xs
xsm
sm
md
lg

วังบางขุนพรหม วังเทวะเวสม์ 2 สุดยอดพิพิธภัณฑ์“ไฮเทค”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หากเอ่ยชื่อ “พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย” เชื่อว่ามีผู้คนไม่น้อยที่จินตนาการถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ว่า น่าเบื่อหน่ายไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงเรื่องราววิวัฒนาการเกี่ยวกับเงินในยุคสมัยต่างๆ แต่หากมีเวลาสักนิดเข้าชมและสัมผัสเนื้อแท้ของพิพิธภัณฑ์ฯ คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าประทับใจจริงๆ

สมคิด แสงเพชร ผู้บริหารส่วนพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เล่าถึงนิทรรศการต่างๆ ที่จัดแสดงภายในวังบางขุนพรหมจำนวน 7 ห้องว่า ห้องแรกจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเงินตรา ตั้งแต่ยุคแรกที่เป็นเพียงสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ใช้ ขวานหิน ลูกปัด กำไลหิน กำไลสัมฤทธิ์ ฯลฯ เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน จนพัฒนาการ เป็นเงินตรา ได้แก่ เหรียญที่ขุดพบในบริเวณสุวรรณภูมิ และ ดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน เช่น เหรียญฟูนัน ศรีเกษตร ทวารวดี ศรีวิชัย ล้านนา เป็นต้น

จากนั้นเป็นห้องเงินพดด้วงซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับเงินพดด้วงที่ชนชาติไทยผลิตขึ้น ซึ่งมีมูลค่าตามระบบน้ำหนักของโลหะเงินบริสุทธิ์ที่ใช้ตั้งแต่กรุงสุโขทัยจนถึงรัชกาลที่ 5

ห้องที่ 3 เป็นห้องกษาปณ์ไทย เป็นห้องจัดแสดงเหรียญกษาปณ์ที่นำมาใช้แทนเงินพดด้วง ซึ่งรัชกาลที่ 3 โปรดฯ ให้ทดลองผลิตเหรียญเมืองไทยเพื่อ ทอดพระเนตรเป็นตัวอย่าง เหรียญเงินตราพระแสงจักร-พระมหามงกุฎ พระเต้า ซึ่งเป็น เหรียญแบนรุ่นแรก เหรียญเงินบรรณาการซึ่งผลิตจากเครื่องจักรที่สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย ถวายเป็นราชบรรณาการ เหรียญ อัฐโสฬส ผลิตเพื่อเป็นเงินปลีกแทนเบี้ยหอย เหรียญนิกเกิลซึ่งผลิตออกใช้ในรัชกาลที่ 5หลังจากที่ได้ทรงปรับปรุงหน่วย เงินจาก ชั่ง ตำลึง นาค เป็น บาท และสตางค์ จนถึง เหรียญกษาปณ์ที่ออกใช้ในปัจจุบัน

เดินผ่านมาหลายห้องบางคนอาจบอกว่า ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน ก็จัดนิทรรศการทั่วไปแสนจะธรรม ดาแท้ที่จริงแล้วนอกจากห้องต่างๆ จะจัดวางสิ่งของประดับตกแต่งแสงไฟประกอบกับตัวอาคารมีความน่าสนใจและงดงามแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังออกแบบนิทรรศการให้มีความทันสมัย ผสมผสานทั้งรูปแบบพิพิธภัณฑ์แบบเก่าและแบบใหม่อย่างลงตัว เช่น ในห้องกษาปณ์ไทยนี้ก็จะมีคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะการตอบคำถามแบบแฟนพันธุ์แท้ หรือ ให้ลองยกน้ำหนักเปรียบเทียบระหว่างทองคำ เงิน ดีบุก เป็นต้น

เมื่อมาถึงห้องธนบัตรไทยที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ห้องแห่งนี้ได้จัดแสดงวิวัฒนาการการใช้เงินกระดาษที่เรียกว่า "หมาย" และ "ใบพระราชทานเงินตรา" ในรัชกาลที่ 4 รวมทั้ง "เงินกระดาษหลวง" ที่พิมพ์ขึ้น และไม่ได้นำออกใช้ ตลอดจนอัฐกระดาษ บัตรธนาคาร ที่ธนาคารต่างประเทศ ออกใช้ในรัชกาลที่ 5 ด้วย และธนบัตร แบบ 1ในรัชกาลที่ 5 ต่อเนื่องถึงแบบ 15 ในปัจจุบัน

ห้องทองตรา จัดแสดงเงินพดด้วงและเหรียญกษาปณ์ทองคำ ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้ผลิตขึ้นเรียกว่า "ทองตรา" รวมถึงจัดแสดงเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึกในโอกาสพิเศษ ได้แก่ เหรียญทองคำ เงิน นิกเกิล ทองคำแท่งที่ใช้เป็น ทุนสำรองเงินตราและพันธบัตรทองคำ

และหากใครสงสัยเงินปลอมดูกันอย่างไร ที่นี่ก็มีห้องแนะนำวิธีดูธนบัตร โดยจะจัดแสดงวิธีดูธนบัตรปลอม และคำแนะนำ เกี่ยวกับการแลกคืนธนบัตร ชำรุด รวมถึงแหล่ง กำเนิดเงินตราที่สำคัญของโลก ตราประทับที่ ปรากฏ ในเงินพดด้วงสมัยต่าง ๆ ตั้งแต่กรุงสุโขทัย จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ และตัวอย่างธนบัตรต่างประเทศ

สุดท้าย ห้อง 60 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ห้องงานพิมพ์ธนบัตร ที่นี่ให้รายละเอียดถึงที่มาการก่อตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งผู้ว่าการธนาคารฯแต่ละคน

นอกจากนี้ ยังมีจัดแสดงประวัติวังบางขุนพรหม ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ในรูปแบบของศิลปะและสถาปัตยกรรมของอาคาร ตำหนักวังบางขุนพรหม ขั้นตอนการบูรณะและ การอนุรักษ์อาคาร

สำหรับห้องที่น่าสนใจได้แก่ ห้องสีชมพู และห้องสีน้ำเงิน ซึ่งแต่เดิมเป็นห้องรับแขกสำคัญ และบำเพ็ญพระกุศลของวังบางขุนพรหม ปัจจุบันจัดแสดง ภาพเขียน ภาพถ่ายเจ้านายในราชสกุลบริพัตร สิ่งของ เครื่องใช้ในวังบางขุนพรหม เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต และธนาคารเคยจัดเป็นที่รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจน สมเด็จพระบรมราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 แห่งประเทศอังกฤษและพระสวามี

นอกจากนั้นยังมีห้องม้าสน ปัจจุบันจัดแสดงเครื่องลายคราม ถ้วยชามสังคโลก เหมือนเมื่อครั้ง อดีตของวังบางขุนพรหม แต่เดิมฝาผนังตอนบนของห้องนี้ เขียน รูปม้า และ ต้นสน กลางห้องปูพรมรูปม้า จึงเรียกว่า "ห้องม้าสน" ห้องวิวัฒนไชยานุสรณ์ ซึ่งเคยเป็นห้องทรงงานของผู้ว่าการพระองค์แรก ของธนาคารแห่งประเทศไทยคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เมื่อธนาคารย้ายเข้ามาทำการในวังบางขุนพรหม และผู้ว่าการคนต่อ ๆ มา ใช้เป็นห้องทำงานต่อเนื่องกันถึง 10 คน ระหว่างปี 2488-2525 ต่อมาจึงย้ายไปที่อาคารสำนักงานใหญ่ ปัจจุบัน จัดแสดงเครื่องใช้ อุปกรณ์สำนักงาน ของอดีตผู้ว่าการตามสภาพเดิม

สุดท้าย ห้องประชุมเล็ก เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดดนตรีทั้งไทยและสากล โดยทรง นิพนธ์เพลง ไว้ถึง 39 เพลง แต่เดิมห้องนี้จึงเคยเป็นห้องเก็บเครื่อง ดนตรีของวังบางขุนพรหม และต่อมา ธนาคารได้ใช้เป็นห้องประชุม ผู้บริหาร สำหรับกำหนดนโยบายการเงินของประเทศ

ในห้องต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีการนำระบบมัลติมีเดียมาใช้เป็นส่วนประกอบเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชม เช่นการจำลองฉากเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต การนำบทเพลงพระราชนิพนธ์มาจัดแสดง เป็นต้น

สำหรับวังบางขุนพรหมนั้นเป็นการก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ ผสมผสานกับลวดลายศิลปะแบบบาโรค ประตูวังสร้างด้วยเหล็กดัดและเสาปูนประดับลวดลายปูนปั้นที่งดงาม กึ่งกลางสนามมีน้ำพุประดับขอบบ่อด้วยรูปเงือกฝรั่งชายหญิงและสัตว์น้ำต่างๆ

ส่วน “วังเทวะเวสม์” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เป็นวังของสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 4 กับสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา หรือเจ้าจอมมารดาเปี่ยม ต้นราชสกุลเทวกุล และเป็นพระอนุชาต่างพระมารดากับรัชกาลที่ 5

“วังเทวะเวสม์”นี้ มีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะนีโอคลาสสิก มีความงดงามไม่แพ้ที่ใด วังแห่งนี้จัดนิทรรศการพระราชประวัติของสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการฯ ไว้อย่างละเอียด น่าสนใจด้วยเทคโนโลยีไฮเทคเช่นเดียวกัน

นับจากนี้อีกไม่นานธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับปรุงภูมิทัศน์ เมื่อมองจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะเห็นวังทั้งสองโดดเด่นเป็นสง่างดงามคู่เคียงกัน โดยทุบตึกเก่าที่อยู่บริเวณรอบๆ ให้เหลือเพียง 2 วัง คือ วังบางขุนพรหมและวังเทวะเวสม์ และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมโดยไม่เสียเงินในปี 2551

พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลา 09.00-16.00 น. ผู้เข้าชมต้องมาเป็นหมู่คณะ และติดต่อเข้าชมล่วงหน้าติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.0-22835286, 0-2283-6723



กำลังโหลดความคิดเห็น