กรมทรัพยากรธรณี เผย แผ่นดินไหวที่ จ.ประจวบฯ วานนี้ (8 ต.ค.) เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนตะนาวศรี อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 40 กม.คาดอาจเกิดแผ่นดินไหวตามมาได้อีก แนะประชาชนในพื้นที่ระมัดระวังเตรียมการป้องกันตนเองไว้ กรณีที่ไม่มั่นใจว่าจะเกิดสึนามิหรือไม่ ให้ออกไกลจากชายฝั่งก่อนเพื่อความปลอดภัย
น.ส.สมคิด บัวเพ็ง รักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) และนายทศพร นุชอนงค์ ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม แถลงชี้แจงข้อมูลกรณีเกิดแผ่นดินไหว ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้ง ขนาด 5.6 และ 4.5 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 04.12 น.และเวลา 07.18 น.พื้นที่ที่รับแรงสั่นสะเทือน คือ ที่ จ.ประจวบฯ เพชรบุรี และ ราชบุรี โดยเฉพาะบริเวณ อ.หัวหิน กิ่ง อ.เขาสามร้อยยอด อ.กุยบุรี อ.ปราณบุรี อ.เมือง จ.ประจวบฯ อ.ชะอำ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ความรุนแรง คือ เตียงนอนสั่นนานจนตกใจตื่น ผนังบ้านร้าว บ้านเรือนบางส่วนเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่กระทบโครงสร้างหลัก และก่อนหน้านี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวในบริเวณเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 27 และ 28 กันยายน ความรุนแรง 3.4-4.8 ริกเตอร์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการเกิดแผ่นดินไหวทั้ง 7 ครั้ง กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งว่า แผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่ที่สหภาพพม่า ซึ่งประเมินได้ว่า เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนตะนาวศรี ที่วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือถึงตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 40 กม.ซึ่งจากการติดตามความเคลื่อนไหว พบว่า รอยเลื่อนดังกล่าวยังคงมีพลังงานสะสม และสามารถเกิดแผ่นดินไหวตามมาได้อีก จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังเตรียมการป้องกันตนเองไว้ด้วย เช่น การเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภคยารักษาโรค หากเกิดแผ่นดินไหว ต้องปิดแก๊สเพื่อหลีกเลี่ยงอัคคีภัย และหลบจากสิ่งของที่จะตกลงมาจากที่สูงได้ กรณีที่ไม่มั่นใจว่าจะเกิดสึนามิหรือไม่ ให้ออกไกลจากชายฝั่งก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นบนบก จึงไม่ทำให้เกิดสึนามิ
“จากสถิติตั้งแต่ปี 2455 เกิดแผ่นดินไหวที่รู้สึกได้ในประเทศไทยประมาณ 200 ครั้ง เป็นขนาดเล็กถึงปานกลาง หรือ 3-5 ริกเตอร์ แต่มีข้อสังเกตว่า ระยะหลังแผ่นดินไหวเกิดบ่อยขึ้น เข้าใจว่าเปลือกโลกอาจมีการปรับตัวมากขึ้น แต่อีกทางหนึ่งก็เป็นไปได้ว่าในอดีตไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยเพียงพอวัดแรงสั่นสะเทือนได้เช่นปัจจุบัน ส่วนจะส่งผลกระทบทำให้ดินถล่มหรือไม่ ก็ควรเฝ้าระวังการเกิดหลุมยุบ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นหินปูน ซึ่งอาจมีโพรงอากาศอยู่ด้านใน” นายทศพร กล่าว
นายทศพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ส่งนักธรณีวิทยาเข้าตรวจสอบพื้นที่แล้ว เพื่อประเมินความรุนแรงและผลกระทบ รวมทั้งวิเคราะห์ว่า การเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนตะนาวศรีจะมีผลกระทบต่อรอยเลื่อนระนอง ซึ่งพาดผ่านประเทศไทยหรือไม่ นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) จะนำคณะเจ้าหน้าที่ลงไปชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
น.ส.สมคิด บัวเพ็ง รักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) และนายทศพร นุชอนงค์ ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม แถลงชี้แจงข้อมูลกรณีเกิดแผ่นดินไหว ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้ง ขนาด 5.6 และ 4.5 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 04.12 น.และเวลา 07.18 น.พื้นที่ที่รับแรงสั่นสะเทือน คือ ที่ จ.ประจวบฯ เพชรบุรี และ ราชบุรี โดยเฉพาะบริเวณ อ.หัวหิน กิ่ง อ.เขาสามร้อยยอด อ.กุยบุรี อ.ปราณบุรี อ.เมือง จ.ประจวบฯ อ.ชะอำ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ความรุนแรง คือ เตียงนอนสั่นนานจนตกใจตื่น ผนังบ้านร้าว บ้านเรือนบางส่วนเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่กระทบโครงสร้างหลัก และก่อนหน้านี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวในบริเวณเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 27 และ 28 กันยายน ความรุนแรง 3.4-4.8 ริกเตอร์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการเกิดแผ่นดินไหวทั้ง 7 ครั้ง กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งว่า แผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่ที่สหภาพพม่า ซึ่งประเมินได้ว่า เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนตะนาวศรี ที่วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือถึงตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 40 กม.ซึ่งจากการติดตามความเคลื่อนไหว พบว่า รอยเลื่อนดังกล่าวยังคงมีพลังงานสะสม และสามารถเกิดแผ่นดินไหวตามมาได้อีก จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังเตรียมการป้องกันตนเองไว้ด้วย เช่น การเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภคยารักษาโรค หากเกิดแผ่นดินไหว ต้องปิดแก๊สเพื่อหลีกเลี่ยงอัคคีภัย และหลบจากสิ่งของที่จะตกลงมาจากที่สูงได้ กรณีที่ไม่มั่นใจว่าจะเกิดสึนามิหรือไม่ ให้ออกไกลจากชายฝั่งก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นบนบก จึงไม่ทำให้เกิดสึนามิ
“จากสถิติตั้งแต่ปี 2455 เกิดแผ่นดินไหวที่รู้สึกได้ในประเทศไทยประมาณ 200 ครั้ง เป็นขนาดเล็กถึงปานกลาง หรือ 3-5 ริกเตอร์ แต่มีข้อสังเกตว่า ระยะหลังแผ่นดินไหวเกิดบ่อยขึ้น เข้าใจว่าเปลือกโลกอาจมีการปรับตัวมากขึ้น แต่อีกทางหนึ่งก็เป็นไปได้ว่าในอดีตไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยเพียงพอวัดแรงสั่นสะเทือนได้เช่นปัจจุบัน ส่วนจะส่งผลกระทบทำให้ดินถล่มหรือไม่ ก็ควรเฝ้าระวังการเกิดหลุมยุบ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นหินปูน ซึ่งอาจมีโพรงอากาศอยู่ด้านใน” นายทศพร กล่าว
นายทศพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ส่งนักธรณีวิทยาเข้าตรวจสอบพื้นที่แล้ว เพื่อประเมินความรุนแรงและผลกระทบ รวมทั้งวิเคราะห์ว่า การเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนตะนาวศรีจะมีผลกระทบต่อรอยเลื่อนระนอง ซึ่งพาดผ่านประเทศไทยหรือไม่ นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) จะนำคณะเจ้าหน้าที่ลงไปชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์