรีโดยมากจะเป็นไปตามสมัยนิยม อย่างไรก็ดี ทาง สวช.ก็กำลังรวบรวมและศึกษาวิจัยการแต่งกายในแต่ละภูมิภาคอยู่ และเตรียมจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น