นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุจำนวนเด็กเร่ร่อนในประเทศไทย จะเพิ่มจาก 20,000 คน เป็น 30,000 คน ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน จี้เร่งแก้ปัญหาเพื่อสกัดการหลั่งไหล ก่อนเกิดเป็นยุวอาชญากรในเมืองใหญ่ และเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และเพศ ระบุต้องจัดการศึกษาและอาชีพให้ความรู้ก่อนส่งกลับประเทศ
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเพื่อเด็กด้อยโอกาส คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังศึกษาวิจัยเรื่องเด็กเร่ร่อนในประเทศไทยได้กว่าร้อยละ 90 เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ได้คำตอบจำนวนเด็กเร่ร่อนมีประมาณ 20,000 คน และในอีก 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็น 30,000 คน กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเด็กมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า ซึ่งขณะนี้เด็กเร่ร่อนจากประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตกในเชิงความมั่นคงและชาติพันธุ์ และเดิมเด็กเหล่านี้เกิดจากระบบโครงสร้างของเศรษฐกิจและสังคม ขณะนี้เริ่มมีขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และเพศ เข้ามาเป็นตัวแปรของการหลั่งไหลเข้าประเทศไทย
“อย่างบริเวณชายแดนคราวที่แล้ว ประเทศพม่าขายในราคา 100 บาท ผมไปที่โรงเกลือ อ.อรัญประเทศ เด็กเขมรถูกขายประมาณ 500-1,000 บาท เอาเข้ามาอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเด็กเร่ร่อนมีเส้นทางจนกระทั่งเข้ากรุงเทพฯ สุดท้ายเด็กเร่ร่อนส่วนใหญ่ยังชีพด้วยการขายบริการทางเพศให้กับฝรั่งต่างชาติที่พัทยา จ.ชลบุรี จากการสำรวจมีฝรั่งเที่ยวเด็กไทยและเด็กเร่ร่อนประมาณ 200-300 คน ซึ่งอยู่โดยอิสระมาก” ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาฯ กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ เปิดเผยด้วยว่า การแก้ปัญหาเด็กเร่ร่อนต้องมีด่านสกัดประมาณ 5-6 จุด เมื่อเด็กผ่านเข้ามาแล้ว คนทำงานในพื้นที่ต้องรุกเข้าไปหาเด็ก และเอาเด็กเข้าไปอยู่บ้านเปิดชั่วคราวและบ้านถาวร ฝึกอาชีพให้การศึกษาและส่งเด็กกลับประเทศ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่อยากกลับประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดของคนไทยที่เห็นว่าทำไมต้องจัดการศึกษาให้เด็กเร่ร่อนที่ลักลอบเข้าประเทศ เพราะถ้าปล่อยให้เด็กเหล่านี้เข้ามาแล้วไม่จัดการศึกษาหรือการสงเคราะห์ ให้จนเกิดการรวมศูนย์กันในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นในระยะยาวจะทำร้ายผู้คนเพราะจากการที่ถูกข่มเหงมาก่อน และจะเกิดยุวอาชญากร รวมไปถึงปัญหาความมั่นคง คนไร้สัญชาติ แต่ถ้าเราดูแลเขาจนเกิดทัศนคติที่ดีระหว่างสองประเทศ เมื่อกลับประเทศเขาแล้วมีอาชีพ ความยากจนลดลง ทำให้การหลั่งไหลเข้าประเทศน้อยลง ลดปัญหาการสู้รบชายแดน
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเพื่อเด็กด้อยโอกาส คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังศึกษาวิจัยเรื่องเด็กเร่ร่อนในประเทศไทยได้กว่าร้อยละ 90 เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ได้คำตอบจำนวนเด็กเร่ร่อนมีประมาณ 20,000 คน และในอีก 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็น 30,000 คน กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเด็กมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า ซึ่งขณะนี้เด็กเร่ร่อนจากประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตกในเชิงความมั่นคงและชาติพันธุ์ และเดิมเด็กเหล่านี้เกิดจากระบบโครงสร้างของเศรษฐกิจและสังคม ขณะนี้เริ่มมีขบวนการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และเพศ เข้ามาเป็นตัวแปรของการหลั่งไหลเข้าประเทศไทย
“อย่างบริเวณชายแดนคราวที่แล้ว ประเทศพม่าขายในราคา 100 บาท ผมไปที่โรงเกลือ อ.อรัญประเทศ เด็กเขมรถูกขายประมาณ 500-1,000 บาท เอาเข้ามาอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเด็กเร่ร่อนมีเส้นทางจนกระทั่งเข้ากรุงเทพฯ สุดท้ายเด็กเร่ร่อนส่วนใหญ่ยังชีพด้วยการขายบริการทางเพศให้กับฝรั่งต่างชาติที่พัทยา จ.ชลบุรี จากการสำรวจมีฝรั่งเที่ยวเด็กไทยและเด็กเร่ร่อนประมาณ 200-300 คน ซึ่งอยู่โดยอิสระมาก” ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาฯ กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ เปิดเผยด้วยว่า การแก้ปัญหาเด็กเร่ร่อนต้องมีด่านสกัดประมาณ 5-6 จุด เมื่อเด็กผ่านเข้ามาแล้ว คนทำงานในพื้นที่ต้องรุกเข้าไปหาเด็ก และเอาเด็กเข้าไปอยู่บ้านเปิดชั่วคราวและบ้านถาวร ฝึกอาชีพให้การศึกษาและส่งเด็กกลับประเทศ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่อยากกลับประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดของคนไทยที่เห็นว่าทำไมต้องจัดการศึกษาให้เด็กเร่ร่อนที่ลักลอบเข้าประเทศ เพราะถ้าปล่อยให้เด็กเหล่านี้เข้ามาแล้วไม่จัดการศึกษาหรือการสงเคราะห์ ให้จนเกิดการรวมศูนย์กันในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นในระยะยาวจะทำร้ายผู้คนเพราะจากการที่ถูกข่มเหงมาก่อน และจะเกิดยุวอาชญากร รวมไปถึงปัญหาความมั่นคง คนไร้สัญชาติ แต่ถ้าเราดูแลเขาจนเกิดทัศนคติที่ดีระหว่างสองประเทศ เมื่อกลับประเทศเขาแล้วมีอาชีพ ความยากจนลดลง ทำให้การหลั่งไหลเข้าประเทศน้อยลง ลดปัญหาการสู้รบชายแดน