โดย...สินีนาฎ ทาบึงกาฬ
ส่วนประชาสัมพันธ์ สสวท.
เรื่องราวของ “ดาวพลูโต” ที่ถูกโหวตออกจากดาวเคราะห์ระบบสุริยะจักรวาลนั้น กลายมาเป็นหัวข้อที่น่าสนใจในแวดวงวิทยาศาสตร์ และแวดวงการศึกษา
กล่าวคือ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ในการประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งประกอบด้วยนักดาราศาสตร์กว่า 2,500 คนจาก 75 ประเทศทั่วโลก ได้มีมติกำหนดนิยามใหม่ของดาวเคราะห์ และได้ข้อสรุปจากการโหวตว่า ดาวเคราะห์ ต้องเป็นวัตถุบนท้องฟ้าที่โคจรรอบดาวฤกษ์ แต่ตัวเองต้องไม่ใช่ดาวฤกษ์ มีมวลมากพอที่จะมีแรงโน้มถ่วงดึงดูดตัวเองให้อยู่ในสภาวะสมดุลอุทกสถิต (hydrostatic equilibrium) และมีวงโคจรที่ชัดเจนและสอดคล้องกับดาวข้างเคียง
มติดังกล่าว ส่งผลให้ดาวพลูโตถูกปลดออกจากการเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ คงเหลือดาวเคราะห์เพียง 8 ดวง เนื่องจากดาวพลูโตไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกระบบสุริยะ และให้ถือว่าดาวพลูโตเป็น ดาวเคราะห์แคระ นอกจากนั้นวัตถุในระบบสุริยะ นอกจากดวงอาทิตย์ ได้ถูกจัดใหม่เป็น 3 ประเภท คือ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ และวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ
ทั้งนี้ การประชุมเพื่อถกเถียงเรื่องสถานภาพของดาวพลูโต ใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์ จากมติดังกล่าวส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก ทั้งวงการดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วงการศึกษา และอื่นๆ
ในบ้านเรามีการรายงานข่าวและมีผู้ให้ความเห็นในเรื่องนี้กันอย่างแพร่หลายและกว้างขวาง หลายคนถามไถ่ว่าแล้วในหนังสือแบบเรียนของบ้านเราล่ะ จะทันสมัยตามกระแสข่าวทันหรือเปล่า จึงได้ไปสอบถามจากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งรับผิดชอบด้านหลักสูตร ตำราเรียน คู่มือครู ฯลฯ ก็ได้ทราบว่า สสวท. นั้นไม่ยอมตกกระแสและไม่ยอมให้นักเรียนบ้านเราได้เรียนดาราศาสตร์แบบล้าหลังแน่นอน เพราะได้เตรียมพร้อมรับมือปรับปรุงตำราเรียนให้ทันสมัยต่อความเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์และสิ่งรอบๆ ตัวอยู่แล้ว
นางดวงสมร คล่องสารา หัวหน้าสาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษา สสวท.กล่าวว่า ที่จริงแล้วการเรียนการสอนเรื่องดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลซึ่งมีเรื่องราวของดาวพลูโตไม่มากนัก การเปลี่ยนสถานภาพของดาวพลูโตจึงไม่จำเป็นไม่ต้องรอให้เปลี่ยนตำรา คู่มือครูก่อนแล้วจึงค่อยสอน ครูสามารถนำไปจัดการเรียนการสอนได้เลย เพราะเนื้อหาของดาวพลูโตที่สื่อต่างๆ เผยแพร่ออกไป รวมทั้งข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็มีเพียงพอที่จะใช้สอน ครูและนักเรียนควรจะนำสถานการณ์นี้มาพูดคุย อภิปราย ร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้
“การสอนเรื่องดวงดาวสามารถสอนได้ทุกระดับชั้น แล้วแต่ครูจะจัดออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ไว้อย่างไร ในแต่ละวันครูสามารถหาประเด็นอะไรก็ได้ที่น่าสนใจจากเรื่องใกล้ๆ ตัวหรือเรื่องที่กำลังเป็นกระแสข่าวน่าสนใจมาพูดคุยกันกับนักเรียน เพราะองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ล้วนมีข้อมูลความเปลี่ยนแปลงและการค้นพบ การวิจัยค้นคว้าใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ การพูดคุยจะกระตุ้นให้นักเรียน เด็กได้คิดต่อ และสนใจใฝ่รู้ตลอดเวลา กระแสข่าวเรื่องดาวพลูโตนั้นแรงและดีมากๆ เพราะจะดึงดูดให้เด็กสนใจดาราศาสตร์มากขึ้น”
ในส่วนของผู้ปกครองและตัวนักเรียนเองนั้น ก็สามารถหาข้อมูลต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และอินเทอร์เน็ตมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นได้เช่นกัน “เป็นจังหวะดีมากที่จะนำเรื่องนี้ให้เด็กได้ค้นคว้าแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ในการพิมพ์ตำราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเล่มล่าสุด ของ สสวท. คือการพิมพ์ที่ 5 สสวท.ได้ปรับปรุงเนื้อหาของดาวพลูโตให้สอดคล้องกับข้อมูลปัจจุบันแล้วกำลังพิมพ์และ จะจัดจำหน่ายเร็ว ๆ นี้”
นางกัญณัฏฐ์ สวัสดิ์สว่าง หัวหน้าสาขาวิทยาศาสตร์ประถมศึกษา สสวท. กล่าวเสริมว่า ครูควรจะดึงข่าวมาเป็นประเด็นเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ ติดตามความก้าวหน้าทางดาราศาสตร์ นำเข้าสู่ประเด็นการสอนวิทยาศาสตร์สาระที่ 6-7 เกี่ยวกับโลกและดวงดาว เป็นการดีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวดาราศาสตร์แบบนี้จะ ทำให้ครูและนักเรียนเกิดความตื่ตัวและอยากเรียนรู้ดาราศาสตร์มากขึ้น อยากให้ครูสนใจดาราศาสตร์ ติดตามความก้าวหน้าทางด้านดาราศาสตร์ รวมทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่เสมอ นอกจากนั้นการเรียนรู้เรื่อง โลกของเราก็สำคัญ เพราะการเปลี่ยนแปลงของโลกและสภาวะแวดล้อมก็มีผลกระทบต่อเราโดยตรงด้วย
สสวท.ได้เล็งเห็นความสำคัญของดาราศาสตร์ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่กระตุ้นให้คนมีความสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี องค์ความรู้ทางดาราศาสตร์ทำให้คน โดยเฉพาะเยาวชน สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองในแง่ของการใช้ความคิดในเชิงเหตุผล ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ การมีจินตนาการ การรู้จักอดทน และเป็นผู้ที่มีความรักและเห็นความสำคัญของธรรมชาติ จึงได้มีการบรรจุเนื้อหาดาราศาสตร์ในหลักสูตรมาตรฐานช่วงชั้น ที่สอดคล้องกับการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ภายใต้การดำเนินการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นอกจากนี้ มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระพี่นางเธอ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้มีดำริให้เพิ่มวิชาดาราศาสตร์ในการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการเพิ่มเติม ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ นอกจากนี้ในปัจจุบันโรงเรียนต่างๆ มากมาย จัดให้มีชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนจัดกิจกรรมและศึกษาหาความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูและนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศจะต้องได้รับการอบรมความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ที่ถูกต้อง ตลอดจนมีทักษะและประสบการณ์ทางด้านการปฏิบัติการและสังเกตการณ์ทางด้านดาราศาสตร์ในระดับหนึ่ง
และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ แหล่งสารสนเทศข้อมูลและความรู้ทางดาราศาสตร์ในระดับหนึ่ง แหล่งสารสนเทศข้อมูลและความรู้ทางดาราศาสตร์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่สามารถค้นหาได้อย่างสะดวกและสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ซึ่งในปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาและองค์กรทางวิชาการหลายแห่งในประเทศไทย มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถทางด้านดาราศาสตร์ที่จะมาร่วมมือกันในการจัดตั้งเครือข่ายสารสนเทศทางดาราศาสตร์ ตลอดจนดำเนินการ เพื่อสามารถเผยแพร่องค์ความรู้ทางดาราศาสตร์สู่โรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิ์และสัมฤทธิผล
สสวท.จึงได้ร่วมมือกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำ “เครือข่ายสารสนเทศ ดาราศาสตร์สำหรับโรงเรียน” เป็นฐานข้อมูลเนื้อหาความรู้ทางดาราศาสตร์ที่เหมาะสมกับการนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ให้ครูสามารถนำหัวข้อและเนื้อหาไปจัดทำหลักสูตรหรือกระบวนวิชาตามมาตรฐานและสาระการเรียนรู้ในแต่ละช่วงชั้นได้ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางดาราศาสตร์สู่โรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิผล สำหรับครู นักเรียน และผู้สนใจ โดยเฉพาะในส่วนของครูนั้นจะมีบริการทั้งสารานุกรมออนไลน์ เนื้อหาบทเรียน ตัวอย่างกระบวนรายวิชา ฯลฯ
ผู้เข้าชมจะได้พบกับสาระเนื้อหาต่าง ๆ มากมาย พร้อมทั้งได้ดูดาวบนท้องฟ้าสด ๆ ที่ทางเครือข่าย ฯ ได้เชื่อมต่อกับกล้องดูดาวแบบ Robotic ไว้ให้ด้วย คลิกเข้าไปชมได้ที่ www.astroschool.in.th หรือhttp://ipst.astroschool.in.th ซึ่งนับว่าเป็นเว็บไซต์ดาราศาสตร์เพื่อการเรียนรู้อันดับหนึ่งของไทยเลยทีเดียว