คุรุสภาเตรียมจัดงานวันครู โดยใช้ชื่อ “51 ปีวันครู เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวา 2550” ประกาศยกย่องครูจูหลิง และครูประสานที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะสอนจากความไม่สงบในภาคใต้ ให้เป็นครูผู้มีความกล้าหาญและเสียสละอันสูงยิ่ง ประสานดูแลความปลอดภัยเข้มงวดในวันงาน ที่ 16 ม.ค. จัดเก็บถังขยะออกทั้งหมด โดยจัดจุดรับขยะให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอดเวลา เชื่อไม่น่าเกิดเหตุร้าย
ดร.จักรพรรดิ วะทา เลขาธิการคุรุสภา แถลงข่าวการจัดงานวันครู พ.ศ.2550 ที่หอประชุมคุรุสภา กระทวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า เนื่องจากปีนี้เป็นปีเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 80 พรรษา งานวันครูจึงใช้ชื่อว่า “การจัดงาน 51 ปีวันครู เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวา 2550” และกำหนดให้เป็น “ปีแห่งการตามรอยพระยุคลบาท...ครูของแผ่นดิน” โดยมีคำขวัญวันครู พ.ศ.2550 คือ “สิบหกมกราเทิดทูน “พ่อแผ่นดิน” ภูมินทร์บรมครู” ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดให้จัดงานพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 16 ม.ค. โดยในส่วนกลางจะจัดบริเวณหอประชุมคุรุสภา และสนามหญ้าหน้า ศธ. โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานวันครู และคารวะครูบุญมี นพประไพ ครูอาวุโสของนายกฯ เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
สำหรับในส่วนภูมิภาค สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตจะกำหนดให้มีการจัดกิจกรรมขึ้น
ดร.จักรพรรดิกล่าวอีกว่า ในการจัดงานวันครูนอกจากจะมีพิธีทำบุญตักบาตร มอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ได้รับรางวัลคุรุสภาแล้ว จะมีการฉายวีดิทัศน์ครูผู้เสียสละจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 15 ม.ค.นี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาในฐานะที่เป็นองค์กรวิชาชีพครู จะเสนอคณะกรรมการคุรุสภา เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติครูจูหลิง ปงกันมูล และครูประสาน มากชู ครูโรงเรียนบ้านบือแรง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะทำการสอนอยู่หน้าชั้นเรียน ให้เป็นครูผู้มีความกล้าหาญและเสียสละอันสูงยิ่งโดยจะเชิญญาติหรือผู้แทนมารับโล่รางวัลยกย่องในงานวันครูด้วย
ดร.จักรพรรดิ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานวันครูว่า ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อให้จัดกำลังและหน่วยดูแลรักษาความปลอดภัยเข้ามาดูแลพื้นที่ในการจัดงานวันครู โดยในวันที่ 15 มกราคม ก่อนวันงานซึ่งจะต้องจัดเตรียมสถานที่ จะมีการตรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ ทั้งในหอประชุมคุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และหอพักคุรุสภา โดยจะปิดประตูเข้าออกบริเวณคุรุสภาในเวลา 23.00 น. และจะเปิดในวันรุ่งขึ้น จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดเวลาปิดเปิด
ส่วนนิทรรศการวันครูที่เคยจัดบริเวณริมรั้วคุรุสภา ก็ให้ย้ายมาจัดนิทรรศการในสนามหญ้าหน้าคุรุสภาแทน และในวันที่ 16 ม.ค.จะห้ามรถทุกชนิดเข้ามาจอดในคุรุสภา เพื่อให้บริเวณจัดงานโปร่งโล่งและสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้ง่าย นอกจากนี้จะจัดเก็บถังขยะออกทั้งหมดโดยจะจัดจุดรับขยะไว้ให้ทดแทน ซึ่งจุดรับขยะจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ตลอดเวลาหากมีผู้นำสิ่งของต้องสงสัยมาทิ้งก็จะสังเกตเห็นได้ทันที ซึ่งในวันดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานประมาณ 1,000 คน
“ในบริเวณจัดงานทั้งหมดเราพยายามจะให้โปร่งโล่ง สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้ง่าย และจะจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลรักษาความปลอดภัยในวันงานอย่างเข้มงวด เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น เพราะทุกคนล้วนมีครูจึงไม่น่าจะมาก่อเหตุในวันศักสิทธิ์ของทุกคน” นายจักรพรรดิกล่าว
ด้าน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านตาเหล็ง ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ว่า ได้รับรายงานว่าโรงเรียนเสียหายไม่มากเพราะสามารถดับเพลิงไว้ได้ทัน ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น จะดำเนินการเมื่อพบว่าทางโรงเรียนมีการบกพร่องละเลย แต่กรณีโรงเรียนบ้านตาเหล็งไม่มีการละเลย ได้ตรวจสายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้บริหารเพียง 1รายเท่านั้นและการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอำนาจของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่ใช่อำนาจของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการเกิดเหตุระเบิดที่โรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา จ.ร้อยเอ็ดได้รับรายงานว่าไม่ได้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง เป็นเพียงระเบิดลูกปิงปองสาเหตุเกิดจากความขัดแย้งของวัยรุ่นที่ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ให้นักเรียนออกจากโรงเรียนไปก่อนหน้านี้ โดยมีการขว้างระเบิดมาที่โรงเรียนสองลูกแต่ระเบิดเพียงลูกเดียวไม่มีความเสียหายอะไรมาก ส่วนอีกลูกหนึ่งพบว่ามีการนำไปฝังไว้ห่างจากโรงเรียน 12 กิโลเมตร