“วิจิตร ศรีสอ้าน” รับหนักใจตำแหน่ง รมว.ศธ.เหตุเวลาน้อย ประกาศเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมเผยนโยบายด้านการศึกษาบางเรื่องอาจจะทำต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่บางเรื่องอาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ด้าน "คุณหญิงไขศรี"รมว.วัฒนธรรมก็หนักใจเช่นกัน เผยจะแจงนโยบายการทำงานหลังถวายสัตย์
นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับการทาบทามจากนายกรัฐมนตรีให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยงานสำคัญที่คิดว่าจะทำลำดับแรก คือ การเดินหน้าการปฏิรูปการศึกษาให้ดำเนินไปตามแนวทางที่กฎหมายวางไว้ แต่ก็รู้สึกหนักใจเหมือนกันที่ต้องเข้ามารับงานในครั้งนี้ เนื่องจากระยะเวลาทำงานน้อยเพียง 1 ปี อาจจะมีปัญหาติดขัดในเงื่อนไขเวลา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะสามารถขับเคลื่อนงานในส่วนต่างๆ ให้ผ่านไปด้วยดี ส่วนนโยบายด้านการศึกษาบางเรื่องอาจจะทำต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่บางเรื่องอาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะเข้าทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิญาณตนเพิ่มเติมว่า จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ โดยเฉพาะการปฏิรูปการเรียนรู้ การบริหารจัดการ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาไทย ซึ่งในระยะ 6-7 ปีที่ผ่านมาในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาพบว่า มีความไม่ต่อเนื่อง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีบ่อย แต่วันนี้เราต้องมาดูเรื่องการศึกษา เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทั้งหมด หากพัฒนาคนไม่ได้แล้วก็คงพัฒนาอะไรไม่ได้
“เรื่องที่เป็นปัญหาหนักๆ จะพิจารณาก่อน เช่น เรื่องการถ่ายโอนโรงเรียน เรื่องอาชีวะศึกษา การศึกษาเอกชนที่ยังไม่เสร็จ” นายวิจิตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีเวลา 1 ปี คิดว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษาได้มากน้อยเพียงใด นายวิจิตร กล่าวว่า ถ้ามองเชิงนโยบายวางแนวทาง วางรากฐานทำให้ระบบเข้มแข็งก็พอจะทำอะไรได้บ้าง แต่ทั้งหมดนี้คงต้องอาศัยการขับเคลื่อนของผู้ปฏิบัติในกระทรวงที่มีอยู่ 600,000-700,000 คน ตนหวังว่าบรรดาผู้บริหาร ครู จะช่วยกันดูแลเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาทุกคนอยากเห็นการศึกษาไทยดีขึ้น
ต่อกรณีมีความเห็นอย่างไรที่มีเสียงเรียกร้องให้แยกกระทรวงเป็นกระทรวงอุดมศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตรกล่าวว่า เรื่องโครงสร้างเพิ่งจะปรับหลอมรวมให้เป็นกระทรวงเดียว เมื่อจะขอแยกเป็นกระทรวงอุดมศึกษาต้องมาดูว่า มีเหตุผลอะไร และส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ ทำให้การบริหารจัดการดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน แก้ปัญหาความไม่คล่องตัวด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อมีข้อเสนอเราต้องมาพิจารณา โดยดูภาพรวมทางการศึกษา
นายวิจิตรกล่าวด้วยว่า ตนจะให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ เพราะตอนที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ตนก็ลงพื้นที่ จึงพอจะมีความเข้าใจพื้นฐานอยู่บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะห่างการทำงานทางการเมืองมา 2 ปีแล้ว คงจะกลับไปดูและจับข้อมูลในเรื่องนี้ให้มากขึ้น ทั้งนี้ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ด้วยว่า สภาพการเป็นอย่างไร การทำงานมีความยากลำบากแค่ไหน และเราจะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เขาทำงานได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการหวยบนดินที่นำมาสนับสนุนการศึกษาจะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายวิจิตร กล่าวว่า ในแง่ที่ทำให้เด็กในชนบทได้รับทุนไปศึกษาเป็นเรื่องที่ดี แต่มีปัญหาว่า เงินมาจากไหน วิธีการได้เงินมาใช้จ่ายถูกต้องหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกัน แต่ตนมองทางการศึกษาว่า ใครมาให้ทุนการศึกษา ให้เด็กชนบทมีโอกาสก็เป็นเรื่องที่ดี
นายวิจิตร ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้ามาเป็นประธานในการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 24 ว่า ต้องดูว่าโครงสร้างด้านกีฬาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีส่วนสำคัญในการจัดการแข่งขัน เพราะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยโลก ซึ่งถือเป็นหน้าตาของประเทศ เราต้องทำให้ดี ตนเป็นห่วงเรื่องนี้และจะหยิบมาดูทันที ทั้งนี้ จะประสานกับนายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
ด้านนายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเกี่ยวกับ ศ.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ว่า ได้คนที่ตรงกับงาน สามารถแก้ปัญหาด้านการศึกษาได้ เนื่องจากมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์สั่งสมมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนงานบางเรื่องไปได้อย่างราบรื่น เพราะมีเวลาในการบริหารน้อยเพียง 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการควรจะลำดับความสำคัญของงานดึงขึ้นมาทำก่อน เช่น การปฏิรูปการเรียนรู้ของเด็กไทยต้องรื้อหลักสูตรใหม่ ให้เด็กสามารถคิดวิเคราะห์เป็น มีทักษะชีวิตในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากในอดีตเด็กเรียนแต่ตำราวิชาการ อยู่แต่ในห้องเรียน นอกจากนี้ ควรสังคายนาในปัญหาต่าง ๆ เสียใหม่ เช่น ปัญหาการถ่ายโอนสถานศึกษา ปัญหาครู เป็นต้น
ส่วนกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการจะบรรจุหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงให้เด็กเรียนนั้น นายสมพงษ์ กล่าวเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเศรษฐกิจพอเพียงจะทำให้เด็กได้เรียนรู้พฤติกรรมทุนสังคมแทนค่านิยมผิด ๆ เหมือนที่ผ่านมาที่ใส่ความเป็นตะวันตกมากเกินไป เชื่อว่าหลักสูตรนี้จะทำให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่ต้องไม่ใช่เรียนเพียงแต่ในตำรา ต้องให้เด็กได้ออกไปกับธรรมชาติของจริง ดึงชุมชนเข้ามาเพื่อให้เด็กซึมซับคุณธรรม จริยธรรมแบบไทยที่เคยขาดหายไป นอกจากนี้ ขอฝากถึงรัฐมนตรีคนใหม่ดูแลปัญหาโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยกำหนดกรอบแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
ขณะที่ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แต่รู้สึกหนักใจกับหน้าที่การงานต่างๆ ที่จะต้องทำต่อไปให้ดีที่สุด สำหรับนโยบายในการทำงานนั้น จะให้สัมภาษณ์รายละเอียดหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ทั้งนี้ คุณหญิงไขศรี ได้แจ้งมายังสำนักรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม ว่าจะเข้ามารับตำแหน่งและเริ่มทำงานในวันที่ 10 ตุลาคม เวลา 09.00 น. โดยเป็นเวลาที่เข้าทำงานธรรมดา ไม่ได้ถือฤกษ์ถือยามอะไรเป็นพิเศษ และไม่ได้แจ้งว่ามีผู้ติดตามมาด้วยหรือไม่ โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักรัฐมนตรีได้เตรียมทำความสะอาดห้องทำงานรัฐมนตรี ตั้งอยู่ชั้น 23 อาคารธนาลงกรณ์ ถนนปิ่นเกล้า ไว้รอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมคนใหม่แล้ว
นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับการทาบทามจากนายกรัฐมนตรีให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยงานสำคัญที่คิดว่าจะทำลำดับแรก คือ การเดินหน้าการปฏิรูปการศึกษาให้ดำเนินไปตามแนวทางที่กฎหมายวางไว้ แต่ก็รู้สึกหนักใจเหมือนกันที่ต้องเข้ามารับงานในครั้งนี้ เนื่องจากระยะเวลาทำงานน้อยเพียง 1 ปี อาจจะมีปัญหาติดขัดในเงื่อนไขเวลา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะสามารถขับเคลื่อนงานในส่วนต่างๆ ให้ผ่านไปด้วยดี ส่วนนโยบายด้านการศึกษาบางเรื่องอาจจะทำต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่บางเรื่องอาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะเข้าทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิญาณตนเพิ่มเติมว่า จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ โดยเฉพาะการปฏิรูปการเรียนรู้ การบริหารจัดการ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาไทย ซึ่งในระยะ 6-7 ปีที่ผ่านมาในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาพบว่า มีความไม่ต่อเนื่อง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีบ่อย แต่วันนี้เราต้องมาดูเรื่องการศึกษา เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทั้งหมด หากพัฒนาคนไม่ได้แล้วก็คงพัฒนาอะไรไม่ได้
“เรื่องที่เป็นปัญหาหนักๆ จะพิจารณาก่อน เช่น เรื่องการถ่ายโอนโรงเรียน เรื่องอาชีวะศึกษา การศึกษาเอกชนที่ยังไม่เสร็จ” นายวิจิตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีเวลา 1 ปี คิดว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษาได้มากน้อยเพียงใด นายวิจิตร กล่าวว่า ถ้ามองเชิงนโยบายวางแนวทาง วางรากฐานทำให้ระบบเข้มแข็งก็พอจะทำอะไรได้บ้าง แต่ทั้งหมดนี้คงต้องอาศัยการขับเคลื่อนของผู้ปฏิบัติในกระทรวงที่มีอยู่ 600,000-700,000 คน ตนหวังว่าบรรดาผู้บริหาร ครู จะช่วยกันดูแลเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาทุกคนอยากเห็นการศึกษาไทยดีขึ้น
ต่อกรณีมีความเห็นอย่างไรที่มีเสียงเรียกร้องให้แยกกระทรวงเป็นกระทรวงอุดมศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตรกล่าวว่า เรื่องโครงสร้างเพิ่งจะปรับหลอมรวมให้เป็นกระทรวงเดียว เมื่อจะขอแยกเป็นกระทรวงอุดมศึกษาต้องมาดูว่า มีเหตุผลอะไร และส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ ทำให้การบริหารจัดการดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน แก้ปัญหาความไม่คล่องตัวด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อมีข้อเสนอเราต้องมาพิจารณา โดยดูภาพรวมทางการศึกษา
นายวิจิตรกล่าวด้วยว่า ตนจะให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ เพราะตอนที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ตนก็ลงพื้นที่ จึงพอจะมีความเข้าใจพื้นฐานอยู่บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะห่างการทำงานทางการเมืองมา 2 ปีแล้ว คงจะกลับไปดูและจับข้อมูลในเรื่องนี้ให้มากขึ้น ทั้งนี้ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ด้วยว่า สภาพการเป็นอย่างไร การทำงานมีความยากลำบากแค่ไหน และเราจะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เขาทำงานได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการหวยบนดินที่นำมาสนับสนุนการศึกษาจะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายวิจิตร กล่าวว่า ในแง่ที่ทำให้เด็กในชนบทได้รับทุนไปศึกษาเป็นเรื่องที่ดี แต่มีปัญหาว่า เงินมาจากไหน วิธีการได้เงินมาใช้จ่ายถูกต้องหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกัน แต่ตนมองทางการศึกษาว่า ใครมาให้ทุนการศึกษา ให้เด็กชนบทมีโอกาสก็เป็นเรื่องที่ดี
นายวิจิตร ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้ามาเป็นประธานในการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 24 ว่า ต้องดูว่าโครงสร้างด้านกีฬาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีส่วนสำคัญในการจัดการแข่งขัน เพราะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยโลก ซึ่งถือเป็นหน้าตาของประเทศ เราต้องทำให้ดี ตนเป็นห่วงเรื่องนี้และจะหยิบมาดูทันที ทั้งนี้ จะประสานกับนายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
ด้านนายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเกี่ยวกับ ศ.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ว่า ได้คนที่ตรงกับงาน สามารถแก้ปัญหาด้านการศึกษาได้ เนื่องจากมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์สั่งสมมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนงานบางเรื่องไปได้อย่างราบรื่น เพราะมีเวลาในการบริหารน้อยเพียง 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการควรจะลำดับความสำคัญของงานดึงขึ้นมาทำก่อน เช่น การปฏิรูปการเรียนรู้ของเด็กไทยต้องรื้อหลักสูตรใหม่ ให้เด็กสามารถคิดวิเคราะห์เป็น มีทักษะชีวิตในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากในอดีตเด็กเรียนแต่ตำราวิชาการ อยู่แต่ในห้องเรียน นอกจากนี้ ควรสังคายนาในปัญหาต่าง ๆ เสียใหม่ เช่น ปัญหาการถ่ายโอนสถานศึกษา ปัญหาครู เป็นต้น
ส่วนกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการจะบรรจุหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงให้เด็กเรียนนั้น นายสมพงษ์ กล่าวเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเศรษฐกิจพอเพียงจะทำให้เด็กได้เรียนรู้พฤติกรรมทุนสังคมแทนค่านิยมผิด ๆ เหมือนที่ผ่านมาที่ใส่ความเป็นตะวันตกมากเกินไป เชื่อว่าหลักสูตรนี้จะทำให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่ต้องไม่ใช่เรียนเพียงแต่ในตำรา ต้องให้เด็กได้ออกไปกับธรรมชาติของจริง ดึงชุมชนเข้ามาเพื่อให้เด็กซึมซับคุณธรรม จริยธรรมแบบไทยที่เคยขาดหายไป นอกจากนี้ ขอฝากถึงรัฐมนตรีคนใหม่ดูแลปัญหาโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยกำหนดกรอบแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
ขณะที่ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แต่รู้สึกหนักใจกับหน้าที่การงานต่างๆ ที่จะต้องทำต่อไปให้ดีที่สุด สำหรับนโยบายในการทำงานนั้น จะให้สัมภาษณ์รายละเอียดหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ทั้งนี้ คุณหญิงไขศรี ได้แจ้งมายังสำนักรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม ว่าจะเข้ามารับตำแหน่งและเริ่มทำงานในวันที่ 10 ตุลาคม เวลา 09.00 น. โดยเป็นเวลาที่เข้าทำงานธรรมดา ไม่ได้ถือฤกษ์ถือยามอะไรเป็นพิเศษ และไม่ได้แจ้งว่ามีผู้ติดตามมาด้วยหรือไม่ โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักรัฐมนตรีได้เตรียมทำความสะอาดห้องทำงานรัฐมนตรี ตั้งอยู่ชั้น 23 อาคารธนาลงกรณ์ ถนนปิ่นเกล้า ไว้รอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมคนใหม่แล้ว