มีคำกล่าวว่า ส่วนหนึ่งของการมีความสุขในชีวิตคือการสุขสมในความรัก บรรทัดนี้คงต้องหมายเหตุไว้สักหน่อยว่า โปรดอย่ามองคำว่าสุขสมในความหมายของเรื่อง sex หรือเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว เพราะมีหลายประการที่จะทำให้เราสุขสมในความรัก ทั้งเรื่องของความคิด ความเข้าใจและทัศนคติ

ในการสัมมนาเรื่อง "สมรรถภาพรักเพื่อคุณภาพชีวิต"ที่รพ.จุฬาลงกรณ์ นพ.พันธุ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ด้านสูติศาสตร์และครอบครัวสัมพันธ์ ระบุว่า คนเราอยู่กันได้ก็ด้วยความรัก ตอนที่หญิง-ชายคิดจะมีครอบครัวเขาทั้งคู่ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ด้วยกันเพื่อมี sex อย่างเดียว แต่อยู่ด้วยกันเพื่อสร้างชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันอันมี sex เป็นส่วนประกอบ ดังนั้น sex จึงเป็นสัมผัสรักที่จับต้องได้ ประสบการณ์ของการเป็นแพทย์มีหลายคู่ที่มีปัญหาความรัก โดยที่ส่วนหนึ่งมีปัญหาเรื่องความไม่สมดุลทางเพศ
“ความสัมพันธ์ทางเพศมีผลต่อสถาบันครอบครัว จากการสำรวจพบว่า 30% ของการหย่าร้างมาจากความไม่สมดุลทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่เคยพูดถึง”
นพ.พันธุ์ศักดิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนใหญ่ปัญหาของความไม่สมดุลทางเพศที่ประสบกันมากคือ ภาวะ ED ที่ย่อมาจาก Erectile Dysfunction หรือ โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งคนไทยเกินครึ่งเป็นโรคนี้ แต่มีคนไข้เพียง 2-3 % เท่านั้นที่มาปรึกษาแพทย์
ทั้งนี้ อาการของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คือความล้มเหลวในการมีเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเกิดอาการนี้ขึ้นแล้วก็จะทำให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจในตนเอง และส่งผลต่อความสามารถและความมั่นใจในการจัดการชีวิตด้านอื่นๆ ผู้ประสบกับปัญหาโรคอีดีจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการแก้ปัญหาโดยตรง
สำหรับแนวทางการป้องกันการเกิดโรค ED นั้น นพ.พันธุ์ศักดิ์ ระบุว่า ต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต ปรับแนวคิดการบำบัดอย่าคิดพึ่งยาอย่างเดียว แต่ต้องแก้ไขพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพร่วมกับการใช้ยาเท่าที่จำเป็น ปรับเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ปรับอาหารให้แค่พอเพียง ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ปรับสภาพจิตใจให้เข้มแข็ง เอื้ออาทร มองโลกในแง่บวก ปรับกิจกรรมให้เน้นการเคลื่อนไหวมากขึ้น ไม่นั่งเฉยๆ
“มีคำแนะนำสั้นๆคือ 1.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 2.ทานอาหารที่มีประโยชน์ 3.ปรับวิถีชีวิต นอนตั้งแต่หัวค่ำ 4 ทุ่มก็ควรนอนได้แล้ว 4.ที่สำคัญต้องรับประทานอาหารเช้า"
ด้าน นพ.ชาญวิทย์ โคธีรานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคศาสตร์องค์รวม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อธิบายว่า จากการสำรวจพบว่า 64%ของชายที่เป็น ED สารภาพว่าเป็น 2 โรคร่วมกัน โดยอยู่ในกลุ่มของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และซึมเศร้า วิตกกังวล ขณะเดียวกันพบว่า 4 สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ED100%คือ เบาหวาน อ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันสูง
สำหรับหลักง่ายๆที่สามารถช่วยให้ห่างไกลจากโรค ED คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารมีประโยชน์ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่
ในการสัมมนาเรื่อง "สมรรถภาพรักเพื่อคุณภาพชีวิต"ที่รพ.จุฬาลงกรณ์ นพ.พันธุ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ด้านสูติศาสตร์และครอบครัวสัมพันธ์ ระบุว่า คนเราอยู่กันได้ก็ด้วยความรัก ตอนที่หญิง-ชายคิดจะมีครอบครัวเขาทั้งคู่ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ด้วยกันเพื่อมี sex อย่างเดียว แต่อยู่ด้วยกันเพื่อสร้างชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันอันมี sex เป็นส่วนประกอบ ดังนั้น sex จึงเป็นสัมผัสรักที่จับต้องได้ ประสบการณ์ของการเป็นแพทย์มีหลายคู่ที่มีปัญหาความรัก โดยที่ส่วนหนึ่งมีปัญหาเรื่องความไม่สมดุลทางเพศ
“ความสัมพันธ์ทางเพศมีผลต่อสถาบันครอบครัว จากการสำรวจพบว่า 30% ของการหย่าร้างมาจากความไม่สมดุลทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่เคยพูดถึง”
นพ.พันธุ์ศักดิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนใหญ่ปัญหาของความไม่สมดุลทางเพศที่ประสบกันมากคือ ภาวะ ED ที่ย่อมาจาก Erectile Dysfunction หรือ โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งคนไทยเกินครึ่งเป็นโรคนี้ แต่มีคนไข้เพียง 2-3 % เท่านั้นที่มาปรึกษาแพทย์
ทั้งนี้ อาการของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คือความล้มเหลวในการมีเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเกิดอาการนี้ขึ้นแล้วก็จะทำให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจในตนเอง และส่งผลต่อความสามารถและความมั่นใจในการจัดการชีวิตด้านอื่นๆ ผู้ประสบกับปัญหาโรคอีดีจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการแก้ปัญหาโดยตรง
สำหรับแนวทางการป้องกันการเกิดโรค ED นั้น นพ.พันธุ์ศักดิ์ ระบุว่า ต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต ปรับแนวคิดการบำบัดอย่าคิดพึ่งยาอย่างเดียว แต่ต้องแก้ไขพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพร่วมกับการใช้ยาเท่าที่จำเป็น ปรับเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ปรับอาหารให้แค่พอเพียง ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ปรับสภาพจิตใจให้เข้มแข็ง เอื้ออาทร มองโลกในแง่บวก ปรับกิจกรรมให้เน้นการเคลื่อนไหวมากขึ้น ไม่นั่งเฉยๆ
“มีคำแนะนำสั้นๆคือ 1.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 2.ทานอาหารที่มีประโยชน์ 3.ปรับวิถีชีวิต นอนตั้งแต่หัวค่ำ 4 ทุ่มก็ควรนอนได้แล้ว 4.ที่สำคัญต้องรับประทานอาหารเช้า"
ด้าน นพ.ชาญวิทย์ โคธีรานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคศาสตร์องค์รวม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อธิบายว่า จากการสำรวจพบว่า 64%ของชายที่เป็น ED สารภาพว่าเป็น 2 โรคร่วมกัน โดยอยู่ในกลุ่มของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และซึมเศร้า วิตกกังวล ขณะเดียวกันพบว่า 4 สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ED100%คือ เบาหวาน อ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันสูง
สำหรับหลักง่ายๆที่สามารถช่วยให้ห่างไกลจากโรค ED คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารมีประโยชน์ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่