เรื่องของภูมิปัญญาไทย....เรื่องของสมุนไพรไทยนั้น ต้องบอกว่า เป็นศาสตร์การรักษาโรคอีกแขนงหนึ่งที่ปัจจุบันได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐ เนื่องเพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพและรักษาได้ผลจริง
“หมอเณร” หรือ “ชัยรัตน์ นนทชัย” ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย ที่ขณะนี้เปิดศูนย์รักษาโรคหัวใจด้วยยาสมุนไพร เลขที่ 36 หมู่ที่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาไทยที่น่าสนใจมาก เนื่องจากได้ค้นคว้านำคัมภีร์ในพระพุทธศาสนามาใช้ในการรักษาโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจ
หมอเณรเล่าว่า วิชาการแพทย์ที่ศึกษาและใช้รักษาผู้ป่วยเป็นคัมภีร์โบราณซึ่งหอสมุดแห่งชาติก็มีคัมภีร์บางส่วนเก็บรักษาไว้ ทั้งนี้ คัมภีร์ดังกล่าวเป็นวิชาการแพทย์ตามหลักพระพุทธศาสนาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยพระพุทธองค์เป็นผู้ที่สร้างวิชาการแพทย์เอาไว้มาแต่โบราณกาล และในอดีตคนไทยก็รักษาอาการป่วยด้วยการแพทย์แผนโบราณใช้สมุนไพรกันมาโดยตลอด แต่มาถูกล้มล้างไปเมื่อการแพทย์ตะวันตกเข้ามา
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจด้วยสมุนไพรไทยนั้น โดยเฉลี่ยจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1,300 บาทต่อคนต่อเดือน ใช้เวลาประมาณ 8-10 เดือน ก็จะหาย แต่หลังจากหายผู้ป่วยต้องกินยาต่ออีกประมาณ 2 เดือน จึงจะหายสนิทและไม่ต้องกินยาอีก ซึ่งหากเทียบกับการรักษาแผนปัจจุบันมักจะใช้เงินรักษาเป็นแสนบาทสำหรับการผ่าตัด
“ตอนนี้ผมได้ใช้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในส่วนสมุนไพรหมอเณร เปิดเป็นศูนย์รักษาโรคหัวใจแล้ว และจะพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้ได้มาตรฐานมากขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยที่จะเดินทางมาเข้ารับการรักษา รวมทั้งจะพัฒนายาสมุนไพรรักษาโรคหัวใจตัวนี้ให้เป็นระดับชาติและก้าวไปสู่ระดับสากลต่อไป แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย เนื่องจากผู้ป่วยสามารถรักษาให้หายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เสียค่าใช้จ่ายน้อยและไม่มีผลข้างเคียง” นายชัยรัตน์อธิบาย
และเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา หมอเณรได้เปิดเว็บไซต์ www.mornains.com เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ทั่วโลกได้รับทราบถึงความสำเร็จของสมุนไพรไทย โดยมีข้อมูลของผู้ป่วยนับ 100 ราย ที่เข้ามารับการรักษาโรคต่างๆ และหายสนิท รวมทั้งข้อมูลการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน และการตรวจยืนยันผลว่าหายจากอาการป่วยแล้ว
ทีนี้ ก็มาถึงความคิดเห็นของบรรดาผู้ป่วยที่รับการรักษาจากหมอเณรกันบ้างว่าเป็นอย่างไร
บุญปลิว ผลมานะ อายุ 51 ปีชาวปราจีนบุรี 1 ในจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ บอกว่าป่วยด้วยอาการปวดที่หัวใจ มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยอ่อน หัวใจเต้นผิดปกติไปตรวจรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ แพทย์พบว่าหัวใจโต การเต้นของหัวใจเต้น 220-250 ครั้งต่อนาที รักษาตามโรงพยาบาลหลายแห่งอยู่ประมาณ 5 ปี อาการไม่ดีขึ้น พอมารักษาด้วยสมุนไพรกับหมอเณ หลังจากกินยาสร้างภูมิได้ระยะหนึ่ง และรักษาต่อเนื่อง โดยกินยารักษาเฉพาะโรคมาเป็นเวลา 5 เดือนทุกอย่างก็หายป่วยเป็นปกติ สุขภาพแข็งแรง หัวใจที่เคยปวดได้หาย พอไปตรวจผลที่โรงพยาบาล ผลปรากฏว่าเป็นปกติ ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลก็ยังรู้สึกงงกับอาการของตนว่าอาการดีขึ้นได้อย่างไร
“ถ้ารัฐบาลให้การสนับสนุน ส่งเสริมยาสมุนไพรที่เป็นภูมิปัญญาคนไทยอย่างจริงจัง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมาก เพราะผู้ป่วยทุกระดับสามารถเลือกที่จะรักษาได้ ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายน้อยมาก”
ด้านนิกรม ไชยนันท์ อายุ 63 ปี ชาวกทม.ผู้ป่วยเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบถึง 4 เส้น มีอาการแน่นหน้าอก เริ่มรักษาทางแพทย์ปัจจุบันมาตั้งแต่ปี 2547 โดยพบว่า เส้นเลือดหัวใจตีบตัน จะทำต้องทำบายพาสเส้นเลือดหัวใจใหม่ แต่เมื่อมาหันมาลองรักษาด้วยตัวยาที่ปรุงขึ้นจากสมุนไพรไทยอาการได้ดีขึ้น
“ผมอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะยาสมุนไพรไทยอย่างจริงจัง เพราะมันได้ผล นี่ถ้าผมไม่ได้กินยาของหมอสมุนไพรชัยรัตน์ ต้องแย่แน่ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูหลักฐานทางการแพทย์ทั้งก่อนและหลังเข้ารักษาด้วยยาสมุนไพรที่หมอสมุนไพรชัยรัตน์ได้”นิกรมสรุป