xs
xsm
sm
md
lg

15 ปีทุ่งใหญ่นเรศวร มรดกโลกที่ยังถูกคุกคาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้นไม้สูงใหญ่หนาทึบ กำลังสละร่างอันโรยราเพื่อผลัดใบสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา หลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูแล้งคลุกเคล้ากับการถูกเถาวัลย์พันเป็นเกลียวคลื่น ...กอไผ่หลายพันกอยืนเสียดสีเพื่อบรรเลงเสียงเพลงอันไพเราะแห่งขุนเขา สลับกับเสียงนกร้องประสานเสียงเป็นท่วงทำนองดนตรี และบวกกับรอยเท้าสัตว์ป่าที่หายากนานาชนิด เป็นการบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

บนพื้นที่ กว่า 1ล้าน 6 แสนไร่ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อยู่ในพื้นที่ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ กับ ต.ไล่โว่ จ.กาญจนบุรี เป็นที่บ้านพักอาศัยแหล่งใหญ่ของบรรดาพรรณไม้นานาชนิด รวมทั้งสัตว์ป่าที่หายากในเมืองไทยให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้

ทุ่งใหญ่นเรศวรได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก จากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ในวันที่ 9 ธันวาคม 2534 อันเนื่องมาจากผืนป่าตะวันตกแห่งนี้เป็นแหล่งรวม พันธุกรรมของพืชและสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธ์ เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญหลายสายในประเทศไทย มีป่าไม้นานาชนิด ประกอบกับมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม

ตลอดระยะเวลา 35 ปีของการเป็นเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และ 15 ปีที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ส่วนหนึ่งได้มีความพยายาม ในด้านของการดูแลรักษาและปกป้องพิทักษ์ผืนป่าแห่งนี้ไว้ด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อให้คงอยู่เป็นมรดกของโลกและของประเทศชาติต่อไป

แต่ทว่าปัญหาการคุกคามป่าแห่งนี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อเชื่อวันถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น การคุกคามทุ่งหญ้านเรศวรนั้นมีทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ ส่งผลให้ผืนป่าแห่งนี้ยังไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร และมักจะถูกทำร้ายด้วยน้ำมือของคนในชาติด้วยกันเอง

รตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสลดว่า สภาพป่าในปัจจุบันนี้ มีผู้พยายามที่จะนำผืนป่าแห่งนี้ ซึ่งเป็นมรดกของโลกและของคนในชาติไปเป็นสาธารณสมบัติของตัวเอง เพื่อสร้างประโยชน์แก่พวกพ้อง โดยเฉพาะปัญหาการทำเหมืองแร่และการถือสัมปทานเหมืองแร่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ หรือแม้แต่ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมาที่พยายามจะคุกคามป่าด้วยการร่างนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน มีนโยบายที่จะนำป่าไม้ไปเป็นพื้นฐานการสร้างอำนาจให้แก่ตัวเอง

“ปัญหาการทำเหมืองแร่และการถือสัมปทานเหมืองแร่ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและในพื้นที่ป่าใกล้เคียง ก่อให้เกิดปัญหาต่อการอนุรักษ์พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ อยู่หลายประการ เพราะในช่วงที่มีการประกอบกิจการทำเหมืองแร่สัตว์ป่าได้ถูกคุกคามและได้รับการรบกวนเป็นอย่างหนัก เพราะเส้นทางที่มีการขนแร่นั้นเป็นเส้นทางที่สัตว์ใช้ในการหาอาหารและที่พักอาศัย”

“ในช่วงปี 2548-2549 ได้มีความพยายามของบริษัท โมนิโก้ จำกัด ซึ่งปัจจุบันเป็นเหมืองแร่เหมืองเดียวที่ยังคงถือสัมปทานทำเหมืองแร่บริเวณลุ่มเหมืองพุจือ และจะหมดอายุสัมปทานในปี 2555 พยายามที่จะกลับมาทำเหมืองแร่อีกครั้งภายหลังจากใบอนุญาตพื้นที่ป่าหมดอายุ และบริษัทได้หยุดดำเนินกิจการตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนปัจจุบันทำให้ป่าบริเวณที่มีการหยุดทำเหมืองแร่มีการฟื้นตัวดีขึ้นและมีสภาพความเป็นป่าที่สมบูรณ์ แต่ถ้าเหมืองแร่ดังกล่าวกลับมาทำกิจกรรมเกี่ยวกับเหมืองแร่อีกครั้ง โดยเฉพาะการใช้รถบรรทุกขนแร่ผ่าใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเส้นทางนี้ได้ตัดผ่านห้วยและโป่งสัตว์ป่าที่สำคัญหลายแห่ง

นอกจากจะมีความพยายามที่จะคุกคามป่าในระดับพื้นที่แล้ว ซ้ำร้ายในระดับนโยบายก็ยังคงมีความพยายามที่จะคุกคามป่าอยู่เสมอ เช่นนโยบายของรัฐบาลชุดที่แล้วที่ได้มีโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน จึงมีนโยบายที่จะนำป่าที่เปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่าไปเป็นฐานในการเพิ่มอำนาจให้แก่ตัวเอง”

ทางด้าน “เอิบ เชิงสะอาด” หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ขยายความเพิ่มเติมว่าขณะนี้ทางบริษัทโมนิโก้ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่เป็นผู้ถือสัมปทานการขุดแร่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ได้มีความพยายามยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้เปิดเส้นทางในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยอ้างว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ

“เมื่อเดือนมิถุนายน ได้มีการนำประกาศของกรมอุทยานฯปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน-30 พฤศจิกายน 2549 เพื่อฟื้นฟูสภาพป่า และสัตว์ป่า เหมือนกับที่เคยทำมาทุกๆปี แต่ทางเหมืองโมนิโก้ได้นำเรื่องประกาศปิดเส้นทางฯ ฟ้องต่อศาลปกครอง โดยอ้างว่าเส้นทางที่ปิดเป็นเส้นทางสาธารณะทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ไม่มีสิทธิในการสั่งปิด ขณะนี้การดำเนินคดียังอยู่ในขั้นการพิจารณาของศาลอยู่”

“เมื่อไรก็ตามที่ถนนเส้นนี้ได้รับการเปิดเป็นถนนสาธารณะ ก็จะมีการใช้รถบรรทุกขนแร่ผ่านเส้นทางที่สัตว์ป่าใช้เป็นแหล่งอาหาร ผ่านห้วยและโป่งที่สำคัญหลายแห่ง เช่นห้วยดงวี่ ห้วยเซซาโว่ ห้วยแม่กระสะ ฯลฯ โป่งสัตว์ป่ากว่า 11 แห่ง เช่นโป่งตะเลอะเซอะ โป่งต้นไทร โป่งยิบซับ ซึ่งล้วนแต่เป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าหลายชนิดใช้เป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหารและแหล่งน้ำ และที่สำคัญเส้นทางเส้นนี้ ที่ใช้ในการขนแร่ยังกลายเป็นเส้นทางที่นักล่าสัตว์ใช้เป็นเส้นทางเข้าออกในพื้นที่ได้อย่างสะดวก ทำให้สัตว์ป่าที่กำลังอยู่อย่างเป็นสุขได้รับการรบกวน และอาจจะหนีออกจากป่าไปได้”

นอกจากนี้ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ยังได้บอกเล่าถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าตะวันตกแห่งนี้ด้วยน้ำเสียงที่แช่มชื่นว่า ในปัจจุบันยังคงมีสภาพความเป็นป่าที่สมบูรณ์ 100 % เพราะป่าแห่งนี้เป็นบ้านพักหลังใหญ่ของบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่หายากหลายชนิด ป่าแห่งนี้มีพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพของสัตว์ป่า ทั้งถิ่นอาศัย ที่หลบภัย แหล่งอาหาร แหล่งน้ำ ดินโป่งต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์ป่าอย่างกระทิง

“ในทุ่งใหญ่นเรศวรปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด มีสัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่มากกว่า 69 ชนิด ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่สำคัญของไทย รวม 5 ชนิด และยังมีสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธ์ อย่างสมเสร็จ เก้งหม้อ เสือลาย เสือโคร่ง เสือดำ เป็นต้นและจากการสำรวจพบสัตว์ปีกมากกว่า 490 ชนิดเช่นนกเงือกคอแดง ไก่ฟ้าหลังเทาที่ยังคงอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ พบสัตว์เลื้อยคลานมากกว่า 40 ชนิด และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมากกว่า 80 ชนิด สาเหตุที่ผืนป่าแห่งนี้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพราะมีแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะแก่การดำรงชีพของสัตว์ป่า และสัตว์ที่พบมากที่สุดคือ กระทิง เพราะในป่ามีดินโป่งที่เป็นอาหารของสัตว์ประเภทนี้เป็นจำนวนมาก”

สิ่งที่สามารถพิสูจน์และยืนยันได้ว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงมีความสมบูรณ์ดีอยู่ คือการพบรอยเท้าสัตว์ป่าที่หายากในเมืองไทยหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าเสือโคร่งที่ทิ้งรอยเท้าไว้ระหว่างที่ออกมาล่าเหยื่อที่ตัวเล็กกว่ากินเป็นอาหาร รอยเท้าเก้งที่ได้ประทับไว้บนพื้นดินที่ชุ่มชื่นปรากฏให้เห็นชัดเจน รวมทั้งบริเวณดินโป่งซึ่งเป็นแหล่งอาหารอันโอชะรสเยี่ยมของพวกกระทิงที่มีสัญชาตญาณที่รับรู้ว่ามีอาหารใดที่เหมาะกับมันได้อีกนอกจากหญ้า ก็จะยังคงทิ้งรอยเท้าไว้ให้ดูเป็นที่ระลึกได้เสมอว่าผืนป่าแห่งนี้พวกมันคือเจ้าของ เหมือนกับเป็นการบอกได้ว่าป่าแห่งนี้ยังมีอาหารที่เหมาะกับพวกสัตว์ป่าอยู่

หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าบอกด้วยว่า ในบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ นอกจากจะมีสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีทรัพยากรป่าไม้หลายชนิดที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์ เพราะบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมีความแตกต่างจากสังคมพืชบริเวณอื่นๆของประเทศไทย มีสภาพอากาศหลายลักษณะมาบรรจบกัน ทำให้มีพืชพรรณธรรมชาติสลับผลัดเปลี่ยนกันขึ้นหลายชนิด

“ในทุ่งหญ้านเรศวรมีป่าไม้หลายชนิด โดยเฉพาะป่าเบญจพรรณเป็นไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งขึ้นครอบคลุมพื้นที่บริเวณป่าประมาณ 1,484 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณร้อยละ 46.38 ของพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ที่เหลือนอกนั้นก็จะมีป่าดิบ ป่าเต็งรัง ป่าทุ่งและทุ่งหญ้า ขึ้นแซมอยู่แต่ละพื้นที่เพื่อเป็นการสร้างสีสันให้ป่านี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น รวมทั้งต้นไผ่นานาชนิดที่ขึ้นอยู่ตลอดเกือบทั่วทั้งป่า เพราะทุ่งหญ้านเรศวรนั้นถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งไผ่”

นอกจากนี้ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์คือ ป่าประเภทป่าทุ่งและทุ่งหญ้านั้นจะพบได้มากที่สุดที่ทุ่งใหญ่นเรศวรแห่งเดียวเท่านั้น จึงเป็นที่มาของการได้รับขนานนามว่าเป็นทุ่งใหญ่นเรศวร

“ป่าทุ่งและทุ่งหญ้าที่สังคมป่าทุ่งมีต้นไม้ขนาดใหญ่กว่าขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป ต้นไม่มีลักษณะเป็นพุ่มเรือนยอดกว้าง กิ่งลำต้นมักคดงอ อาจเป็นเพราะความร้อนจากการเกิดไฟป่าและปัจจัยอื่นๆ ซึ่งป่าประเภทนี้พบได้เฉพาะในเขตทุ่งใหญ่นเรศวรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น”

..ในวาระครบรอบ 15 ปีการเป็นมรดกโลกของทุ่งใหญ่นเรศวร และห้วยขาแข้ง ภารกิจในการปกป้องสาธารณสมบัติของชาติคงไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องเป็นหน้าที่ของคนทั้งชาติที่จะต้องร่วมใจกัน เพราะ “ป่าคือชีวิต น้ำคือสายเลือด” ถ้าเราขาดป่าก็เท่ากับเราตัดสายเลือดและชีวิตของตัวเองให้ขาดไปด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น