กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนให้ระวังการรับประทานอาหารแปลก เสี่ยง “อาหารเป็นพิษ” พบชาวศรีสะเกษนำเมล็ดมันแกวมาต้มกิน ทำให้อาเจียน ท้องร่วง เสียชีวิต 1 ราย กินมากมีพิษกระตุ้นระบบหายใจ กดการหายใจ ชัก อาจเสียชีวิตได้ ขณะที่นักเรียนพิจิตร กินเมล็ดฝิ่นต้น อาเจียน ปวดศีรษะ มึนงง รุนแรงถึงขั้นเป็นอัมพาต
นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา กลุ่มงานเฝ้าระวังสอบสวนทางระบาด สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ ว่าพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเมล็ดมันแกวต้ม และเมล็ดฝิ่นต้น มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ด้วยความห่วงใยจึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการรับประทานอาหารด้วย
สำนักงานสาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ รายงานว่า มีผู้ป่วยอาเจียน ถ่ายเหลวเป็นน้ำ 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยเป็นชาวบ้าน หมู่ 10 ต.โนนเพ็ก อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ผลการสอบสวนโรค พบว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ได้เก็บเมล็ดมันแกวที่ปลูกบริเวณบ้าน นำมาต้มประมาณ 10-15 นาที และรับประทานในช่วงค่ำ จากนั้น 4-5 ชั่วโมง เริ่มมีอาการอาเจียน ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ใด อาการทุเลาเอง
ส่วนผู้ที่เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุ อายุ 93 ปี เพศชาย มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำอย่างเดียว ไม่ได้เข้ารับการรักษาและเสียชีวิต สำหรับมันแกวเป็นไม้เถาเลื้อย ใบคล้ายใบถั่ว ส่วนที่นำมารับประทาน คือ หัว (ราก) ซึ่งจะอวบ หัวมีขนาดแตกต่างตามชนิดพันธุ์ ส่วนที่เป็นเมล็ดมีสีน้ำตาลหรือแดง ลักษณะจตุรัสแบนๆ ซึ่งในเมล็ดมีสารพิษที่ชื่อว่า Routinone หากนำมารับประทาน จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ้ารับประทานมากจะกระตุ้นระบบหายใจ ต่อมากดการหายใจ ชัก อาจเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเมล็ดฝิ่นต้น จังหวัดพิจิตร พบผู้ป่วยเป็นนักเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมือง จำนวน 5 ราย เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลพิจิตร ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการอาเจียน ปวดศีรษะ หลังจากรับประทานเมล็ดฝิ่นต้น ทุกรายมีอาการดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ จากการสอบสวนพบว่า มีเพื่อนนักเรียนในกลุ่มเก็บลูกฝิ่นต้นมาจากบริเวณข้างทางของบ้านท่ามะไฟ ต.ป่ามะคาบ อ.เมือง จ.พิจิตร จำนวน 4 ลูก มาลองรับประทาน หลังรับประทานประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มมีอาการมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ได้เก็บตัวอย่างอาเจียนของผู้ป่วย จำนวน 5 ตัวอย่าง ส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เก็บต้นฝิ่นต้น 1 ต้น ส่งตรวจที่กองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาสารพิษ
สำหรับ “ฝิ่นต้น” หรือ มะละกอฝรั่ง ภาคเหนือ เรียกว่า ต้นมะหุ่งแดง นำมาใช้ประโยชน์ คือ เปลือกปรุงรับประทาน แก้อาการท้องร่วง แก้อาเจียน ในส่วนที่เป็นโทษ คือ น้ำยางถูกผิวหนังจะระคายเคือง บวมแดงแสบร้อน ในเมล็ดมีสารพิษชื่อว่า Calcium Oxalate รับประทานทำให้กระเพาะอักเสบ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจมีอาการชาตามแขนขาอาจเป็นอัมพาต
นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา กลุ่มงานเฝ้าระวังสอบสวนทางระบาด สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ ว่าพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเมล็ดมันแกวต้ม และเมล็ดฝิ่นต้น มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ด้วยความห่วงใยจึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการรับประทานอาหารด้วย
สำนักงานสาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ รายงานว่า มีผู้ป่วยอาเจียน ถ่ายเหลวเป็นน้ำ 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยเป็นชาวบ้าน หมู่ 10 ต.โนนเพ็ก อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ผลการสอบสวนโรค พบว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ได้เก็บเมล็ดมันแกวที่ปลูกบริเวณบ้าน นำมาต้มประมาณ 10-15 นาที และรับประทานในช่วงค่ำ จากนั้น 4-5 ชั่วโมง เริ่มมีอาการอาเจียน ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ใด อาการทุเลาเอง
ส่วนผู้ที่เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุ อายุ 93 ปี เพศชาย มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำอย่างเดียว ไม่ได้เข้ารับการรักษาและเสียชีวิต สำหรับมันแกวเป็นไม้เถาเลื้อย ใบคล้ายใบถั่ว ส่วนที่นำมารับประทาน คือ หัว (ราก) ซึ่งจะอวบ หัวมีขนาดแตกต่างตามชนิดพันธุ์ ส่วนที่เป็นเมล็ดมีสีน้ำตาลหรือแดง ลักษณะจตุรัสแบนๆ ซึ่งในเมล็ดมีสารพิษที่ชื่อว่า Routinone หากนำมารับประทาน จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ้ารับประทานมากจะกระตุ้นระบบหายใจ ต่อมากดการหายใจ ชัก อาจเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเมล็ดฝิ่นต้น จังหวัดพิจิตร พบผู้ป่วยเป็นนักเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมือง จำนวน 5 ราย เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลพิจิตร ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการอาเจียน ปวดศีรษะ หลังจากรับประทานเมล็ดฝิ่นต้น ทุกรายมีอาการดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ จากการสอบสวนพบว่า มีเพื่อนนักเรียนในกลุ่มเก็บลูกฝิ่นต้นมาจากบริเวณข้างทางของบ้านท่ามะไฟ ต.ป่ามะคาบ อ.เมือง จ.พิจิตร จำนวน 4 ลูก มาลองรับประทาน หลังรับประทานประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มมีอาการมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ได้เก็บตัวอย่างอาเจียนของผู้ป่วย จำนวน 5 ตัวอย่าง ส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เก็บต้นฝิ่นต้น 1 ต้น ส่งตรวจที่กองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาสารพิษ
สำหรับ “ฝิ่นต้น” หรือ มะละกอฝรั่ง ภาคเหนือ เรียกว่า ต้นมะหุ่งแดง นำมาใช้ประโยชน์ คือ เปลือกปรุงรับประทาน แก้อาการท้องร่วง แก้อาเจียน ในส่วนที่เป็นโทษ คือ น้ำยางถูกผิวหนังจะระคายเคือง บวมแดงแสบร้อน ในเมล็ดมีสารพิษชื่อว่า Calcium Oxalate รับประทานทำให้กระเพาะอักเสบ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจมีอาการชาตามแขนขาอาจเป็นอัมพาต