xs
xsm
sm
md
lg

ห้องเรียนเรือนแพ "บ้านก้อจัดสรร" โรงเรียนกลางสายน้ำ...ของหนู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สายน้ำเอื่อยๆ ไหลเวียนวน เด็กๆ กระโดดน้ำเสียงตูมตาม ดำผุดดำว่าย ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวสนุกสนานกันตามประสา ก่อนหน้านี้พักใหญ่ๆ เด็กชายเล็กๆ ขออนุญาตคุณครูเล่นน้ำเมื่อหมดชั่วโมงเรียน ขณะที่ครูหนุ่มพยักหน้ารับแล้วนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ เฝ้าเมียงมอง ระแวดระวังอันตราย ถึงแม้เด็กๆ จะว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกว่าปลา
“ห้องเรียนเรือนแพ” โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของน้ำปิงเหนือเขื่อนภูมิพล
ห่างไกลจากโลกกว้างใหญ่ที่สับสนวุ่นวาย เสมือนตัดขาดจากโลกภายนอก โลกเล็กๆ ของ “ห้องเรียนเรือนแพ” แก่งก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่ามกลางสีสันของธรรมชาติ นก ปลา น้ำ แมกไม้ คุณครู 1 คน กับเด็กชาย 4 คน ใช้ชีวิตในเรือนแพเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนบ้านและโรงเรียน...

ครูหนุ่ม สามารถ สุทะ วัย 27 ปี ครูเพียงคนเดียวของห้องเรียนเรือนแพ เล่าให้ฟังว่า ห้องเรียนเรือนแพนี้เป็นสาขาของโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร โรงเรียนขยายโอกาส ซึ่งเปิดสาขาที่ริมลำน้ำปิงเหนือเขื่อนภูมิพล ตั้งแต่ ปี 2536 จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1-6 เพื่อให้เด็กด้อยโอกาสได้มีโอกาสเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาอย่างทั่วถึง

“ที่นี่ไกลจากตัวเมืองมาก ต้องเดินทางจากตัวเมืองลำพูนถึงท่าน้ำแก่งก้อประมาณ 200 กิโลเมตร แล้วนั่งเรือรับจ้างต่อไปยังเรือนแพอีกประมาณ 45 นาทีกว่าจะถึงที่นี่ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างคนทั่วๆไป อาศัยโซลาร์เซลล์ และเครื่องปั่นไฟ ไม่มีอะไรเลย เงียบเชียบมาก พอมาถึงวันแรก ผอ.เอาผมไปทิ้งไว้ที่แพพร้อมกับเรือ 1 ลำ ขับเรือก็ไม่เป็นคืนแรกจะกลับบ้านเสียให้ได้”

เช้าวันต่อมาได้พบเด็กๆ เขาต้องเปลี่ยนใจ เพราะแววตาใสซื่อ น่ารัก น่าเอ็นดู ตามประสาเด็กชนบท ที่แตกต่างจากเด็กในเมืองอย่างสิ้นเชิง ครูสามารถตัดสินใจอยู่ที่นี่และตั้งอกตั้งใจสอนเด็กๆ ให้อ่านออกเขียนได้ แม้ต้องยอมรับว่า คงสู้เด็กในเมืองไม่ได้เพราะที่นี่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน และมีครูที่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาทุกวิชาเพียงลำพังคนเดียว

ชีวิตความเป็นอยู่ของครูสามารถและเด็กนั้น เรียกว่า อยู่กันอย่างครอบครัว เด็กๆ ต้องนอนพักกับครูเพราะแพหาปลาของผู้ปกครองอยู่ไกล

ครูสามารถ เล่าว่า ตื่นเช้าขึ้นมาทุกคนจะต้องช่วยกันหุงข้าว ทำกับข้าว ทำความสะอาดเรือแพ โดยมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกัน หลังจากปฏิบัติภารกิจในช่วงเช้าเรียบร้อย 8 โมงตรง เด็กน้อย 4 คน เข้าแถวหน้ากระดานยืนตรงร้องเพลงชาติด้วยความภาคภูมิใจเหมือนกับโรงเรียนทั่วๆ ไป จากนั้นจึงสวดมนต์ก่อนเข้าเรียนในชั่วโมงแรก พอถึงช่วงเที่ยงจึงประกอบอาหารกลางวันง่ายๆ ซึ่งได้รับเงินจากรัฐในโครงการอาหารกลางวัน10 บาทต่อคนต่อวัน จริงๆมันไม่พอสำหรับเด็กในวัยกำลังกินกำลังนอน กำลังเจริญเติบโตแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรบางวันจึงชวนกันไปหาปลา หรือพอเงินเดือนออกก็ซื้อผลไม้ตามฤดูกาลตุนไว้บ้าง บางวันก็เก็บของป่าเก็บขยะรอบบริเวณแม่น้ำพร้อมกับสอดแทรกความรู้ต่างๆ บ้าง

“การเรียนการสอนจะบูรณาการทุกวิชาเข้าด้วยกัน โดยจะเน้นวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ สุขศึกษา วิชาชีพต่างๆ พร้อมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตในชุมชนเพื่อสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในท้องถิ่นของตนเอง ในชั่วโมงเรียนเนื่องจากมีครูคนเดียวแต่มีเด็กถึง 4 ชั้นเรียน จึงใช้วิธีการสั่งงาน เช่น ให้เด็กกลับไปอ่านนิทานแล้วมาเล่าให้เพื่อนๆ น้องๆ ฟัง เด็กจะดีใจที่เขาสามารถอ่านนิทานได้ อ่านไปคิดไปสนุกกว่าครูเล่าให้ฟังเสียอีก แล้วถ้าเด็กมีปัญหาสงสัยก็จะมาถาม รวมทั้งใช้วิธีพี่สอนน้องด้วย”
“น้องเหมา” เด็กชายตัวเล็กๆ ที่สอนครูหาปลา ขับเรือ
ครูสามารถ เล่าอีกว่า ตอนนี้มีโครงการจัดกิจกรรมมัคคุเทศก์น้อยเสริมในการเรียนการสอน เป็นไกด์ท้องถิ่นที่นำนักท่องเที่ยวชมวนอุทยานแม่ปิงซึ่งมีเมืองใต้บาดาลอายุ 700 ปี ถ้าน้ำลดก็จะเห็นยอดเจดีย์โผล่พ้นน้ำขึ้นมา แน่นอนว่าเด็กๆ จะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก

ครูสามารถวาดฝันโครงการฯ นี้ด้วยความตั้งใจ ติดแต่ที่ทางโรงแม่ยังไม่ยอม เพราะอาจจะต้องใช้งบประมาณมาก ครูสามารถจึงคงต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เรียนรู้ สอนเด็กๆ ไปเรื่อยๆ ก่อนจะลงมือจริง

ไม่เพียงเท่านั้น ครูสามารถยังหมั่นพาเด็กๆ แสวงหาความรู้รอบตัว โดยพาเด็กขึ้นมาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ในวันสำคัญๆ อย่างวันวิทยาศาสตร์ วันภาษาไทย เพื่อให้เด็กได้มาร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน พาเขาไปรู้จักคอมพิวเตอร์ พาไปเที่ยวสวนสัตว์ ซึ่งกลับมาเขาก็จะบ่นบ้างว่าทำไมโรงเรียนของเราจึงไม่มีอย่างในเมือง ก็ชี้ให้เขาเห็นว่า ของบางอย่างก็ไม่จำเป็นในการใช้ชีวิตเลย อย่างคอมพิวเตอร์ถึงมี เราก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
วิถีชีวิตชาวประมงที่อยู่อย่างพอเพียง
อย่างไรก็ตามเด็กๆทุกคนที่นี่มีความฝัน ครูสามารถ เล่าว่า อย่าง “น้องเหมา” เขามีความสามารถในการซ่อมเครื่องยนต์ ขับเรือเก่งมาก น้องเหมาเป็นคนสอนครูให้ขับเรือยนต์ด้วย เมื่อล้อมวงคุยกัน ครูสามารถถามเด็ก ว่าฝันอย่างเป็นอะไรในอนาคต “น้องเหมา” พี่ชายคนโตของน้องๆ บอกว่า ฝันไว้เมื่อโตขึ้น อยากเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์ หรืออย่าง “น้องเดียว” น้องชายคนเล็ก เขาอยากเป็นนักมวย ครูสามารถก็สอนเด็กๆ ว่า ความฝันเป็นจริงได้ แล้วถ้าอยากทำตามความฝันของตัวเองก็จะต้องตั้งใจเรียนอย่าหยุดเรียนไว้เท่านี้

ครูสามารถ พูดถึงปัญหาของเด็กที่โรงเรียนเรือนแพด้วยว่า ปัญหาของเด็กๆ ขณะนี้คือความไม่ต่อเนื่องในการเรียนการสอนเพราะเปลี่ยนครูบ่อย ครูมาอยู่ได้ไม่นานก็ไป สำหรับตัวเขาทุกวันนี้ยังคงมีความสุขกับการได้อยู่กับเด็กๆ พวกเขาก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น