สธ.ไทย-กัมพูชา ร่วมมือแก้ปัญหาสาธารณสุขตามแนวชายแดน สรุปผลความร่วมมือในรอบ 5 ปี โรคมาลาเรีย โรคเอดส์ มีแนวโน้มลดลง อัตราการเสียชีวิตชาวกัมพูชาจากมาลาเรียลดลงมาก มีผู้ป่วยหนักส่งเข้ามารักษาในไทยที่จังหวัดสุรินทร์ประมาณปีละ 1,500 ราย ปราบยาปลอมสำเร็จ
วันนี้ (15 พ.ย.) นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.กิตติศักดิ์ กลับดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและคณะเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมหารือกับนายนุต โสคม (Mr.Nuth Sokhom) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา เพื่อปรึกษาหารือแนวทางพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขไทย-กัมพูชา แก้ไขปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่รอยต่อ และการพัฒนาบุคลากรตามโครงการความร่วมมือการพัฒนาสาธารณสุขไทย-กัมพูชา และได้เยี่ยมชมโรงพยาบาลมิตรภาพขะแม-โซเวียต (Khmer-Soviet Friendship Hospital) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ เพื่อดูระบบบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
นพ.มงคล กล่าวว่า ไทยและกัมพูชามีความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุขมาตั้งแต่พ.ศ. 2534 โดยเฉพาะการแก้ปัญหาตามแนวชายแดน ซึ่งประชาชนมีการติดต่อกันมาก เป็นจุดเสี่ยงทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะโรคเอดส์ วัณโรค โรคมาลาเรีย รวมทั้งการควบคุมปัญหายาปลอม โดยมีจุดความร่วมมือระดับจังหวัด 7 จังหวัดของไทย ได้แก่ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราดรวม 19 อำเภอ ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก จากการติดตามประเมินผลพบว่ายาปลอมที่มีตามชายแดนที่เคยพบส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะขณะนี้ปัญหาหมดไป ส่วนโรคมาลาเรียพบว่าลดอัตราตายของชาวกัมพูชาลงได้มาก เนื่องจากมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการหนักมารักษาที่ไทย เช่นที่ด้านจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา มีการส่งมารักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ประมาณปีละ 1,500 ราย
ด้านจังหวัดตราด ที่อำเภอคลองใหญ่ อยู่ตรงข้ามจังหวัดเกาะกง ได้จัดหน่วยมาลาเรียเคลื่อนที่ร่วมกัน ทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงจากที่เคยพบปีละนับพันราย ขณะนี้เหลือพบปีละ 152 ราย เป็นไทย 130 ราย ที่เหลือเป็นกัมพูชา และยังพบชาวกัมพูชาที่เข้ามาใช้แรงงานในจังหวัดตราดติดเชื้อเอดส์ 278 ราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 60 ได้ยาต้านไวรัส นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือที่จะพัฒนาคลินิกกามโรคขึ้นที่สถานีอนามัยอันดองตึก จังหวัดเกาะกง ใช้งบประมาณ 600,000 บาท คาดว่าจะให้บริการด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ในปีหน้านี้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันเอดส์โลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดชายแดนไทย ร่วมกับฝั่งกัมพูชาจัดรณรงค์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังตกลงร่วมกันที่ไทยจะสนับสนุนการสร้างสถานีอนามัย 1 แห่ง ที่จังหวัดเกาะกง และเป็นภาคีร่วมกันในเครือข่ายสุขภาพระดับอนุภูมิภาคหลายเครือข่าย เช่น เครือข่ายเฝ้าระวังโรคลุ่มแม่น้ำโขง เครือข่ายวิจัยโรคไข้หวัดนก และเครือข่ายการพัฒนากำลังคน เป็นต้น
วันนี้ (15 พ.ย.) นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.กิตติศักดิ์ กลับดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและคณะเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมหารือกับนายนุต โสคม (Mr.Nuth Sokhom) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา เพื่อปรึกษาหารือแนวทางพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขไทย-กัมพูชา แก้ไขปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่รอยต่อ และการพัฒนาบุคลากรตามโครงการความร่วมมือการพัฒนาสาธารณสุขไทย-กัมพูชา และได้เยี่ยมชมโรงพยาบาลมิตรภาพขะแม-โซเวียต (Khmer-Soviet Friendship Hospital) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ เพื่อดูระบบบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
นพ.มงคล กล่าวว่า ไทยและกัมพูชามีความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุขมาตั้งแต่พ.ศ. 2534 โดยเฉพาะการแก้ปัญหาตามแนวชายแดน ซึ่งประชาชนมีการติดต่อกันมาก เป็นจุดเสี่ยงทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะโรคเอดส์ วัณโรค โรคมาลาเรีย รวมทั้งการควบคุมปัญหายาปลอม โดยมีจุดความร่วมมือระดับจังหวัด 7 จังหวัดของไทย ได้แก่ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราดรวม 19 อำเภอ ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก จากการติดตามประเมินผลพบว่ายาปลอมที่มีตามชายแดนที่เคยพบส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะขณะนี้ปัญหาหมดไป ส่วนโรคมาลาเรียพบว่าลดอัตราตายของชาวกัมพูชาลงได้มาก เนื่องจากมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการหนักมารักษาที่ไทย เช่นที่ด้านจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา มีการส่งมารักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ประมาณปีละ 1,500 ราย
ด้านจังหวัดตราด ที่อำเภอคลองใหญ่ อยู่ตรงข้ามจังหวัดเกาะกง ได้จัดหน่วยมาลาเรียเคลื่อนที่ร่วมกัน ทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงจากที่เคยพบปีละนับพันราย ขณะนี้เหลือพบปีละ 152 ราย เป็นไทย 130 ราย ที่เหลือเป็นกัมพูชา และยังพบชาวกัมพูชาที่เข้ามาใช้แรงงานในจังหวัดตราดติดเชื้อเอดส์ 278 ราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 60 ได้ยาต้านไวรัส นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือที่จะพัฒนาคลินิกกามโรคขึ้นที่สถานีอนามัยอันดองตึก จังหวัดเกาะกง ใช้งบประมาณ 600,000 บาท คาดว่าจะให้บริการด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ในปีหน้านี้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันเอดส์โลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดชายแดนไทย ร่วมกับฝั่งกัมพูชาจัดรณรงค์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังตกลงร่วมกันที่ไทยจะสนับสนุนการสร้างสถานีอนามัย 1 แห่ง ที่จังหวัดเกาะกง และเป็นภาคีร่วมกันในเครือข่ายสุขภาพระดับอนุภูมิภาคหลายเครือข่าย เช่น เครือข่ายเฝ้าระวังโรคลุ่มแม่น้ำโขง เครือข่ายวิจัยโรคไข้หวัดนก และเครือข่ายการพัฒนากำลังคน เป็นต้น