“หมอเพ็ญนภา” มั่นใจถูกกลั่นแกล้ง 10,000% ก้มหน้ายอมรับ พร้อมตั้งกลุ่มรักษ์กระทรวงสาธารณสุข ช่วยเหลือข้าราชการถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม เร่ง สธ.ทำความสะอาดกระทรวงให้โปร่งใส ไม่เลือกกลุ่มพวกพ้อง เป็นธรรมไม่ลำเอียง ฟันธงการโยกย้ายครั้งนี้กระเทือนวงการแพทย์แผนไทย

เมื่อเวลา 15.00 วันนี้ (6 พ.ย.) พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ปราชญ์ บุญวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามหนังสือที่ สธ. 0201.036/1119 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนิเทศก์ โดยใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงนั้น
พญ.เพ็ญนภา กล่าวภายหลังการเข้าพบ รมว.สธ.ด้วยดวงตาแดงกล่ำ ว่า รัฐมนตรีบอกว่าการโยกย้ายเป็นไปตามระบบราชการ ซึ่งงานราชการก็เป็นแบบนี้ โดยท่านได้ให้ข้อคิดว่า ข้าราชการจะต้องไม่ยึดติด หากผู้บังคับบัญชามองว่าเราเหมาะสมจุดใด ก็จะต้องอยู่ตรงนั้น ตนจึงต้องทำใจยอมรับและปฏิบัติไปตามนั้น อย่างไรก็ดี ตนมองว่า การโยกย้ายครั้งนี้จะทำให้งานพัฒนาการแพทย์แผนไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก
“ดิฉันเชื่อว่า การโยกย้ายจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองหมื่นเปอร์เซ็นต์ ขณะนี้ความสมานฉันท์ในกระทรวงไม่มีอยู่แล้ว อย่างกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้น ดิฉันไม่เห็นด้วย เพราะตั้งคณะกรรมการสอบจะเป็นการยื่นดาบให้ต่อสู้กันเองจนไม่มีใครเหลือเลย และเมื่อถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเล่นการเมืองก็คงต้องเล่น แต่หากจะทำให้เกิดความสมานฉันท์ ไม่ใช่ใครจะอยู่กลุ่มไหนก็มีแต่ทุกข์ ทุกกลุ่มจะต้องมีความสุข หรือหากทำงานแล้วได้ดีจะต้องมีผลงาน ไม่ใช่เหมือนโจรที่ปล้นเข้ามา ได้ผลงานแล้วถีบหัวส่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างนี้มานานจึงกำลังจะล่มสลาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ พญ.เพ็ญนภา กล่าวว่า คงจะต้องเข้ารับงานในตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ โดยเชื่อมโยงงานด้านแพทย์แผนไทยในพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่จะทำเป็นอันดับแรก คือ การตั้งกลุ่มรักษ์กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ที่ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม โดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ดึงผู้ที่หัวใจแตกสลาย เพราะถูกกลั่นแกล้ง ได้รับความไม่เป็นธรรม ให้ตั้งสติ สมาธิ ลด ละ เลิก กิเลส นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เข้าสู่ธรรมะ
จากนั้นปัญญาจึงเกิดแล้วช่วยกันแก้ปัญหา โดยจะเปิดเว็บไซต์ให้ร้องเรียน พร้อมทั้งจะเขียนพ็อกเกตบุ๊คชีวิตระทม ชีวิตข้าราชการไทย เพื่อแฉชีวิตในระบบราชการ โดยมีนักกฎหมายคอยกรองความถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีถูกฟ้องร้อง ส่วนเป้าหมายสูงสุดของชมรม คือ การดูแลสุขภาพของประชาชนโดยไม่เอาใจนักการเมือง หรือผู้บังคับบัญชา แต่จะต้องเอาใจประชาชน
“กระทรวงสาธารณสุข มีอุจจาระอยู่ 3 ก้อน เป็นถุงดำๆ มืดๆ ที่ไม่มีความชัดเจน เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ โดย 2 ถุงเป็นของคนอื่น อีกถุงหนึ่งเป็นของตัวเอง เหมือนที่เข้าว่า “อุจจาระคนอื่นเหม็นแสนเหลือทน อุจจาราตนเหม็นไม่เป็นไร” ดังนั้น หากจะทำความสะอาดคณะทำงานชุดนี้ ซึ่งได้รับความไว้วางใจ จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติให้เข้ามาทำงานสร้างความสมานฉันท์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสก็ควรจะจัดการอุจจาระ 3 ถุงนี้ด้วย ความเป็นธรรมไม่ลำเอียง ไม่ใช่กลุ่มนี้ถูกกำจัด แล้วพกความคับแค้นไปด้วยทำให้กระทรวงไม่สงบ” พญ.เพ็ญนภา กล่าวและว่า หากเช็ดทำความสะอาดพื้นผ้าที่เช็ดก็จะต้องสะอาดด้วยไม่เช่นนั้นพื้นก็ไม่มีทางสะอาดได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พญ.เพ็ญนภา กล่าวว่า ขอดูก่อน ถ้าเสียสิทธิคงจะต้องมีการร้องเรียนอย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 15.00 วันนี้ (6 พ.ย.) พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ปราชญ์ บุญวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามหนังสือที่ สธ. 0201.036/1119 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนิเทศก์ โดยใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงนั้น
พญ.เพ็ญนภา กล่าวภายหลังการเข้าพบ รมว.สธ.ด้วยดวงตาแดงกล่ำ ว่า รัฐมนตรีบอกว่าการโยกย้ายเป็นไปตามระบบราชการ ซึ่งงานราชการก็เป็นแบบนี้ โดยท่านได้ให้ข้อคิดว่า ข้าราชการจะต้องไม่ยึดติด หากผู้บังคับบัญชามองว่าเราเหมาะสมจุดใด ก็จะต้องอยู่ตรงนั้น ตนจึงต้องทำใจยอมรับและปฏิบัติไปตามนั้น อย่างไรก็ดี ตนมองว่า การโยกย้ายครั้งนี้จะทำให้งานพัฒนาการแพทย์แผนไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก
“ดิฉันเชื่อว่า การโยกย้ายจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองหมื่นเปอร์เซ็นต์ ขณะนี้ความสมานฉันท์ในกระทรวงไม่มีอยู่แล้ว อย่างกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้น ดิฉันไม่เห็นด้วย เพราะตั้งคณะกรรมการสอบจะเป็นการยื่นดาบให้ต่อสู้กันเองจนไม่มีใครเหลือเลย และเมื่อถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเล่นการเมืองก็คงต้องเล่น แต่หากจะทำให้เกิดความสมานฉันท์ ไม่ใช่ใครจะอยู่กลุ่มไหนก็มีแต่ทุกข์ ทุกกลุ่มจะต้องมีความสุข หรือหากทำงานแล้วได้ดีจะต้องมีผลงาน ไม่ใช่เหมือนโจรที่ปล้นเข้ามา ได้ผลงานแล้วถีบหัวส่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างนี้มานานจึงกำลังจะล่มสลาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ พญ.เพ็ญนภา กล่าวว่า คงจะต้องเข้ารับงานในตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ โดยเชื่อมโยงงานด้านแพทย์แผนไทยในพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่จะทำเป็นอันดับแรก คือ การตั้งกลุ่มรักษ์กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ที่ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม โดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ดึงผู้ที่หัวใจแตกสลาย เพราะถูกกลั่นแกล้ง ได้รับความไม่เป็นธรรม ให้ตั้งสติ สมาธิ ลด ละ เลิก กิเลส นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เข้าสู่ธรรมะ
จากนั้นปัญญาจึงเกิดแล้วช่วยกันแก้ปัญหา โดยจะเปิดเว็บไซต์ให้ร้องเรียน พร้อมทั้งจะเขียนพ็อกเกตบุ๊คชีวิตระทม ชีวิตข้าราชการไทย เพื่อแฉชีวิตในระบบราชการ โดยมีนักกฎหมายคอยกรองความถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีถูกฟ้องร้อง ส่วนเป้าหมายสูงสุดของชมรม คือ การดูแลสุขภาพของประชาชนโดยไม่เอาใจนักการเมือง หรือผู้บังคับบัญชา แต่จะต้องเอาใจประชาชน
“กระทรวงสาธารณสุข มีอุจจาระอยู่ 3 ก้อน เป็นถุงดำๆ มืดๆ ที่ไม่มีความชัดเจน เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ โดย 2 ถุงเป็นของคนอื่น อีกถุงหนึ่งเป็นของตัวเอง เหมือนที่เข้าว่า “อุจจาระคนอื่นเหม็นแสนเหลือทน อุจจาราตนเหม็นไม่เป็นไร” ดังนั้น หากจะทำความสะอาดคณะทำงานชุดนี้ ซึ่งได้รับความไว้วางใจ จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติให้เข้ามาทำงานสร้างความสมานฉันท์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสก็ควรจะจัดการอุจจาระ 3 ถุงนี้ด้วย ความเป็นธรรมไม่ลำเอียง ไม่ใช่กลุ่มนี้ถูกกำจัด แล้วพกความคับแค้นไปด้วยทำให้กระทรวงไม่สงบ” พญ.เพ็ญนภา กล่าวและว่า หากเช็ดทำความสะอาดพื้นผ้าที่เช็ดก็จะต้องสะอาดด้วยไม่เช่นนั้นพื้นก็ไม่มีทางสะอาดได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พญ.เพ็ญนภา กล่าวว่า ขอดูก่อน ถ้าเสียสิทธิคงจะต้องมีการร้องเรียนอย่างแน่นอน